พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในงาน "รวมพลคนไม่ขายเสียง" ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่
วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในงาน "รวมพลคนไม่ขายเสียง" ตามโครงการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550 เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 อย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับรณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนไม่ซื้อสิทธิขายเสียง จัดโดยจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่ สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดเชียงใหม่เขต 1 คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ และกลุ่มพลังมวลชน ซึ่งมีพลังมวลชนเข้าร่วมจำนวน 12,000 คน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงานว่า ชาวเชียงใหม่ตระหนักว่าการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้ ถือเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ดังนั้น การเลือกคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงถือเป็นพันธกิจหลักของชาวเชียงใหม่ที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน ฉะนั้น ชาวเชียงใหม่จึงพร้อมใจกันขับเคลื่อนให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดใสสะอาด เลือกตั้ง โปร่งใส เป็นธรรม บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และผลเสียของการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ให้แก่ประชาชน โดยใช้กลไกของอาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย (อสพป.) ที่มีอยู่ในทุกหมู่บ้านจำนวน 480,000 คน ส่งผลให้ประชาชนใน 2,066 หมู่บ้าน 85 ชุมชน 204 ตำบล และ 24 อำเภอ รวมั้งหน่วยงานราชการ องค์กรต่างๆ รวม 351 แห่ง ได้ประกาศแสดงเจตนารมณ์เป็นหมู่บ้านในสะอาด ปลอดการซื้อสิทธิขายเสียงแล้ว และจะพร้อมใจกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างพร้อมเพรียงกันให้มากกว่าร้อยละ 75 ตลอดจนจะดำเนินวิถีประชาธิปไตย เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ชาวเชียงใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการดำรงรักษาระบอบประชาธิปไตย ด้วยการจัดกิจกรรม "รวมพลคนไม่ขายเสียง" ซึ่งเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันเสาร์ที่ 15 และวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2550 และการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 จะเป็นไปตามเจตนารณ์เพื่อขับเคลื่อนวาระจังหวัดเชียงใหม่ใสสะอาด เลือกตั้งโปร่งใส เป็นธรรม เพราะถึงเวลาแล้วที่การปกครองจะต้องเป็นของประชาชนและเพื่อประชาชน ด้วยการคัดเลือกผู้ที่จะมาบริหารประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นลูกจ้างของประชาชน โดยประชาชนเป็นนายจ้างจะต้องเลือกลูกจ้างที่เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความจงรักภักดีต่อชาติและสถาบัน เพื่อดูแลและพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขึ้น พร้อมกันนี้ ก็ขอให้ชาวเชียงใหม่ออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งให้มาก เพราะจะส่งผลให้กระบวนการซื้อสิทธิขายเสียงไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ ทุกคนมีหน้าที่ปกป้องและรักษาประชาธิปไตยของประเทศ
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวนำการประกาศแสดงเจตนารมณ์เพื่อขับเคลื่อนวาระจังหวัดเชียงใหม่ใสสะอาด เลือกตั้งโปร่งใส เป็นธรรม ดังนี้ "ข้าพเจ้า (เอ่ยนามตนเอง) ขอประกาศแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่า จะร่วมแรงร่วมใจ ทำให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดใสสะอาด เลือกตั้งโปร่งใส เป็นธรรม โดยจะดำเนินการ ดังนี้ 1. จะดำเนินวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย 2. จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยพร้อมเพรียงกัน 3. จะเป็นจังหวัดใสสะอาด ปลอดการซื้อสิทธิขายเสียง 4. จะร่วมกันพัฒนาประชาธิปไตยให้เกิดความถูกต้อง เป็นธรรม และเป็นไทยตลอดไป" ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในป้ายประกาศเจตนารมณ์ "คนดีไม่ขายเสียง" โดยมีช้างแสนรู้จากปางแม่สาจำนวน 2 เชือก ร่วมแสดงความสามารถ ด้วยการเป็นตัวแทนชาวเชียงใหม่ลงนามในป้ายประกาศเจตนารมณ์ "คนดีไม่ขายเสียง" และวาดรูป หลังจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานปล่อยขบวนรถรณรงค์การไม่ซื้อสิทธิขายเสียง จำนวน 90 คัน