นายกรัฐมนตรีระบุการพิจารณากฎหมายในขั้นตอนของ สนช. ยังสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ แต่ถ้าหากองค์กรภาคเอกชนได้มาพูดคุยทำความเข้าใจกัน กฎหมายก็จะผ่านไปได้
วันนี้ เวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าพบและหารือกับนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ของนายจอน อึ้งภากรณ์ แกนนำภาคประชาชน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า นายไพบูลย์ฯ ได้รายงานให้ทราบว่ามีกฎหมายบางส่วนที่องค์กรภาคเอกชนเห็นว่าไม่สมควร ในความคิดเห็นที่ได้เรียนนายไพบูลย์ฯ ไปคือว่า ในส่วนของภาครัฐเห็นว่ากฎหมายบางส่วนมีความจำเป็น และขณะนี้การพิจารณากฎหมายก็ยังอยู่ในขั้นตอนที่สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ส่วนกฎหมายบางส่วนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็น ทางสนช. ก็ถอนออกไปแล้ว ซึ่งขณะนี้เป็นขั้นตอนของ สนช. ถ้าหากว่าองค์กรภาคเอกชนจะได้มีโอกาสมาพูดคุยมาทำความเข้าใจช่วยกัน ก็จะผ่านไปได้ และไม่อยากเห็นวิธีการใช้กำลัง ถ้าเราพูดกันด้วยเหตุด้วยผล เพราะความจริงแล้วกฎหมายไม่ใช่แก้ไม่ได้ ถึงออกมาแล้ว ถ้าเห็นว่าไม่ดีก็แก้ไขได้ รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาถ้าเห็นว่าไม่ดีก็ยกเลิกกฎหมายนั้นหรือแก้ไขได้ ไม่มีอะไรที่บอกว่าแก้ไขไม่ได้
ต่อข้อถามว่า ทางกลุ่มองค์กรภาคเอกชนเป็นห่วงว่าการพิจารณากฎหมายของ สนช. อาจไม่มีความชอบธรรม เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และการเร่งพิจารณากฎหมายหลายฉบับ อาจทำให้เกิดความไม่รอบคอบได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องของความชอบธรรมนั้นคิดว่าสภาฯ ชุดนี้เป็นสภาฯ ที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตของตนเอง เพราะบางครั้งสภาฯ ที่มาจากการเลือกตั้งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคการเมือง ก็หันซ้ายขวาตามนโยบายของพรรคการเมือง แต่สภาฯ ชุดนี้ทำไม่ได้ ทุกคนมีความคิดเห็นของตัวเอง ส่วนที่เกรงกันว่าการพิจารณากฎหมายจะไม่รอบคอบนั้น ขอเรียนว่ากฎหมายที่เสนอเข้าไปนั้นเป็นเพียงการแก้ไขบางมาตราไม่ได้พิจารณาใหม่ทั้งฉบับ นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็น เหมือนอย่างที่พูดไปว่าแก้ได้ ถ้าเราช่วยกันดูว่าอะไรที่ไม่ดี ในโอกาสข้างหน้าก็ยังมีอีกที่จะช่วยกันแก้ไข เพราะฉะนั้น ไม่อยากเห็นวิธีการที่ใช้ความรุนแรง พูดง่าย ๆ ว่าวิธีการบังคับ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งดี ไม่ได้เป็นวัฒนธรรมของประชาธิปไตยเลย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าพบและหารือกับนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ของนายจอน อึ้งภากรณ์ แกนนำภาคประชาชน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า นายไพบูลย์ฯ ได้รายงานให้ทราบว่ามีกฎหมายบางส่วนที่องค์กรภาคเอกชนเห็นว่าไม่สมควร ในความคิดเห็นที่ได้เรียนนายไพบูลย์ฯ ไปคือว่า ในส่วนของภาครัฐเห็นว่ากฎหมายบางส่วนมีความจำเป็น และขณะนี้การพิจารณากฎหมายก็ยังอยู่ในขั้นตอนที่สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ส่วนกฎหมายบางส่วนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็น ทางสนช. ก็ถอนออกไปแล้ว ซึ่งขณะนี้เป็นขั้นตอนของ สนช. ถ้าหากว่าองค์กรภาคเอกชนจะได้มีโอกาสมาพูดคุยมาทำความเข้าใจช่วยกัน ก็จะผ่านไปได้ และไม่อยากเห็นวิธีการใช้กำลัง ถ้าเราพูดกันด้วยเหตุด้วยผล เพราะความจริงแล้วกฎหมายไม่ใช่แก้ไม่ได้ ถึงออกมาแล้ว ถ้าเห็นว่าไม่ดีก็แก้ไขได้ รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาถ้าเห็นว่าไม่ดีก็ยกเลิกกฎหมายนั้นหรือแก้ไขได้ ไม่มีอะไรที่บอกว่าแก้ไขไม่ได้
ต่อข้อถามว่า ทางกลุ่มองค์กรภาคเอกชนเป็นห่วงว่าการพิจารณากฎหมายของ สนช. อาจไม่มีความชอบธรรม เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และการเร่งพิจารณากฎหมายหลายฉบับ อาจทำให้เกิดความไม่รอบคอบได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องของความชอบธรรมนั้นคิดว่าสภาฯ ชุดนี้เป็นสภาฯ ที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตของตนเอง เพราะบางครั้งสภาฯ ที่มาจากการเลือกตั้งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคการเมือง ก็หันซ้ายขวาตามนโยบายของพรรคการเมือง แต่สภาฯ ชุดนี้ทำไม่ได้ ทุกคนมีความคิดเห็นของตัวเอง ส่วนที่เกรงกันว่าการพิจารณากฎหมายจะไม่รอบคอบนั้น ขอเรียนว่ากฎหมายที่เสนอเข้าไปนั้นเป็นเพียงการแก้ไขบางมาตราไม่ได้พิจารณาใหม่ทั้งฉบับ นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็น เหมือนอย่างที่พูดไปว่าแก้ได้ ถ้าเราช่วยกันดูว่าอะไรที่ไม่ดี ในโอกาสข้างหน้าก็ยังมีอีกที่จะช่วยกันแก้ไข เพราะฉะนั้น ไม่อยากเห็นวิธีการที่ใช้ความรุนแรง พูดง่าย ๆ ว่าวิธีการบังคับ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งดี ไม่ได้เป็นวัฒนธรรมของประชาธิปไตยเลย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--