แท็ก
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สุรยุทธ์ จุลานนท์
กระทรวงมหาดไทย
นายกรัฐมนตรี
การเลือกตั้ง
พระราชดำรัส
นายกรัฐมนตรีระบุรัฐบาลพยายามช่วย กกต.ดูแลการเลือกตั้งให้โปร่งใสเป็นธรรม พร้อมแนะพรรคการเมืองควรยึดพระราชดำรัสที่จะช่วยกันดูแลบ้านเมือง มีความรัก สามัคคี คิดถึงบ้านเมืองก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง
เมื่อเวลา 11.00น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สถาบันพยากรณ์ศาสตร์จัดงาน “โหราพยากรณ์ฟันธง 2008 ส่งท้ายปีหมู เตรียมรับปีหนูโหดร้าย” โดยระบุว่าไม่ว่าใครจะมาบริหารประเทศ ความวุ่นวายก็จะยังไม่สิ้นสุด และอาจเกิดเหตุการณ์ถึงขั้นนองเลือด ว่า ตนเองเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องโหราศาสตร์มากนัก แต่คิดในแง่ของพระพุทธศาสนา คือมองในแง่ที่ว่า เอาเมื่อวานนี้เป็นบทเรียนที่จะแก้ไขในวันนี้ให้ดีขึ้น และในวันรุ่งขึ้นก็ควรจะทำให้ดีกว่าปัจจุบัน ถือเป็นคติทางพุทธศาสนาว่าการที่จะทำให้เกิดความดีงาม เราจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร ซึ่งก็ทำได้ง่ายๆ ตามที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ว่า ถ้าวันไหนหากเราคิดว่าเป็นวันที่ดีแล้ว ก็จงถือว่าวันนั้นเป็นวันที่ดี ไม่ต้องไปดูฤกษ์ยามอะไรมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่เป็นห่วงกันในขณะนี้คือหลังการเลือกตั้ง และมีการจัดตั้งรัฐบาลอาจเกิดความวุ่นวาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคอยดู และมีการเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วว่าจะมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ในฐานะที่จะส่งมอบงานให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง คิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่น่ามีปัญหา ขอให้ยึดถือกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องที่จะช่วยกันดูแลบ้านเมือง มีความรัก สามัคคี คิดถึงบ้านเมืองก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่น่ามีปัญหามากนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังมีกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คิดว่าทุกฝ่ายควรยุติในส่วนที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนักการเมืองและพรรคการเมือง ซึ่งก็หวังว่าการเลือกตั้งส่วนใหญ่จะโปร่งใสเป็นธรรม ในส่วนของรัฐบาลก็พยายามช่วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และร่วมกันรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิและขายเสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นิยาม “ผู้แทนที่เป็นคนดี” ในความหมายของนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงให้ความหมายคำว่าคนดี ยาก เพราะเป็นเรื่องนามธรรม เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลจะพิจารณากันเองว่าความดี ความไม่ดี ความชั่วต่างกันอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เว็บไซต์ “ไฮ-ทักษิณ” ระบุว่าหากเลือกนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมา จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของการพิจารณาของแต่ละบุคคลว่า สิ่งใดที่เราควรจะรับหรือไม่ควรรับ ซึ่งมีความเชื่อในวิจารณญาณของคนไทยมาโดยตลอด ส่วนจะต้องเข้าไปดูแลเว็บไซต์ดังกล่าวหรือไม่นั้น มีหน่วยงานที่ดูแลอยู่แล้ว เท่าที่ทราบขณะนี้ทาง กกต. มีส่วนที่จะชี้แนะหรือให้คำแนะนำว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อการหาเสียงในการเลือกตั้งหรือไม่ หากมีผลกระทบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะได้ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าพรรคการเมืองที่เป็นต้นเหตุและสาเหตุของความวุ่นวาย ไม่ควรได้รับการสนับสนุนจากประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยมองในแง่นั้น อยู่ที่การพิจารณาของประชาชนเองว่าจะพิจารณาอย่างไร สิ่งที่สำคัญน่าจะดูเรื่องนโยบายและตัวบุคคลที่จะมาบริหารนโยบาย เพราะนโยบายเป็นส่วนหนึ่ง