ก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดอุดรธานีต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในงาน "รวมพลคนไม่ขายเสียง" ตามโครงการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550 เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 อย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับรณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนไม่ซื้อสิทธิขายเสียง จัดโดยจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่ สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดเชียงใหม่เขต 1 คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ และกลุ่มพลังมวลชน ซึ่งมีพลังมวลชนเข้าร่วมจำนวน 12,000 คน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงานว่า ชาวเชียงใหม่ตระหนักว่าการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้ ถือเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ดังนั้น การเลือกคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงถือเป็นพันธกิจหลักของชาวเชียงใหม่ที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน ฉะนั้น ชาวเชียงใหม่จึงพร้อมใจกันขับเคลื่อนให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดใสสะอาด เลือกตั้ง โปร่งใส เป็นธรรม บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และผลเสียของการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ให้แก่ประชาชน โดยใช้กลไกของอาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย (อสพป.) ที่มีอยู่ในทุกหมู่บ้านจำนวน 480,000 คน ส่งผลให้ประชาชนใน 2,066 หมู่บ้าน 85 ชุมชน 204 ตำบล และ 24 อำเภอ รวมั้งหน่วยงานราชการ องค์กรต่างๆ รวม 351 แห่ง ได้ประกาศแสดงเจตนารมณ์เป็นหมู่บ้านในสะอาด ปลอดการซื้อสิทธิขายเสียงแล้ว และจะพร้อมใจกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างพร้อมเพรียงกันให้มากกว่าร้อยละ 75 ตลอดจนจะดำเนินวิถีประชาธิปไตย เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ชาวเชียงใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการดำรงรักษาระบอบประชาธิปไตย ด้วยการจัดกิจกรรม "รวมพลคนไม่ขายเสียง" ซึ่งเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันเสาร์ที่ 15 และวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2550 และการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 จะเป็นไปตามเจตนารณ์เพื่อขับเคลื่อนวาระจังหวัดเชียงใหม่ใสสะอาด เลือกตั้งโปร่งใส เป็นธรรม เพราะถึงเวลาแล้วที่การปกครองจะต้องเป็นของประชาชนและเพื่อประชาชน ด้วยการคัดเลือกผู้ที่จะมาบริหารประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นลูกจ้างของประชาชน โดยประชาชนเป็นนายจ้างจะต้องเลือกลูกจ้างที่เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความจงรักภักดีต่อชาติและสถาบัน เพื่อดูแลและพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขึ้น พร้อมกันนี้ ก็ขอให้ชาวเชียงใหม่ออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งให้มาก เพราะจะส่งผลให้กระบวนการซื้อสิทธิขายเสียงไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ ทุกคนมีหน้าที่ปกป้องและรักษาประชาธิปไตยของประเทศ
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวนำการประกาศแสดงเจตนารมณ์เพื่อขับเคลื่อนวาระจังหวัดเชียงใหม่ใสสะอาด เลือกตั้งโปร่งใส เป็นธรรม ดังนี้ "ข้าพเจ้า (เอ่ยนามตนเอง) ขอประกาศแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่า จะร่วมแรงร่วมใจ ทำให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดใสสะอาด เลือกตั้งโปร่งใส เป็นธรรม โดยจะดำเนินการ ดังนี้ 1. จะดำเนินวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตย 2. จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยพร้อมเพรียงกัน 3. จะเป็นจังหวัดใสสะอาด ปลอดการซื้อสิทธิขายเสียง 4. จะร่วมกันพัฒนาประชาธิปไตยให้เกิดความถูกต้อง เป็นธรรม และเป็นไทยตลอดไป" ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในป้ายประกาศเจตนารมณ์ "คนดีไม่ขายเสียง" โดยมีช้างแสนรู้จากปางแม่สาจำนวน 2 เชือก ร่วมแสดงความสามารถ ด้วยการเป็นตัวแทนชาวเชียงใหม่ลงนามในป้ายประกาศเจตนารมณ์ "คนดีไม่ขายเสียง" และวาดรูป หลังจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานปล่อยขบวนรถรณรงค์การไม่ซื้อสิทธิขายเสียง จำนวน 90 คัน ก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดอุดรธานีต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--