พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช กลับไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ท่ามกลางพสกนิกรเฝ้าส่งเสด็จฯ อย่างเนืองแน่น
วันนี้ เวลา 11.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงจากห้องประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ในฉลองพระองค์เชิ้ตคอจีนสีชมพูอ่อน ทับด้วยฉลองพระองค์สูทสีชมพู ทรงติดเข็มกลัดพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ที่ปกฉลองพระองค์สูทด้านซ้าย พระสนับเพลาสีดำ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช กลับไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริโสภาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ โดยเสด็จพระราชดำเนินด้วย
ระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถารกับบุคคลสำคัญที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ อาทิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พลเอก สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรี นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และภริยา พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และภริยา พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือและภริยา พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และภริยา พลเอก วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฯลฯ และทรงทอดพระเนตรพสกนิกรที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จด้วยพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชน และทรงแย้มพระสรวลให้กับประชาชนสองข้างทางตลอดเวลา ซึ่งประชาชนทุกหมู่เหล่าที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองและเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” และร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชาอย่างกึกก้อง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินยังศาลาศิริราช 100 ปี ทรงลุกขึ้นและใช้เครื่องช่วยพยุง ทรงสักการะวางพวงมาลัยพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จากนั้นทรงยกกล้องขึ้นฉายภาพประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างเนืองแน่น แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสักการะวางพวงมาลัยที่พระรูป พร้อมทั้งฉายภาพพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำเนินด้วยเครื่องช่วยพยุงจากอาคารศิริราช 100 ปี ไปตามเส้นทางเสด็จฯ ระยะหนึ่ง ก่อนประทับรถเข็นพระที่นั่งไฟฟ้าไปยังรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ กลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
โดยรถยนต์พระที่นั่งได้เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราช ผ่านถนนอรุณอัมรินทร์ ขึ้นสะพานพระราม 8 ลงถนนวิสุทธิกษัตริย์ เลี้ยวซ้ายแยก จปร. เข้าถนนราชดำเนิน เลี้ยวขวาผ่านแยกวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เข้าถนนพระราม 5 จนถึงพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ซึ่งตลอดเส้นทางขบวนเสด็จได้มีข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา โบกธงชาติและธงตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี เฝ้าส่งเสด็จฯ เป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2550 สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 26 ความว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 เพื่อทรงรักษาพระอาการพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง เนื่องจากภาวะขาดพระโลหิตไปเลี้ยงพระสมองด้านซ้ายชั่วคราว และเพื่อทรงรักษาพระอาการเจ็บปั้นพระองค์ด้านขวา ซึ่งเกิดจากติ่งถุงเนื้อเยื่อของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) อักเสบ ซึ่งสำนักพระราชวังได้แถลงการณ์ให้ทราบมาโดยตลอดแล้วนั้น
บัดนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้รายงานว่า การถวายการรักษาด้วยพระโอสถและการที่ทรงบริหารพระวรกาย ทำให้พระวรกายด้านขวาที่อ่อนแรงมีพละกำลังแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับจนทรงพระดำเนินโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยพยุงได้ในระยะสั้น ๆ อาการอักเสบของพระอันตะหายเป็นปรกติ สามารถที่จะเสด็จ พระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราชกลับไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ได้ในวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2550 ในการนี้ คณะแพทย์ฯ ได้ขอพระราชทานให้ทรงบริหารพระวรกายต่อไปอีกสักระยะหนึ่งจนกว่าพระกล้ามเนื้อจะแข็งแรงเต็มที่
อนึ่ง ในระหว่างที่ทรงพระประชวร ปรากฏว่ามีพระบรมวงศานุวงศ์ พระประมุข พระราชวงศ์ต่างประเทศ คณะทูตานุทูต และผู้แทนฝ่ายกงสุล ชาวต่างประเทศ ทั้งที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย ทั้งที่เดินทางมาท่องเที่ยว นักบวชศาสนาต่าง ๆ ตลอดจนข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนทุกหมู่เหล่า ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้แสดงความห่วงใยในพระอาการประชวร ได้ลงพระนามและลงนามถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว รวมทั้งได้เฝ้าติดตามข่าวพระอาการประชวรอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช อย่างใกล้ชิด ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงชื่นชมในความปรารถนาดี ทำให้พระอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระราชกระแสขอบพระทัย และทรงขอบใจ มาแจ้งให้ทราบทั่วกัน
สำนักพระราชวังจะได้ยุติการออกแถลงการณ์เพียงฉบับนี้
จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
