พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดโครงการประชุมสัมมนาเรื่อง "ครส. พบปะคนพิการและสตรี" ผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ผู้แทนคนพิการและสตรี
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดโครงการประชุมสัมมนาเรื่อง "ครส. พบปะคนพิการและสตรี" ผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ผู้แทนคนพิการและสตรี ประมาณ 400 คน จัดโดยคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ทั้งนี้ เพื่อการรณรงค์แก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงของคนพิการและสตรี
นายชาญยุทธ โฆศิรินนท์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการสัมมนาในครั้งนี้ว่า เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ทราบแนวทางการเข้าถึงสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่กำหนดหลักการเพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมประชาธิปไตย คือการลดการผูกขาดอำนาจและสร้างดุลยภาพของอำนาจในทางการเมืองขึ้น โดยมีมาตรการสำคัญคือ 1) เสริมสร้างอำนาจทางการเมืองให้แก่ประชาชนเป็นผู้เล่น มิใช่ผู้ดูทางการเมืองอีกต่อไป 2) การจำกัดการผูกขาดและการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของรัฐ 3) การให้คนที่มีความสามารถเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นอิสระจากการครอบงำของพรรคการเมือง เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนอย่างเต็มที่ 4) การทำให้การเมืองโปร่งใส มีคุณธรรมและจริยธรรม และ 5) การทำให้องค์กรตรวจสอบมีความอิสระ เข้มแข็ง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดำเนินงานส่งเสริมและการขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดจนการเข้าถึงบริการที่รัฐจัดให้ในการใช้สิทธิการเลือกตั้ง ข้อมูลข่าวสารในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งการเผยแพร่ การอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งในด้านหน่วยเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง และ ผู้อำนวยความสะดวกในหน่วยเลือกตั้ง จากการสัมมนาในครั้งนี้คาดว่า จะทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ ความเข้าใจในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง พร้อมมีส่วนร่วมในการใช้สิทธิ การควบคุมดูแล การแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี และมีความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม ด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกับประชาชนทุกภาคส่วนของสังคม รวมทั้งทำให้สังคมเกิดความตระหนักรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ในการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียง อันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนพิการและสตรีให้ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ในการมุ่งมั่นให้สังคมไทยมีความผาสุก เป็นสังคมที่ไม่ทอดทิ้งกันอยู่บนรากฐานที่เข็มแข็ง เพื่อให้เกิดพลังทางสังคมในการพัฒนาสังคมไทยต่อไป
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดสัมมนาว่า คนพิการและสตรีทุกคนที่มาร่วมสัมมนาในวันนี้ มีส่วนสำคัญและถือเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนในประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันรณรงค์การเลือกตั้งเพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเมืองในปัจจุบันนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญที่กระทบต่อปัญหาของการบริหารประเทศ และปัญหาสังคม การที่ ครส. ได้เชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทย เป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง และการที่คณะกรรมการ ครส. ได้เข้ามารณรงค์การซื้อสิทธิขายเสียงในครั้งนี้ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ดังจะเห็นได้จากจำนวนผู้ประสงค์จะขอใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าจำนวนเกือบ 2 ล้านคน
รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงให้สำเร็จได้นั้น ประชาชนผู้มีสิทธิทุกคนจะต้องมาร่วมกันลงคะแนนเสียงในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มากที่สุด เพื่อจะทำให้กระบวนการการซื้อสิทธิขายเสียงไม่ประสบผลสำเร็จ ในส่วนของรัฐบาลได้พยายามสนับสนุนแนวทางด้านคนพิการและสตรีหลายประการ โดยฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ให้การคุ้มครองสิทธิแก่คนพิการมากที่สุด มีการกำหนดการคุ้มครองสิทธิ และ มิให้มีการเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พุทธศักราช 2550 ยังได้สนับสนุนคนพิการให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศใช้แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติฉบับที่ 3 พุทธศักราช 2550-2554 เพื่อเป็นแผนยุทธศาสตร์ของกรอบแนวทางในการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ในส่วนของสตรี รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อบทบาทของสตรีและครอบครัวในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยเปิดโอกาสให้สตรีได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกับชาย และมีโอกาสในการมีส่วนร่วมตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารมากยิ่งขึ้น เพราะถือว่าบทบาทของสตรีในปัจจุบันมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการเป็นรากฐานในการนำพาสังคมและพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ รัฐบาลได้อำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิเลือกตั้งให้แก่ คนพิการคือ นอกจากบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว คนพิการยังสามารถใช้สมุดประจำตัวคนพิการไปแสดงตนในการขอใช้สิทธิในการเลือกตั้งได้ อีกทั้งทุกหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ ส่วนคนพิการทางการมองเห็นนั้น รัฐบาลได้จัดบัตรลงคะแนนแบบชนิดเจาะช่องทาบบัตร และมีอักษรเบลล์กำกับไว้ที่ช่องนั้น ๆ
ในตอนท้าย รองนายกรัฐมนตรีได้ถึงการดำเนินการตามวาระแห่งชาติของรัฐบาลว่า จะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วน และทุกกลุ่มของประชาชนทั่วประเทศ ได้ความมือร่วมใจกันรณรงค์ให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม นี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยของไทยให้มีความยั่งยืน และนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุขตลอดไปจากนั้นเข้าร่วมสัมมนา ได้ประกาศเจตนารมณ์ว่า “เมืองไทยจะก้าวไกล ถ้าผองไทยไม่ขายเสียง” พร้อมกันนี้ นายเทียรี่ เมฆวัฒนา และคณะศิลปินตลก (เด่น ดอกประดู่ กล้วย เชิญยิ้ม และเล็ก ดอกกระโดน) ได้ร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้สิทธิเลือกตั้งและการซื้อสิทธิขายเสียง และมีการบรรยายเรื่องการเตรียมการเลือกตั้งสำหรับคนพิการ โดย ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แสดงความคิดเห็นและซักถามเกี่ยวกับโทษของการซื้อสิทธิขายเสียง และมีการสาธิตการลงคะแนนเสียง เลือกตั้งสำหรับคนพิการอีกด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดโครงการประชุมสัมมนาเรื่อง "ครส. พบปะคนพิการและสตรี" ผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ผู้แทนคนพิการและสตรี ประมาณ 400 คน จัดโดยคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ทั้งนี้ เพื่อการรณรงค์แก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงของคนพิการและสตรี
นายชาญยุทธ โฆศิรินนท์ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการสัมมนาในครั้งนี้ว่า เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ทราบแนวทางการเข้าถึงสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่กำหนดหลักการเพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมประชาธิปไตย คือการลดการผูกขาดอำนาจและสร้างดุลยภาพของอำนาจในทางการเมืองขึ้น โดยมีมาตรการสำคัญคือ 1) เสริมสร้างอำนาจทางการเมืองให้แก่ประชาชนเป็นผู้เล่น มิใช่ผู้ดูทางการเมืองอีกต่อไป 2) การจำกัดการผูกขาดและการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมของรัฐ 3) การให้คนที่มีความสามารถเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นอิสระจากการครอบงำของพรรคการเมือง เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนอย่างเต็มที่ 4) การทำให้การเมืองโปร่งใส มีคุณธรรมและจริยธรรม และ 5) การทำให้องค์กรตรวจสอบมีความอิสระ เข้มแข็ง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดำเนินงานส่งเสริมและการขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดจนการเข้าถึงบริการที่รัฐจัดให้ในการใช้สิทธิการเลือกตั้ง ข้อมูลข่าวสารในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งการเผยแพร่ การอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งในด้านหน่วยเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง และ ผู้อำนวยความสะดวกในหน่วยเลือกตั้ง จากการสัมมนาในครั้งนี้คาดว่า จะทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ ความเข้าใจในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง พร้อมมีส่วนร่วมในการใช้สิทธิ การควบคุมดูแล การแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี และมีความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม ด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกับประชาชนทุกภาคส่วนของสังคม รวมทั้งทำให้สังคมเกิดความตระหนักรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ในการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียง อันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนพิการและสตรีให้ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ในการมุ่งมั่นให้สังคมไทยมีความผาสุก เป็นสังคมที่ไม่ทอดทิ้งกันอยู่บนรากฐานที่เข็มแข็ง เพื่อให้เกิดพลังทางสังคมในการพัฒนาสังคมไทยต่อไป
