นายกรัฐมนตรีอวยพรปีใหม่ประชาชนชาวไทย ขอให้ปี 2551 เป็นปีแห่งความหวังและเป็นปีแห่งการสร้างความรักความสามัคคี ปรองดองกันของประชาชนในชาติ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการที่จะร่วมกันนำพาประเทศไทยก้าวเดินไปสู่ความเจริญมั่นคง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมากยิ่งขึ้น
เมื่อเวลา 20.10 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปราศรัยแก่ประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ดังนี้
พี่น้องประชาชนที่รักทั้งหลาย
เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ในนามของรัฐบาลผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันตั้งจิตอธิษฐานอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและขออำนาจ ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล โปรดอภิบาลประทานจตุรพิธพรชัยให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุก พระองค์ จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีแผ่ไพศาล ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าเหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนิรันดร
พี่น้องชาวไทยที่รัก
ปีพุทธศักราช 2550 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป เป็นปี แห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งอีกวาระหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งประชาชนชาวไทย และรัฐบาลได้ร่วมใจกันจัดกิจกรรมและงานเฉลิมฉลองตลอด ทั้งปี รวมทั้งได้ร่วมกันทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะ ด้วยความจงรักภักดีและความสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณา ธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยตลอดระยะ เวลาอันยาวนาน เป็นโอกาสอันสำคัญที่ได้นำพาความสุขและความปลาบปลื้มปีติมาสู่ปวงชนชาวไทยต่อเนื่องมาจากปีมหามงคลที่ทรงครองราชย์สมบัติครบ 60 ปี เมื่อพุทธศักราช 2549 ที่ผ่านมา
พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน
ปีพุทธศักราช 2550 เป็นปีที่รัฐบาลโดยการนำของผม ซึ่งได้เข้ามารับหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2549 และถือว่าเป็นรัฐบาลที่ได้เข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ได้แก้ไขปัญหาของชาติทั้งในการสร้างความสามัคคีปรองดอง ความสมานฉันท์ รวมทั้งการวางรากฐานที่สำคัญๆ ให้แก่บ้านเมือง เพื่อนำพาประเทศ ให้ผ่านพ้นปัญหาและก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่นมั่นคง อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าการจะทำให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผลโดยสมบูรณ์ จำเป็นจะต้องใช้เวลาและก็การมีส่วนร่วมของคนส่วนใหญ่ในชาติ แต่ด้วยความร่วมมือของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ประเทศไทยของเรากลับสู่การพัฒนาตามแนวทางพื้นฐานที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความเจริญที่มั่นคงยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายสืบต่อไป
ภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการ ก็คือ การนำประเทศไทยกลับคืนสู่ครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยรัฐบาลได้สนับสนุนกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 และการจัดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมโดยเร็ว เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก โดยพี่น้องประชาชนได้ร่วมกันไปลงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญฯ และได้ไปปฏิบัติหน้าที่พลเมืองดีด้วยการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยผลการเลือกตั้งที่ออกมาถือว่าเป็นการตัดสินใจของพี่น้อง ประชาชนส่วนใหญ่ และคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะมาถึงนี้ ประเทศไทยก็น่าจะมีรัฐบาลใหม่มาทำหน้าที่บริหารประเทศแทนรัฐบาลปัจจุบันต่อไป
พี่น้องประชาชนที่รัก
ก่อนที่รัฐบาลนี้จะสิ้นสุดการบริหารราชการแผ่นดิน ผมในนามของรัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน ที่ได้ ให้ความร่วมมือในการทำงานด้วยดีตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลนอกจากจะได้ดำเนินงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ด้วยความตั้งใจอย่างเต็มกำลังความสามารถแล้ว ยังได้แก้ไขปัญหาสำคัญและเร่งด่วนที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
เช่น ปัญหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2549 ที่มีพี่น้องประชาชนในหลายจังหวัดได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก และปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแม้ว่าในขณะนี้การแก้ไขปัญหาจะยังไม่จบสิ้น แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และความเสียสละของเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น พี่น้องประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและมีขวัญกำลังใจมากขึ้น ซึ่งผมมั่นใจว่าอีกไม่นานสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะกลับคืนสู่ความสงบร่มเย็นได้อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของประเทศ การต่างประเทศ และด้านอื่นๆ รัฐบาลได้พยายามสร้างความสมดุลให้กับการพัฒนาประเทศ ทุกด้าน และวางรากฐานของชาติให้เข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยรัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ด้วยการเสนอกฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันและผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารบ้านเมือง ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมของคนในชาติ สร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในทุกองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ยึดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการวางรากฐานของสังคมและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีภูมิคุ้มกันต่อ ผลกระทบที่เกิดจากภาวะความผันผวนหรือความเปลี่ยนแปลง ต่างๆ ในส่วนท้องถิ่น รัฐบาลก็ได้จัดทำยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งบนพื้นฐานการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองตามความต้องการของชุมชน รวมทั้งได้ดำเนิน การปฏิรูปการศึกษา โดยยึดหลักคุณธรรมนำความรู้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนไทย ให้กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้พัฒนาและปรับปรุงระบบกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมหลักนิติธรรมให้ขึ้นในสังคมไทย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสมอภาคและเป็นธรรม ส่วนด้านการต่างประเทศ รัฐบาลก็ได้เร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นานาประเทศทั่วโลก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้กลับคืนมา ซึ่งขณะนี้หลังจากที่ประเทศไทยได้จัดการเลือกตั้งเสร็จแล้ว และกำลังจะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งในไม่ช้า ผมเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ความพยายามของรัฐบาลในการเสริมสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็ง ของประเทศทุกด้าน จะช่วยให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีแนวทางที่ถูกต้อง เหมาะสม และก้าวไปสู่การพัฒนาที่มั่นคงถาวร เป็นที่ยอมรับของประเทศทั่วโลกต่อไป
พี่น้องประชาชนที่เคารพ
ก่อนที่เราจะได้รัฐบาลใหม่มาทำหน้าที่บริหารประเทศ ต่อไปนั้น ผมขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกคนพึงตระหนักและน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ที่ทรงเน้นย้ำในความสุจริต มีเมตตา และความสามัคคีของคนในชาติ มายึดถือและปฏิบัติ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดินไทยแห่งนี้สืบต่อไป
พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย
ปีพุทธศักราช 2551 ที่จะถึงนี้ ผมหวังว่าจะเป็นปีแห่งความหวังและเป็นปีแห่งการสร้างความรักความสามัคคี ปรองดองกันของประชาชนในชาติ เพื่อแสดงความจงรัก ภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการที่จะร่วมกันนำพาประเทศไทยก้าวเดินไปสู่ความเจริญมั่นคง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าเป้าหมายดังกล่าวคงไม่ไกลเกินไป หากพี่น้องคนไทยทั้งชาติจะมีความรัก ความสามัคคี และยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และประโยชน์ของประเทศ ชาติเป็นสำคัญ
ในศุภวารดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 นี้ ผมและคณะรัฐมนตรีทุกคนขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ อีกทั้ง พระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โปรดดลบันดาลประทาน พรให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน มีจิตใจที่เข้มแข็งดีงาม มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ และความเจริญก้าวหน้าในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการตลอดไป
สวัสดีปีใหม่ครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 20.10 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปราศรัยแก่ประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ดังนี้
พี่น้องประชาชนที่รักทั้งหลาย
เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ในนามของรัฐบาลผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันตั้งจิตอธิษฐานอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและขออำนาจ ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล โปรดอภิบาลประทานจตุรพิธพรชัยให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุก พระองค์ จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีแผ่ไพศาล ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าเหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนิรันดร
พี่น้องชาวไทยที่รัก
ปีพุทธศักราช 2550 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป เป็นปี แห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งอีกวาระหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งประชาชนชาวไทย และรัฐบาลได้ร่วมใจกันจัดกิจกรรมและงานเฉลิมฉลองตลอด ทั้งปี รวมทั้งได้ร่วมกันทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะ ด้วยความจงรักภักดีและความสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณา ธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยตลอดระยะ เวลาอันยาวนาน เป็นโอกาสอันสำคัญที่ได้นำพาความสุขและความปลาบปลื้มปีติมาสู่ปวงชนชาวไทยต่อเนื่องมาจากปีมหามงคลที่ทรงครองราชย์สมบัติครบ 60 ปี เมื่อพุทธศักราช 2549 ที่ผ่านมา
พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน
ปีพุทธศักราช 2550 เป็นปีที่รัฐบาลโดยการนำของผม ซึ่งได้เข้ามารับหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2549 และถือว่าเป็นรัฐบาลที่ได้เข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ได้แก้ไขปัญหาของชาติทั้งในการสร้างความสามัคคีปรองดอง ความสมานฉันท์ รวมทั้งการวางรากฐานที่สำคัญๆ ให้แก่บ้านเมือง เพื่อนำพาประเทศ ให้ผ่านพ้นปัญหาและก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่นมั่นคง อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าการจะทำให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผลโดยสมบูรณ์ จำเป็นจะต้องใช้เวลาและก็การมีส่วนร่วมของคนส่วนใหญ่ในชาติ แต่ด้วยความร่วมมือของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ประเทศไทยของเรากลับสู่การพัฒนาตามแนวทางพื้นฐานที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความเจริญที่มั่นคงยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายสืบต่อไป
ภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการ ก็คือ การนำประเทศไทยกลับคืนสู่ครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยรัฐบาลได้สนับสนุนกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 และการจัดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมโดยเร็ว เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก โดยพี่น้องประชาชนได้ร่วมกันไปลงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญฯ และได้ไปปฏิบัติหน้าที่พลเมืองดีด้วยการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยผลการเลือกตั้งที่ออกมาถือว่าเป็นการตัดสินใจของพี่น้อง ประชาชนส่วนใหญ่ และคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะมาถึงนี้ ประเทศไทยก็น่าจะมีรัฐบาลใหม่มาทำหน้าที่บริหารประเทศแทนรัฐบาลปัจจุบันต่อไป
พี่น้องประชาชนที่รัก
ก่อนที่รัฐบาลนี้จะสิ้นสุดการบริหารราชการแผ่นดิน ผมในนามของรัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน ที่ได้ ให้ความร่วมมือในการทำงานด้วยดีตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลนอกจากจะได้ดำเนินงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ด้วยความตั้งใจอย่างเต็มกำลังความสามารถแล้ว ยังได้แก้ไขปัญหาสำคัญและเร่งด่วนที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
เช่น ปัญหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2549 ที่มีพี่น้องประชาชนในหลายจังหวัดได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก และปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแม้ว่าในขณะนี้การแก้ไขปัญหาจะยังไม่จบสิ้น แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และความเสียสละของเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น พี่น้องประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและมีขวัญกำลังใจมากขึ้น ซึ่งผมมั่นใจว่าอีกไม่นานสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะกลับคืนสู่ความสงบร่มเย็นได้อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของประเทศ การต่างประเทศ และด้านอื่นๆ รัฐบาลได้พยายามสร้างความสมดุลให้กับการพัฒนาประเทศ ทุกด้าน และวางรากฐานของชาติให้เข้มแข็งเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยรัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ด้วยการเสนอกฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันและผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารบ้านเมือง ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมของคนในชาติ สร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในทุกองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ยึดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการวางรากฐานของสังคมและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีภูมิคุ้มกันต่อ ผลกระทบที่เกิดจากภาวะความผันผวนหรือความเปลี่ยนแปลง ต่างๆ ในส่วนท้องถิ่น รัฐบาลก็ได้จัดทำยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งบนพื้นฐานการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองตามความต้องการของชุมชน รวมทั้งได้ดำเนิน การปฏิรูปการศึกษา โดยยึดหลักคุณธรรมนำความรู้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนไทย ให้กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้พัฒนาและปรับปรุงระบบกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมหลักนิติธรรมให้ขึ้นในสังคมไทย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสมอภาคและเป็นธรรม ส่วนด้านการต่างประเทศ รัฐบาลก็ได้เร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นานาประเทศทั่วโลก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้กลับคืนมา ซึ่งขณะนี้หลังจากที่ประเทศไทยได้จัดการเลือกตั้งเสร็จแล้ว และกำลังจะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งในไม่ช้า ผมเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ความพยายามของรัฐบาลในการเสริมสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็ง ของประเทศทุกด้าน จะช่วยให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีแนวทางที่ถูกต้อง เหมาะสม และก้าวไปสู่การพัฒนาที่มั่นคงถาวร เป็นที่ยอมรับของประเทศทั่วโลกต่อไป
พี่น้องประชาชนที่เคารพ
ก่อนที่เราจะได้รัฐบาลใหม่มาทำหน้าที่บริหารประเทศ ต่อไปนั้น ผมขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกคนพึงตระหนักและน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ที่ทรงเน้นย้ำในความสุจริต มีเมตตา และความสามัคคีของคนในชาติ มายึดถือและปฏิบัติ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดินไทยแห่งนี้สืบต่อไป
พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย
ปีพุทธศักราช 2551 ที่จะถึงนี้ ผมหวังว่าจะเป็นปีแห่งความหวังและเป็นปีแห่งการสร้างความรักความสามัคคี ปรองดองกันของประชาชนในชาติ เพื่อแสดงความจงรัก ภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการที่จะร่วมกันนำพาประเทศไทยก้าวเดินไปสู่ความเจริญมั่นคง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าเป้าหมายดังกล่าวคงไม่ไกลเกินไป หากพี่น้องคนไทยทั้งชาติจะมีความรัก ความสามัคคี และยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และประโยชน์ของประเทศ ชาติเป็นสำคัญ
ในศุภวารดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 นี้ ผมและคณะรัฐมนตรีทุกคนขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ อีกทั้ง พระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โปรดดลบันดาลประทาน พรให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน มีจิตใจที่เข้มแข็งดีงาม มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ และความเจริญก้าวหน้าในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการตลอดไป
สวัสดีปีใหม่ครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--