นายกรัฐมนตรีระบุทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มาก พร้อมขอให้ประชาชนอย่าเบื่อหน่ายการเมือง ให้ยึดพระราชดำรัสเลือกคนดีเข้ามาดูแลปกครองบ้านเมือง
เมื่อเวลา 14.45น. ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ ตามโครงการเพิ่มพันธุกรรมและสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถึงจำนวนประชาชนที่มาลงทะเบียนในการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีจำนวนน้อยว่าจำนวนผู้ที่มาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกพื้นที่ ว่ามีจำนวนที่มากพอสมควรแต่ยังไม่มากเท่าที่รัฐบาลได้ตั้งความหวังเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนให้ความสนใจและในวันเลือกตั้งจริงๆ จึงอยากจะเชิญชวนให้ประชาชนออกมาให้สิทธิกันมากๆ และประชาชนบางส่วนยังมีเวลาที่จะเดินทางมาใช้สิทธิในพื้นที่หรือภูมิลำเนาของตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าประชาชนมาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งจำนวนเท่าไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยตัวเลขของประชาชนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ตั้งเป้าหมายว่าอย่างน้อยกว่า 2 ล้านคน แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้น นอกจากนั้น ยังมีประชาชนที่ขอใช้สิทธิเลือกตั้งในต่างประเทศอีกประมาณ 1 แสนคน แต่มีประมาณ 8 หมื่นคน ซึ่งเราคิดว่าคงจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นของคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ระบุว่าประชาชนอาจจะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยและไม่แจ้งเบาะแสการทุจริตเลือกตั้ง รัฐบาลจะรณรงค์อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการ ส่วนรัฐบาลและข้าราชการจะให้ความร่วมมือเต็มที่ หากได้รับข้อมูลจะรีบแจ้งข้อมูลทั้งในระดับจังหวัดและส่วนกลางไปยัง กกต. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องระดับจังหวัดและมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานงานกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ ได้กำชับหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสอดส่องดูแลในเรื่องการทุจริตให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลกังวลหรือไม่ว่าปัญหาการทะเลาะกันระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ จะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเลือกตั้งและไม่ออกมาใช้สิทธิลงคะแนน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราอย่าไปคิดว่าเป็นการทะเลาะกัน ในทางการเมืองเราคงจะต้องคอยดูว่าแต่ละพรรคการเมืองมีนโยบายอะไรบ้าง และประชาชนมีอะไรคาดหวังบ้าง ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญ ส่วนเรื่องความขัดแย้งเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง สิ่งที่อยากจะฝากคือการพูดถึงเรื่องในอนาคตว่าเราจะแก้ไขปัญหากันอย่างไร คิดว่าประชาชนอยากเห็นบ้านเมืองที่มีความสงบ มีความเจริญก้าวหน้า และมีโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง เราจึงต้องช่วยกันทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในการทำงานของพรรคการเมืองเพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบ และควรทำในลักษณะที่สร้างความปรองดอง ความสามัคคีให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลกังวลหรือไม่ว่าในวันเลือกตั้งที่ 23 ธันวาคมนี้ ประชาชนจะไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายเอาไว้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงเป็นเรื่องที่เราจะพยายาม เหมือนทุกคนมีความหวังที่จะสอบได้หรือสอบตก เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม เรื่องการเมืองถือเป็นเรื่องที่เราทุกคนจะต้องให้ความสนใจ อย่าเบื่อหน่าย อย่างที่มีกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานไว้นานแล้วว่า เราจะต้องเลือกคนดีเข้ามาดูแลปกครองบ้านเมืองของเรา ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญ คนไม่ดีก็มี แต่เราควรจะเลือกคนดี
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 14.45น. ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ ตามโครงการเพิ่มพันธุกรรมและสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถึงจำนวนประชาชนที่มาลงทะเบียนในการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีจำนวนน้อยว่าจำนวนผู้ที่มาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกพื้นที่ ว่ามีจำนวนที่มากพอสมควรแต่ยังไม่มากเท่าที่รัฐบาลได้ตั้งความหวังเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนให้ความสนใจและในวันเลือกตั้งจริงๆ จึงอยากจะเชิญชวนให้ประชาชนออกมาให้สิทธิกันมากๆ และประชาชนบางส่วนยังมีเวลาที่จะเดินทางมาใช้สิทธิในพื้นที่หรือภูมิลำเนาของตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าประชาชนมาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งจำนวนเท่าไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยตัวเลขของประชาชนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ตั้งเป้าหมายว่าอย่างน้อยกว่า 2 ล้านคน แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้น นอกจากนั้น ยังมีประชาชนที่ขอใช้สิทธิเลือกตั้งในต่างประเทศอีกประมาณ 1 แสนคน แต่มีประมาณ 8 หมื่นคน ซึ่งเราคิดว่าคงจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นของคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ระบุว่าประชาชนอาจจะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยและไม่แจ้งเบาะแสการทุจริตเลือกตั้ง รัฐบาลจะรณรงค์อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการ ส่วนรัฐบาลและข้าราชการจะให้ความร่วมมือเต็มที่ หากได้รับข้อมูลจะรีบแจ้งข้อมูลทั้งในระดับจังหวัดและส่วนกลางไปยัง กกต. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องระดับจังหวัดและมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานงานกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ ได้กำชับหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันสอดส่องดูแลในเรื่องการทุจริตให้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลกังวลหรือไม่ว่าปัญหาการทะเลาะกันระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ จะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเลือกตั้งและไม่ออกมาใช้สิทธิลงคะแนน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราอย่าไปคิดว่าเป็นการทะเลาะกัน ในทางการเมืองเราคงจะต้องคอยดูว่าแต่ละพรรคการเมืองมีนโยบายอะไรบ้าง และประชาชนมีอะไรคาดหวังบ้าง ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญ ส่วนเรื่องความขัดแย้งเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง สิ่งที่อยากจะฝากคือการพูดถึงเรื่องในอนาคตว่าเราจะแก้ไขปัญหากันอย่างไร คิดว่าประชาชนอยากเห็นบ้านเมืองที่มีความสงบ มีความเจริญก้าวหน้า และมีโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง เราจึงต้องช่วยกันทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในการทำงานของพรรคการเมืองเพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบ และควรทำในลักษณะที่สร้างความปรองดอง ความสามัคคีให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลกังวลหรือไม่ว่าในวันเลือกตั้งที่ 23 ธันวาคมนี้ ประชาชนจะไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายเอาไว้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงเป็นเรื่องที่เราจะพยายาม เหมือนทุกคนมีความหวังที่จะสอบได้หรือสอบตก เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม เรื่องการเมืองถือเป็นเรื่องที่เราทุกคนจะต้องให้ความสนใจ อย่าเบื่อหน่าย อย่างที่มีกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานไว้นานแล้วว่า เราจะต้องเลือกคนดีเข้ามาดูแลปกครองบ้านเมืองของเรา ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญ คนไม่ดีก็มี แต่เราควรจะเลือกคนดี
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--