พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีส่งผู้แสวงบุญชาวไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีส่งผู้แสวงบุญชาวไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมี นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เอกอัครราชทูตประเทศมุสลิมประจำประเทศไทย อุปทูตจากมิตรประเทศ ผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้นำศาสนา และพี่น้องประชาชนชาวไทยมุสลิม เข้าร่วมในพิธีส่งผู้แสวงบุญในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวต้อนรับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วนายสด แดงเอียด ได้กล่าวรายงานในนามคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย สรุปว่า ในเทศกาลฮัจย์ปีนี้ ประเทศไทยได้รับโควตาให้พี่น้องมุสลิมชาวไทยไปประกอบพิธีฮัจย์จำนวน 13,000 คน ในจำนวนผู้ที่ยื่นความประสงค์มากกว่า 18,000 คน จึงทำให้มีผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปได้อีกกว่า 5,000 คน คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยโดยคุณหญิง ไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการฯ ได้มีมติให้ทำหนังสือถึงมิตรประเทศซาอุดิอาระเบียผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ขอจำนวนโควตาเพิ่มเติม ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากทางการซาอุดิอาระเบียเป็นอย่างดียิ่งในการเพิ่มโควตาให้อีกจำนวน 2,000 คนทำให้ผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในปีนี้จำนวน 15,000 คน ในส่วนของการอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์นั้น รัฐบาลได้ให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบด้วยระบบเหมาลำจากหาดใหญ่-เจดดาร์ และจากภูเก็ต-เจดดาร์ ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ โดยมีผู้แสวงบุญที่จะเดินทางในวันนี้จำนวน 380 คนออกจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่เวลา 14.00 น. และจะถึงท่าอากาศยานเมืองเจดดาร์ ประเทศซาอุดิอาระเบียในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ได้รับความอนุเคราะห์ต่าง ๆ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในฐานะหน่วยงานที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามนโยบายของรัฐบาล ได้ให้ความสำคัญของการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมเป็นอย่างมาก จึงได้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมกับได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนองค์กรศาสนาอิสลามในการส่งเสริมและดำเนินกิจกรรมหลัก ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ เช่น การปฐมนิเทศ การประชุมสัมมนา การมอบบทขอพร และมีการประชาสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจการฮัจย์ โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ และญาติที่มาส่งจำนวนมากในแต่ละวันได้มีความสุขความสะดวกในการเดินทาง และใช้ชีวิตในประเทศซาอุดิอาระเบียได้อย่างถูกต้องและปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้น พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีได้มอบโล่แก่หน่วยงาน 12 แห่งที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ และได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ว่าถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้น ทุกปีจะมีพี่น้องมุสลิมจากทั่วโลกเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์จำนวนเกือบ 3 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้จะมีพี่น้องชาวมุสลิมที่เป็นคนไทยอยู่ด้วยประมาณ 15,000 คน จึงอาจกล่าวได้ว่าฮัจย์เป็นแหล่งรวมประชาคมโลกขนาดใหย่ที่สุดที่ทุกคนพร้อมใจกันปฏิบัติศาสนกิจอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งรัฐบาลได้เห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนส่งเสริมดำเนินการโดยตลอด ทั้งนี้ เพื่อให้ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ได้รับความสะดวกสบายปลอดภัย และได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการประกอบศาสนกิจอันสำคัญยิ่งนี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ จึงขอให้ผู้ที่เดินทางปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัดและต้องพยายามแสดงออกถึงความเป็นไทยที่ดีงาม เช่น การมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักสันติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยให้กับพี่น้องมุสลิมประเทศอื่น ๆ ได้ประจักษ์