การบริหารก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องประกอบกันทั้งสองส่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวคิดว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งมากที่สุด ควรได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวิธีการปฏิบัติของไทยเราก็ทำในมาในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็มีในบางโอกาสที่พรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ก็มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็ไม่ได้กำหนดไว้ ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนตีความ หรือมีคนพิจารณาในส่วนนี้กันพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีพรรคการเมืองอยู่ในใจหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังเป็นสิ่งที่ยังพิจารณาอยู่ ขณะนี้ยังพอมีเวลาที่จะพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังว่าหลังการเลือกตั้งบ้านเมืองควรเดินไปในลักษณะใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คิดเหมือนคนไทยทุกคนที่อยากให้บ้านเมืองมีความสงบ มีความสามัคคี หากการเมืองมีความมั่นคงประเทศก็จะก้าวไปข้างหน้าได้ดีขึ้นกว่านี้ เราเห็นได้ชัดเจนเวลาที่ไปต่างประเทศ หากผู้นำอยู่ในตำแหน่งตามวาระ 4 ปี ตามกฎหมาย ก็จะเป็นทางที่ทำให้การเมืองเกิดความมั่นคง ก็จะสามารถพูดคุยและแก้ไขปัญหาได้อย่างสนิทสนมคุ้นเคย ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ได้จากความมั่นคงทางการเมือง ถ้ามีการเปลี่ยนผู้นำบ่อย ๆ โอกาสเหล่านี้ก็จะน้อยลง ก็ต้องสร้างผู้นำขึ้นมาใหม่ เพื่อให้คนรู้จัก มีความเชื่อมั่น เชื่อถือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังมีกระแสพระราชดำรัสแล้ว รัฐบาลจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเหลือเวลาในการทำหน้าที่ไม่มาก สิ่งที่รัฐบาลจะพยายามคือการดูแลเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหม่ แต่จะเป็นการสานต่อจากสิ่งที่ทำอยู่ และดูแลการเลือกตั้งให้โปร่งใสและเป็นธรรม เกิดความเรียบร้อย เป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังพยายามดำเนินการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 11.00น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สถาบันพยากรณ์ศาสตร์จัดงาน “โหราพยากรณ์ฟันธง 2008 ส่งท้ายปีหมู เตรียมรับปีหนูโหดร้าย” โดยระบุว่าไม่ว่าใครจะมาบริหารประเทศ ความวุ่นวายก็จะยังไม่สิ้นสุด และอาจเกิดเหตุการณ์ถึงขั้นนองเลือด ว่า ตนเองเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องโหราศาสตร์มากนัก แต่คิดในแง่ของพระพุทธศาสนา คือมองในแง่ที่ว่า เอาเมื่อวานนี้เป็นบทเรียนที่จะแก้ไขในวันนี้ให้ดีขึ้น และในวันรุ่งขึ้นก็ควรจะทำให้ดีกว่าปัจจุบัน ถือเป็นคติทางพุทธศาสนาว่าการที่จะทำให้เกิดความดีงาม เราจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร ซึ่งก็ทำได้ง่ายๆ ตามที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ว่า ถ้าวันไหนหากเราคิดว่าเป็นวันที่ดีแล้ว ก็จงถือว่าวันนั้นเป็นวันที่ดี ไม่ต้องไปดูฤกษ์ยามอะไรมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่เป็นห่วงกันในขณะนี้คือหลังการเลือกตั้ง และมีการจัดตั้งรัฐบาลอาจเกิดความวุ่นวาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องคอยดู และมีการเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วว่าจะมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ในฐานะที่จะส่งมอบงานให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง คิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่น่ามีปัญหา ขอให้ยึดถือกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องที่จะช่วยกันดูแลบ้านเมือง มีความรัก สามัคคี คิดถึงบ้านเมืองก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่น่ามีปัญหามากนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังมีกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คิดว่าทุกฝ่ายควรยุติในส่วนที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนักการเมืองและพรรคการเมือง ซึ่งก็หวังว่าการเลือกตั้งส่วนใหญ่จะโปร่งใสเป็นธรรม ในส่วนของรัฐบาลก็พยายามช่วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และร่วมกันรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสิทธิและขายเสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นิยาม “ผู้แทนที่เป็นคนดี” ในความหมายของนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงให้ความหมายคำว่าคนดี ยาก เพราะเป็นเรื่องนามธรรม เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลจะพิจารณากันเองว่าความดี ความไม่ดี ความชั่วต่างกันอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เว็บไซต์ “ไฮ-ทักษิณ” ระบุว่าหากเลือกนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมา จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของการพิจารณาของแต่ละบุคคลว่า สิ่งใดที่เราควรจะรับหรือไม่ควรรับ ซึ่งมีความเชื่อในวิจารณญาณของคนไทยมาโดยตลอด ส่วนจะต้องเข้าไปดูแลเว็บไซต์ดังกล่าวหรือไม่นั้น มีหน่วยงานที่ดูแลอยู่แล้ว เท่าที่ทราบขณะนี้ทาง กกต. มีส่วนที่จะชี้แนะหรือให้คำแนะนำว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อการหาเสียงในการเลือกตั้งหรือไม่ หากมีผลกระทบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะได้ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าพรรคการเมืองที่เป็นต้นเหตุและสาเหตุของความวุ่นวาย ไม่ควรได้รับการสนับสนุนจากประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยมองในแง่นั้น อยู่ที่การพิจารณาของประชาชนเองว่าจะพิจารณาอย่างไร สิ่งที่สำคัญน่าจะดูเรื่องนโยบายและตัวบุคคลที่จะมาบริหารนโยบาย เพราะนโยบายเป็นส่วนหนึ่ง การบริหารก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องประกอบกันทั้งสองส่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวคิดว่าพรรคที่ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งมากที่สุด ควรได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวิธีการปฏิบัติของไทยเราก็ทำในมาในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็มีในบางโอกาสที่พรรคการเมืองที่ไม่ได้เป็นเสียงส่วนใหญ่ก็มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็ไม่ได้กำหนดไว้ ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนตีความ หรือมีคนพิจารณาในส่วนนี้กันพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีพรรคการเมืองอยู่ในใจหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังเป็นสิ่งที่ยังพิจารณาอยู่ ขณะนี้ยังพอมีเวลาที่จะพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังว่าหลังการเลือกตั้งบ้านเมืองควรเดินไปในลักษณะใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คิดเหมือนคนไทยทุกคนที่อยากให้บ้านเมืองมีความสงบ มีความสามัคคี หากการเมืองมีความมั่นคงประเทศก็จะก้าวไปข้างหน้าได้ดีขึ้นกว่านี้ เราเห็นได้ชัดเจนเวลาที่ไปต่างประเทศ หากผู้นำอยู่ในตำแหน่งตามวาระ 4 ปี ตามกฎหมาย ก็จะเป็นทางที่ทำให้การเมืองเกิดความมั่นคง ก็จะสามารถพูดคุยและแก้ไขปัญหาได้อย่างสนิทสนมคุ้นเคย ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ได้จากความมั่นคงทางการเมือง ถ้ามีการเปลี่ยนผู้นำบ่อย ๆ โอกาสเหล่านี้ก็จะน้อยลง ก็ต้องสร้างผู้นำขึ้นมาใหม่ เพื่อให้คนรู้จัก มีความเชื่อมั่น เชื่อถือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังมีกระแสพระราชดำรัสแล้ว รัฐบาลจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเหลือเวลาในการทำหน้าที่ไม่มาก สิ่งที่รัฐบาลจะพยายามคือการดูแลเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหม่ แต่จะเป็นการสานต่อจากสิ่งที่ทำอยู่ และดูแลการเลือกตั้งให้โปร่งใสและเป็นธรรม เกิดความเรียบร้อย เป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังพยายามดำเนินการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--