ต่อมาเมื่อเวลา 17.45 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติราชการที่จังหวัดสงขลา ว่า ในการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อเช้าวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งขอบใจที่ตนเองได้ไปเข้าเฝ้าฯ ติดตามพระอาการประชวรตลอดเวลา ถือว่าเป็นส่วนที่ได้ติดตามพระอาการมาตลอดห้วงระยะเวลาที่ไปเข้าเฝ้าฯ และติดตามพระอาการในช่วงเย็น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 11.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงจากห้องประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ในฉลองพระองค์เชิ้ตคอจีนสีชมพูอ่อน ทับด้วยฉลองพระองค์สูทสีชมพู ทรงติดเข็มกลัดพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ที่ปกฉลองพระองค์สูทด้านซ้าย พระสนับเพลาสีดำ เพื่อเสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช กลับไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริโสภาพรรณวดี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ โดยเสด็จพระราชดำเนินด้วย
ระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถารกับบุคคลสำคัญที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ อาทิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พลเอก สิทธิ เศวตศิลา องคมนตรี นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และภริยา พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และภริยา พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือและภริยา พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และภริยา พลเอก วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฯลฯ และทรงทอดพระเนตรพสกนิกรที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จด้วยพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชน และทรงแย้มพระสรวลให้กับประชาชนสองข้างทางตลอดเวลา ซึ่งประชาชนทุกหมู่เหล่าที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองและเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” และร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชาอย่างกึกก้อง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินยังศาลาศิริราช 100 ปี ทรงลุกขึ้นและใช้เครื่องช่วยพยุง ทรงสักการะวางพวงมาลัยพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จากนั้นทรงยกกล้องขึ้นฉายภาพประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างเนืองแน่น แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสักการะวางพวงมาลัยที่พระรูป พร้อมทั้งฉายภาพพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำเนินด้วยเครื่องช่วยพยุงจากอาคารศิริราช 100 ปี ไปตามเส้นทางเสด็จฯ ระยะหนึ่ง ก่อนประทับรถเข็นพระที่นั่งไฟฟ้าไปยังรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ กลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
โดยรถยนต์พระที่นั่งได้เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราช ผ่านถนนอรุณอัมรินทร์ ขึ้นสะพานพระราม 8 ลงถนนวิสุทธิกษัตริย์ เลี้ยวซ้ายแยก จปร. เข้าถนนราชดำเนิน เลี้ยวขวาผ่านแยกวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เข้าถนนพระราม 5 จนถึงพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ซึ่งตลอดเส้นทางขบวนเสด็จได้มีข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา โบกธงชาติและธงตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี เฝ้าส่งเสด็จฯ เป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2550 สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 26 ความว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 เพื่อทรงรักษาพระอาการพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง เนื่องจากภาวะขาดพระโลหิตไปเลี้ยงพระสมองด้านซ้ายชั่วคราว และเพื่อทรงรักษาพระอาการเจ็บปั้นพระองค์ด้านขวา ซึ่งเกิดจากติ่งถุงเนื้อเยื่อของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) อักเสบ ซึ่งสำนักพระราชวังได้แถลงการณ์ให้ทราบมาโดยตลอดแล้วนั้น
บัดนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้รายงานว่า การถวายการรักษาด้วยพระโอสถและการที่ทรงบริหารพระวรกาย ทำให้พระวรกายด้านขวาที่อ่อนแรงมีพละกำลังแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับจนทรงพระดำเนินโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยพยุงได้ในระยะสั้น ๆ อาการอักเสบของพระอันตะหายเป็นปรกติ สามารถที่จะเสด็จ พระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราชกลับไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ได้ในวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2550 ในการนี้ คณะแพทย์ฯ ได้ขอพระราชทานให้ทรงบริหารพระวรกายต่อไปอีกสักระยะหนึ่งจนกว่าพระกล้ามเนื้อจะแข็งแรงเต็มที่
อนึ่ง ในระหว่างที่ทรงพระประชวร ปรากฏว่ามีพระบรมวงศานุวงศ์ พระประมุข พระราชวงศ์ต่างประเทศ คณะทูตานุทูต และผู้แทนฝ่ายกงสุล ชาวต่างประเทศ ทั้งที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย ทั้งที่เดินทางมาท่องเที่ยว นักบวชศาสนาต่าง ๆ ตลอดจนข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนทุกหมู่เหล่า ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้แสดงความห่วงใยในพระอาการประชวร ได้ลงพระนามและลงนามถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว รวมทั้งได้เฝ้าติดตามข่าวพระอาการประชวรอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช อย่างใกล้ชิด ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงชื่นชมในความปรารถนาดี ทำให้พระอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระราชกระแสขอบพระทัย และทรงขอบใจ มาแจ้งให้ทราบทั่วกัน
สำนักพระราชวังจะได้ยุติการออกแถลงการณ์เพียงฉบับนี้
จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
ต่อมาเมื่อเวลา 17.45 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติราชการที่จังหวัดสงขลา ว่า ในการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อเช้าวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งขอบใจที่ตนเองได้ไปเข้าเฝ้าฯ ติดตามพระอาการประชวรตลอดเวลา ถือว่าเป็นส่วนที่ได้ติดตามพระอาการมาตลอดห้วงระยะเวลาที่ไปเข้าเฝ้าฯ และติดตามพระอาการในช่วงเย็น
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--