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรอิสลามและทุกส่วนที่มีส่วนร่วมในการทำให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมทั้งให้กำลังใจและขออำนวยพรจากเอกองค์อัลเลาะห์ ซุบบะฮานะฮูวะตะอาลา ให้พี่น้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์โดยอิ่มเอิบกับผลบุญ มีความราบรื่นตลอดการเดินทางและปฏิบัติภารกิจสำเร็จตามความประสงค์ และเดินทางกลับมาตุภูมิโดยสวัสดิภาพ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีส่งผู้แสวงบุญชาวไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมี นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เอกอัครราชทูตประเทศมุสลิมประจำประเทศไทย อุปทูตจากมิตรประเทศ ผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้นำศาสนา และพี่น้องประชาชนชาวไทยมุสลิม เข้าร่วมในพิธีส่งผู้แสวงบุญในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวต้อนรับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วนายสด แดงเอียด ได้กล่าวรายงานในนามคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย สรุปว่า ในเทศกาลฮัจย์ปีนี้ ประเทศไทยได้รับโควตาให้พี่น้องมุสลิมชาวไทยไปประกอบพิธีฮัจย์จำนวน 13,000 คน ในจำนวนผู้ที่ยื่นความประสงค์มากกว่า 18,000 คน จึงทำให้มีผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปได้อีกกว่า 5,000 คน คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยโดยคุณหญิง ไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการฯ ได้มีมติให้ทำหนังสือถึงมิตรประเทศซาอุดิอาระเบียผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ขอจำนวนโควตาเพิ่มเติม ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากทางการซาอุดิอาระเบียเป็นอย่างดียิ่งในการเพิ่มโควตาให้อีกจำนวน 2,000 คนทำให้ผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในปีนี้จำนวน 15,000 คน ในส่วนของการอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์นั้น รัฐบาลได้ให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบด้วยระบบเหมาลำจากหาดใหญ่-เจดดาร์ และจากภูเก็ต-เจดดาร์ ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ โดยมีผู้แสวงบุญที่จะเดินทางในวันนี้จำนวน 380 คนออกจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่เวลา 14.00 น. และจะถึงท่าอากาศยานเมืองเจดดาร์ ประเทศซาอุดิอาระเบียในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ได้รับความอนุเคราะห์ต่าง ๆ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในฐานะหน่วยงานที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามนโยบายของรัฐบาล ได้ให้ความสำคัญของการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมเป็นอย่างมาก จึงได้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมกับได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนองค์กรศาสนาอิสลามในการส่งเสริมและดำเนินกิจกรรมหลัก ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ เช่น การปฐมนิเทศ การประชุมสัมมนา การมอบบทขอพร และมีการประชาสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจการฮัจย์ โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ และญาติที่มาส่งจำนวนมากในแต่ละวันได้มีความสุขความสะดวกในการเดินทาง และใช้ชีวิตในประเทศซาอุดิอาระเบียได้อย่างถูกต้องและปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้น พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีได้มอบโล่แก่หน่วยงาน 12 แห่งที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ และได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ว่าถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้น ทุกปีจะมีพี่น้องมุสลิมจากทั่วโลกเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์จำนวนเกือบ 3 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้จะมีพี่น้องชาวมุสลิมที่เป็นคนไทยอยู่ด้วยประมาณ 15,000 คน จึงอาจกล่าวได้ว่าฮัจย์เป็นแหล่งรวมประชาคมโลกขนาดใหย่ที่สุดที่ทุกคนพร้อมใจกันปฏิบัติศาสนกิจอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งรัฐบาลได้เห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนส่งเสริมดำเนินการโดยตลอด ทั้งนี้ เพื่อให้ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ได้รับความสะดวกสบายปลอดภัย และได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการประกอบศาสนกิจอันสำคัญยิ่งนี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ จึงขอให้ผู้ที่เดินทางปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัดและต้องพยายามแสดงออกถึงความเป็นไทยที่ดีงาม เช่น การมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักสันติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยให้กับพี่น้องมุสลิมประเทศอื่น ๆ ได้ประจักษ์
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรอิสลามและทุกส่วนที่มีส่วนร่วมในการทำให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมทั้งให้กำลังใจและขออำนวยพรจากเอกองค์อัลเลาะห์ ซุบบะฮานะฮูวะตะอาลา ให้พี่น้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์โดยอิ่มเอิบกับผลบุญ มีความราบรื่นตลอดการเดินทางและปฏิบัติภารกิจสำเร็จตามความประสงค์ และเดินทางกลับมาตุภูมิโดยสวัสดิภาพ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--