นายกรัฐมนตรีระบุไม่ห่วงกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีจะปราศรัยผ่านวิดีโอคอนเฟอเร้นท์ และรัฐบาลคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้องให้เป็นหน้าที่ของกกต. พร้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์การออกมาใช้สิทธินอกภูมิลำเนา
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กระทรวงมหาดไทย พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะปราศรัยผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเร้นท์มายังเวทีปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ ว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้ให้คำแนะนำและชี้แจงได้ว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งรัฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มหาเสียงได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะเป็นการปลุกกระแสจนเกิดความวุ่นวายอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาและเชื่อใจประชาชนชาวไทย ไม่จำเป็นต้องให้ทางหน่วยข่าวเข้าไปตรวจสอบ เพราะการดำเนินการทางการเมืองควรจะเป็นเรื่องที่เปิดเผย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎเกณฑ์บางข้อที่เข้มงวดในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ควรมีการผ่อนคลายลงบ้างหรือไม่เพราะบางพรรคมองว่าไม่สะดวกต่อการหาเสียง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่วิจารณ์ในเรื่องเหล่านี้เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต. อย่างวันนี้ในการประชุมกระทรวงมหาดไทยก็ได้มีการหารือเรื่องที่เราจะต้องลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนในระดับตำบลและหมู่บ้าน เรื่องวิธีการกาบัตรเลือกตั้งที่มี 2 แบบ ซึ่งจำเป็นต้องขออนุญาต กกต.ก่อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งกระทรวงมหาดไทยที่ตั้งขึ้นมานั้น จนถึงขณะนี้มีรายงานตัวเลขผู้ที่ขอมาใช้สิทธิเลือกตั้งนอกภูมิลำเนาและการเลือกตั้งในต่างประเทศ ซึ่งต้องเร่งรัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากได้ช่วยรณรงค์ให้ประชาชนออกมาแจ้งใช้สิทธินอกภูมิลำเนามากขึ้น เพราะจากตัวเลขที่ได้รับรายงานขณะนี้มีเพียง 1.9 แสนคน ถือเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก จำเป็นจะต้องเร่งรณรงค์ให้มากขึ้น เพราะเหลือเวลาแค่วันที่ 22 พฤศจิกายนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนออกมาระบุว่ามีการส่งทหารจากหน่วยรบพิเศษ จำนวน 1,000 คน ลงพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่มีปัญหา ขณะนี้ทหารที่ลงไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ก็ไม่เพียงพอแล้ว ไม่ต้องไปทำงานที่อื่น และจากที่ได้ลงไปภาคใต้บ่อย ๆ ก็ได้พบกับผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า ๆ ที่เคยทำงานด้วยกันและรู้ว่าเขาทำงานกันอย่างไร ดังนั้น ไม่ต้องห่วง ทหารรู้ว่าหน้าที่ของเขาอยู่ที่ไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทหารรู้ว่าตรงไหนสำคัญกว่า
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กระทรวงมหาดไทย พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะปราศรัยผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเร้นท์มายังเวทีปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ ว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้ให้คำแนะนำและชี้แจงได้ว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งรัฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มหาเสียงได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะเป็นการปลุกกระแสจนเกิดความวุ่นวายอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาและเชื่อใจประชาชนชาวไทย ไม่จำเป็นต้องให้ทางหน่วยข่าวเข้าไปตรวจสอบ เพราะการดำเนินการทางการเมืองควรจะเป็นเรื่องที่เปิดเผย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎเกณฑ์บางข้อที่เข้มงวดในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ควรมีการผ่อนคลายลงบ้างหรือไม่เพราะบางพรรคมองว่าไม่สะดวกต่อการหาเสียง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่วิจารณ์ในเรื่องเหล่านี้เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต. อย่างวันนี้ในการประชุมกระทรวงมหาดไทยก็ได้มีการหารือเรื่องที่เราจะต้องลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนในระดับตำบลและหมู่บ้าน เรื่องวิธีการกาบัตรเลือกตั้งที่มี 2 แบบ ซึ่งจำเป็นต้องขออนุญาต กกต.ก่อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งกระทรวงมหาดไทยที่ตั้งขึ้นมานั้น จนถึงขณะนี้มีรายงานตัวเลขผู้ที่ขอมาใช้สิทธิเลือกตั้งนอกภูมิลำเนาและการเลือกตั้งในต่างประเทศ ซึ่งต้องเร่งรัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากได้ช่วยรณรงค์ให้ประชาชนออกมาแจ้งใช้สิทธินอกภูมิลำเนามากขึ้น เพราะจากตัวเลขที่ได้รับรายงานขณะนี้มีเพียง 1.9 แสนคน ถือเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก จำเป็นจะต้องเร่งรณรงค์ให้มากขึ้น เพราะเหลือเวลาแค่วันที่ 22 พฤศจิกายนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนออกมาระบุว่ามีการส่งทหารจากหน่วยรบพิเศษ จำนวน 1,000 คน ลงพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่น่าจะเป็นเรื่องที่มีปัญหา ขณะนี้ทหารที่ลงไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ก็ไม่เพียงพอแล้ว ไม่ต้องไปทำงานที่อื่น และจากที่ได้ลงไปภาคใต้บ่อย ๆ ก็ได้พบกับผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า ๆ ที่เคยทำงานด้วยกันและรู้ว่าเขาทำงานกันอย่างไร ดังนั้น ไม่ต้องห่วง ทหารรู้ว่าหน้าที่ของเขาอยู่ที่ไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทหารรู้ว่าตรงไหนสำคัญกว่า
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--