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดสัมมนาว่า คนพิการและสตรีทุกคนที่มาร่วมสัมมนาในวันนี้ มีส่วนสำคัญและถือเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนในประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันรณรงค์การเลือกตั้งเพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเมืองในปัจจุบันนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญที่กระทบต่อปัญหาของการบริหารประเทศ และปัญหาสังคม การที่ ครส. ได้เชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของไทย เป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง และการที่คณะกรรมการ ครส. ได้เข้ามารณรงค์การซื้อสิทธิขายเสียงในครั้งนี้ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ดังจะเห็นได้จากจำนวนผู้ประสงค์จะขอใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าจำนวนเกือบ 2 ล้านคน
รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงให้สำเร็จได้นั้น ประชาชนผู้มีสิทธิทุกคนจะต้องมาร่วมกันลงคะแนนเสียงในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มากที่สุด เพื่อจะทำให้กระบวนการการซื้อสิทธิขายเสียงไม่ประสบผลสำเร็จ ในส่วนของรัฐบาลได้พยายามสนับสนุนแนวทางด้านคนพิการและสตรีหลายประการ โดยฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ให้การคุ้มครองสิทธิแก่คนพิการมากที่สุด มีการกำหนดการคุ้มครองสิทธิ และ มิให้มีการเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พุทธศักราช 2550 ยังได้สนับสนุนคนพิการให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศใช้แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติฉบับที่ 3 พุทธศักราช 2550-2554 เพื่อเป็นแผนยุทธศาสตร์ของกรอบแนวทางในการดำเนินงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ในส่วนของสตรี รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อบทบาทของสตรีและครอบครัวในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยเปิดโอกาสให้สตรีได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกับชาย และมีโอกาสในการมีส่วนร่วมตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารมากยิ่งขึ้น เพราะถือว่าบทบาทของสตรีในปัจจุบันมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการเป็นรากฐานในการนำพาสังคมและพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ รัฐบาลได้อำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิเลือกตั้งให้แก่ คนพิการคือ นอกจากบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว คนพิการยังสามารถใช้สมุดประจำตัวคนพิการไปแสดงตนในการขอใช้สิทธิในการเลือกตั้งได้ อีกทั้งทุกหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ ส่วนคนพิการทางการมองเห็นนั้น รัฐบาลได้จัดบัตรลงคะแนนแบบชนิดเจาะช่องทาบบัตร และมีอักษรเบลล์กำกับไว้ที่ช่องนั้น ๆ
ในตอนท้าย รองนายกรัฐมนตรีได้ถึงการดำเนินการตามวาระแห่งชาติของรัฐบาลว่า จะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วน และทุกกลุ่มของประชาชนทั่วประเทศ ได้ความมือร่วมใจกันรณรงค์ให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม นี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยของไทยให้มีความยั่งยืน และนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุขตลอดไปจากนั้นเข้าร่วมสัมมนา ได้ประกาศเจตนารมณ์ว่า “เมืองไทยจะก้าวไกล ถ้าผองไทยไม่ขายเสียง” พร้อมกันนี้ นายเทียรี่ เมฆวัฒนา และคณะศิลปินตลก (เด่น ดอกประดู่ กล้วย เชิญยิ้ม และเล็ก ดอกกระโดน) ได้ร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้สิทธิเลือกตั้งและการซื้อสิทธิขายเสียง และมีการบรรยายเรื่องการเตรียมการเลือกตั้งสำหรับคนพิการ โดย ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แสดงความคิดเห็นและซักถามเกี่ยวกับโทษของการซื้อสิทธิขายเสียง และมีการสาธิตการลงคะแนนเสียง เลือกตั้งสำหรับคนพิการอีกด้วย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--