นายกรัฐมนตรีระบุไม่เคยมีหุ้น ปตท. เตรียมเสนอ ครม.ตั้งคณะกรรมการกลางพิจารณาทรัพย์สินของ ปตท. หลังศาลมีคำสั่งไม่ยกเลิกการแปรรูป ปตท. แต่ให้โอนทรัพย์สินคืนรัฐ
วันนี้ เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นางสาวรสนา โตสิตระกูล กรรมการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ออกมาระบุว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 14 คน ถือหุ้นใน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และต้องโอนทรัพย์สินคืนรัฐว่า ได้สอบถามเรื่องนี้กับนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แล้ว ได้รับทราบว่านายไพบูลย์ฯ ไม่ได้ถือหุ้นของ ปตท. รวมทั้งตนเองก็ไม่ได้มีหุ้นหรือเข้าไปซื้อหุ้นของ ปตท. ซึ่งขอเรียนว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของหุ้นในตลาดหุ้น และถ้าจะมีก็เป็นของภรรยาที่เคยซื้อหุ้นบ้าง แต่ได้ขายไปหมดแล้ว ในส่วนของตนเองไม่มีแน่นอน เพราะไม่ได้เข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการตรวจสอบการถือหุ้นของรัฐมนตรี 14 คนตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ตรวจสอบ เพราะคิดว่าไม่ได้เป็นการกระทำผิดในแง่ของการซื้อหุ้นของ ปตท. ในช่วงที่ผ่านมา และไม่ได้มีส่วนที่เรียกว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะไม่เข้าข่ายในกรณีที่มีหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดใน ปตท. คือรัฐบาล ถ้าจะพูดว่าทับซ้อนคือกระทรวงการคลังที่ถือหุ้น ปตท.อยู่ 70% นั่นเป็นเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนในส่วนของรัฐบาลมากกว่า และเมื่อรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการแล้วคิดว่าประโยชน์ก็กลับมาสู่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาจข้าราชการ หรือกองทุนอื่น ๆ ก็เป็นส่วนที่ย้อนกลับมาสู่ข้าราชการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าการที่มีรัฐมนตรีถือหุ้นจะทำให้การโอนทรัพย์สินตามคำสั่งศาล คณะรัฐมนตรีอาจจะพิจารณาไม่รอบคอบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การโอนกลับนั้นมีระเบียบอยู่แล้วและ ศาลปกครองได้มีคำสั่งแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ ในเรื่องของการโอน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาพิจารณาดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารจัดการ นั่นเป็นส่วนที่รัฐบาลจำเป็นจะต้องดำเนินการ เพราะยังมีภาคเอกชนจำนวนหนึ่งที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คณะกรรมการกลางจะเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาที่มีการกำหนดไว้แล้ว โดยเป็นการคัดสรรมาจากบุคคลหลากหลายอาชีพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 18 ธันวาคมนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้คงต้องฟังว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งอะไรพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะทราบว่าได้มีการยื่นคำร้องเพิ่มเติมให้คณะรัฐมนตรีเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน แต่ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติม เราคงจะดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และปตท. ซึ่งผลการหารือในรายละเอียดน่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 18 ธันวาคมนี้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าการพิจารณาจะไม่มีการอุ้ม ปตท. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นไปตามระเบียบ อย่างที่เรียนแล้วว่าคงไม่ได้เป็นเรื่องของการอุ้มหรือไม่อุ้มใคร เพราะเหมือนกับว่าเอาสตางค์จากกระเป๋าซ้ายไปใส่กระเป๋าขวาประเด็น ซึ่งประเด็นการพิจารณาในคณะรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องที่จะต้องส่งคืนอสังหาริมทรัพย์ให้กับกระทรวงการคลัง รวมถึงในส่วนของเงินค่าชดเชย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการหารือกับฝ่ายกฎหมายบ้างหรือไม่เพราะมีการตั้งสังเกตว่าการแปรรูป ปตท. นั้น เป็นการทำผิดทั้งจากรัฐบาลนี้และรัฐบาลชุดที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ส่วนการออกพระราชกฤษฎีกานั้นก็ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ต้องการทำให้การแปรรูปรัฐวิสาหกิจดำเนินไปด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่ดำเนินการไปโดยที่ไม่ได้พิจารณาจากทุกแง่ทุกมุม ซึ่งการกำหนดให้มีพระราชกฤษฎีกานั้นก็เพื่อให้การแปรรูปเป็นไปด้วยความรอบคอบมากยิ่งขึ้น มีคณะกรรมการกลั่นกรองการแปรรูป และรัฐบาลนี้ไม่ได้ดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจใด ๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เกรงกันว่ารัฐวิสาหกิจที่ได้แปรรูปแล้วจะเกิดปัญหา รัฐบาลเตรียมแก้ไขอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้คงจะยังไม่เข้าไปดูแลเรื่องอื่น ถ้าหากศาลไม่ได้สั่ง เราคงจะดูแลเฉพาะในเรื่องที่มีปัญหา อย่างที่ได้เรียนแล้วว่า รัฐบาลคงจะมีเวลาพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่จะต้องตัดสินใจนั้นเหลืออยู่น้อยแล้ว