นายกรัฐมนตรีเป็นประธานงาน "ราตรีรั้วแดงกำแพงเหลือง" โดยมีศิษย์เก่า จปร.ทุกรุ่น ทุกหลักสูตร มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
วันนี้ เวลา 18.40 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในงาน “ราตรีรั้วแดงกำแพงเหลือง” ณ สนามหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งเป็นงานเลี้ยงรุ่นของนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับ และมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งในอดีตและปัจจุบันเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี พลเอก บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชากาทหารสูงสุด พลเอก สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี พลเอก วิมล วงษ์วานิช พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก นอกจากนี้ มีนายทหารศิษย์เก่าโรงเรียนนายร้อย จปร. ทุกรุ่นเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
โอกาสนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวต้อนรับในนามศิษย์เก่า จปร.ทุกรุ่น ทุกหลักสูตร สรุปว่า การจัดงานราตรีรั้วแดงกำแพงเหลืองปีนี้ ถือเป็นการจัดงานฯ ครั้งที่ 7 โดยรายได้จากการจัดงานฯ ทั้งหมดจะนำเข้าสมทบกองทุนพัฒนาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อนำไปสนับสนุนกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า มีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ สมกับเป็นสถาบันผลิตนายทหารหลักของกองทัพ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีที่บรรดาศิษย์เก่า จปร. จะได้มาร่วมพบปะสังสรรค์กัน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสมัครสมานสามัคคีของพี่ ๆ น้อง ๆ ชาว จปร. ได้เป็นอย่างดี
จากนั้น นายกรัฐมนตรีในฐานะศิษย์เก่าอาวุโสได้เป็นตัวแทนทำพิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายเครื่องราชสักการะ และกราบบังคมทูลถวายราชสดุดี โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “การที่แผ่นดินไทยได้ผ่านยุคสมัยแห่งความทุกข์เข็ญทั้งหลายทั้งปวง มาสู่ความสงบสุข ความเจริญก้าวหน้า และความเป็นปึกแผ่นมั่นคง มาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยเดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ที่ทรงช่วยผ่อนคลายสถานการณ์อันร้อนแรง และวิกฤติการณ์หลายครั้งหลายหน ให้กลับกลายมาเป็นความร่มเย็น และเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความหวังขึ้นในสังคมไทย แม้ในคราวที่บ้านเมืองต้องประสบกับภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ หรือวิกฤติที่สังคมเกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และยังพระราชทานแนวพระราชดำริในการแก้ปัญหา เช่น ทรงเน้นย้ำให้คนไทยมีความสามัคคี ใช้หลักแห่งความพอดีหรือพอเพียงที่บัดนี้ได้ดำเนินการขยายผลไปทั่วทุกภาค จนช่วยให้ชุมชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งยังพัฒนาตัวเองให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง เป็นกำลังสำคัญในการสร้างรากฐานแห่งความมั่นคง ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ให้แก่ประเทศชาติสืบต่อมา” เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีและผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีมหาราชา และเพลงพ่อแห่งแผ่นดิน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 18.40 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในงาน “ราตรีรั้วแดงกำแพงเหลือง” ณ สนามหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งเป็นงานเลี้ยงรุ่นของนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับ และมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งในอดีตและปัจจุบันเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี พลเอก บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชากาทหารสูงสุด พลเอก สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี พลเอก วิมล วงษ์วานิช พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก นอกจากนี้ มีนายทหารศิษย์เก่าโรงเรียนนายร้อย จปร. ทุกรุ่นเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
โอกาสนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวต้อนรับในนามศิษย์เก่า จปร.ทุกรุ่น ทุกหลักสูตร สรุปว่า การจัดงานราตรีรั้วแดงกำแพงเหลืองปีนี้ ถือเป็นการจัดงานฯ ครั้งที่ 7 โดยรายได้จากการจัดงานฯ ทั้งหมดจะนำเข้าสมทบกองทุนพัฒนาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อนำไปสนับสนุนกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมให้โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า มีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ สมกับเป็นสถาบันผลิตนายทหารหลักของกองทัพ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีที่บรรดาศิษย์เก่า จปร. จะได้มาร่วมพบปะสังสรรค์กัน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสมัครสมานสามัคคีของพี่ ๆ น้อง ๆ ชาว จปร. ได้เป็นอย่างดี
จากนั้น นายกรัฐมนตรีในฐานะศิษย์เก่าอาวุโสได้เป็นตัวแทนทำพิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายเครื่องราชสักการะ และกราบบังคมทูลถวายราชสดุดี โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “การที่แผ่นดินไทยได้ผ่านยุคสมัยแห่งความทุกข์เข็ญทั้งหลายทั้งปวง มาสู่ความสงบสุข ความเจริญก้าวหน้า และความเป็นปึกแผ่นมั่นคง มาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยเดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ที่ทรงช่วยผ่อนคลายสถานการณ์อันร้อนแรง และวิกฤติการณ์หลายครั้งหลายหน ให้กลับกลายมาเป็นความร่มเย็น และเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความหวังขึ้นในสังคมไทย แม้ในคราวที่บ้านเมืองต้องประสบกับภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ หรือวิกฤติที่สังคมเกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และยังพระราชทานแนวพระราชดำริในการแก้ปัญหา เช่น ทรงเน้นย้ำให้คนไทยมีความสามัคคี ใช้หลักแห่งความพอดีหรือพอเพียงที่บัดนี้ได้ดำเนินการขยายผลไปทั่วทุกภาค จนช่วยให้ชุมชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งยังพัฒนาตัวเองให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง เป็นกำลังสำคัญในการสร้างรากฐานแห่งความมั่นคง ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ให้แก่ประเทศชาติสืบต่อมา” เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีและผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีมหาราชา และเพลงพ่อแห่งแผ่นดิน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--