และจะทำเฉพาะเรื่องที่มีความจำเป็นจริง ๆ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นางสาวรสนา โตสิตระกูล กรรมการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ออกมาระบุว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 14 คน ถือหุ้นใน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และต้องโอนทรัพย์สินคืนรัฐว่า ได้สอบถามเรื่องนี้กับนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แล้ว ได้รับทราบว่านายไพบูลย์ฯ ไม่ได้ถือหุ้นของ ปตท. รวมทั้งตนเองก็ไม่ได้มีหุ้นหรือเข้าไปซื้อหุ้นของ ปตท. ซึ่งขอเรียนว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของหุ้นในตลาดหุ้น และถ้าจะมีก็เป็นของภรรยาที่เคยซื้อหุ้นบ้าง แต่ได้ขายไปหมดแล้ว ในส่วนของตนเองไม่มีแน่นอน เพราะไม่ได้เข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการตรวจสอบการถือหุ้นของรัฐมนตรี 14 คนตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ตรวจสอบ เพราะคิดว่าไม่ได้เป็นการกระทำผิดในแง่ของการซื้อหุ้นของ ปตท. ในช่วงที่ผ่านมา และไม่ได้มีส่วนที่เรียกว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะไม่เข้าข่ายในกรณีที่มีหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดใน ปตท. คือรัฐบาล ถ้าจะพูดว่าทับซ้อนคือกระทรวงการคลังที่ถือหุ้น ปตท.อยู่ 70% นั่นเป็นเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนในส่วนของรัฐบาลมากกว่า และเมื่อรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการแล้วคิดว่าประโยชน์ก็กลับมาสู่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาจข้าราชการ หรือกองทุนอื่น ๆ ก็เป็นส่วนที่ย้อนกลับมาสู่ข้าราชการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าการที่มีรัฐมนตรีถือหุ้นจะทำให้การโอนทรัพย์สินตามคำสั่งศาล คณะรัฐมนตรีอาจจะพิจารณาไม่รอบคอบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การโอนกลับนั้นมีระเบียบอยู่แล้วและ ศาลปกครองได้มีคำสั่งแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ ในเรื่องของการโอน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาพิจารณาดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการบริหารจัดการ นั่นเป็นส่วนที่รัฐบาลจำเป็นจะต้องดำเนินการ เพราะยังมีภาคเอกชนจำนวนหนึ่งที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คณะกรรมการกลางจะเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาที่มีการกำหนดไว้แล้ว โดยเป็นการคัดสรรมาจากบุคคลหลากหลายอาชีพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 18 ธันวาคมนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้คงต้องฟังว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งอะไรพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะทราบว่าได้มีการยื่นคำร้องเพิ่มเติมให้คณะรัฐมนตรีเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน แต่ถ้าไม่มีอะไรเพิ่มเติม เราคงจะดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และปตท. ซึ่งผลการหารือในรายละเอียดน่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 18 ธันวาคมนี้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าการพิจารณาจะไม่มีการอุ้ม ปตท. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นไปตามระเบียบ อย่างที่เรียนแล้วว่าคงไม่ได้เป็นเรื่องของการอุ้มหรือไม่อุ้มใคร เพราะเหมือนกับว่าเอาสตางค์จากกระเป๋าซ้ายไปใส่กระเป๋าขวาประเด็น ซึ่งประเด็นการพิจารณาในคณะรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องที่จะต้องส่งคืนอสังหาริมทรัพย์ให้กับกระทรวงการคลัง รวมถึงในส่วนของเงินค่าชดเชย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการหารือกับฝ่ายกฎหมายบ้างหรือไม่เพราะมีการตั้งสังเกตว่าการแปรรูป ปตท. นั้น เป็นการทำผิดทั้งจากรัฐบาลนี้และรัฐบาลชุดที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ส่วนการออกพระราชกฤษฎีกานั้นก็ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ต้องการทำให้การแปรรูปรัฐวิสาหกิจดำเนินไปด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่ดำเนินการไปโดยที่ไม่ได้พิจารณาจากทุกแง่ทุกมุม ซึ่งการกำหนดให้มีพระราชกฤษฎีกานั้นก็เพื่อให้การแปรรูปเป็นไปด้วยความรอบคอบมากยิ่งขึ้น มีคณะกรรมการกลั่นกรองการแปรรูป และรัฐบาลนี้ไม่ได้ดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจใด ๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เกรงกันว่ารัฐวิสาหกิจที่ได้แปรรูปแล้วจะเกิดปัญหา รัฐบาลเตรียมแก้ไขอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้คงจะยังไม่เข้าไปดูแลเรื่องอื่น ถ้าหากศาลไม่ได้สั่ง เราคงจะดูแลเฉพาะในเรื่องที่มีปัญหา อย่างที่ได้เรียนแล้วว่า รัฐบาลคงจะมีเวลาพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่จะต้องตัดสินใจนั้นเหลืออยู่น้อยแล้ว และจะทำเฉพาะเรื่องที่มีความจำเป็นจริง ๆ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--