พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ครั้งที่ 1 / 2551
วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ครั้งที่ 1 / 2551
ภายหลังการประชุม นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้
ในวาระประธานแจ้งที่ประชุมทราบ รองนายกรัฐมนตรีและประธาน ครส. ได้พูดถึงเรื่องการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ของคณะกรรมการ ครส. ที่เป็นไปตามวาระแห่งชาติ โดยภาพรวมนั้นถือว่าสัมฤทธิผลอย่างมากและประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขอบคุณหน่วยราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ช่วยเผยแพร่ ทำการรณรงค์เรื่องการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทั้งนี้ ประธานฯ ครส.ได้กล่าวในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการไปใช้สิทธิของประชาชน ที่มีมากถึงร้อยละ 74.45 ซึ่งถือว่าบรรลุเป้าหมาย พร้อมกับมีความห่วงใยในเรื่องการปลูกและสร้างจิตสำนึกในเรื่องการไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยประธาน ครส. กล่าวว่าในเรื่องการสร้างจิตสำนึกเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ดังสุภาษิตที่ว่า ”กรุงโรมไม่ได้สร้างขึ้นได้เพียงวันเดียว”
พร้อมกันนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กล่าวรายงานถึงผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อที่ประชุม ทั้งระบบสัดส่วนและระบบแบ่งเขต ซึ่งข้อมูลล่าสุด กกต. รายงานว่าขณะนี้มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 397 คน ยังไม่มีการประกาศ 83 คน จะมีการจัดการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 13 มกราคม 2550 และจะต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมดหลังจากการประกาศใบเหลืองใบแดงแล้ว ให้เสร็จสิ้นในวันที่ 22 มกราคม 2550 ทั้งนี้ กกต. รายงานว่าเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้มีการก่อตั้ง กกต. ในปี 2541 ที่รัฐบาลได้มีบทบาทช่วยเหลือ กกต.อย่างมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ และมีความสำเร็จที่เกิดขึ้นมากคือประชาชนชาวไทยในต่างประเทศใช้สิทธิเลือกตั้งสูงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง กกต.ได้ขอบคุณรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และกรรมการ ครส. ทุกคน ขณะเดียวกัน กกต. ได้ชี้แจงเรื่องการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ว่า ขณะนี้ กกต. อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะดำเนินการให้จบสิ้นกระบวนการในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 และขอเชิญชวนองค์กรต่าง ๆ เสนอชื่อบุคคลต่อ กกต. ซึ่งจากข้อมูลที่ กกต.ได้ชี้แจงคือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) สามารถสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้ แต่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถสมัครได้
“ ภายหลังการชี้แจงของรองเลขาธิการ กกต. แล้ว ประธาน ครส. ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มีข่าวคราวที่ฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ ในเรื่องที่ว่าระหว่าง ครส. กับ กกต. มีการแทรกแซง มีความขัดแย้งกันตามข่าวนั้น ความจริงแล้วไม่มีการขัดแย้งกันใด ๆ ทั้งสิ้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการดำเนินงานทั้งหมดของคณะกรรมการ ครส. คณะอนุกรรมการทุกชุด ตลอดจนจากกระทรวงและหน่วยงานภาคราชการทุกส่วน ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 15 มกราคม 2551 แต่ที่ประชุมได้มีการหารืออภิปรายกันอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ ครส. ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ในหน้าสุดท้ายที่ว่า “ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการยุติบทบาทภายใน 15 วันทำการ นับแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองและประกาศผลการเลือกตั้งทุกเขตแล้วเสร็จอย่างเป็นทางการ” ที่ประชุมจึงมอบหมายให้ กกต. คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ กระทรวง และหน่วยงานต่าง ๆ ไปรวบรวมศึกษารายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มขึ้นในกรณีปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่จะดำเนินการ ซึ่งผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ ได้เสนอแนะว่า นอกจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์แล้ว มีการดำเนินงาน ประสานงาน สนับสนุนส่งเสริมจากรัฐบาล ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั้ง ๆ ที่เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงน่าจะมีการนำเสนอข้อมูลความเป็นจริง ตัวเลขต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องวิธีการโกง กลยุทธ์ เทคนิค ตามที่ประธาน ครส. ได้กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่คลาสสิกและไฮเทคมาก ๆ โดยต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กกต. กระทรวงต่าง ๆ ได้นำเสนอข้อมูลเรื่องเทคนิค ลีลา ว่าคลาสสิกและไฮเทคอย่างไร ซึ่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เสนอว่าน่าจะเป็นตำราในอนาคตสำหรับคนในแวดวงวิชาการที่จะนำไปสอนหนังสือได้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในตอนท้าย ประธาน ครส. ได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการทุกคน แต่การประชุมครั้งนี้ยังไม่เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของ ครส. โดยอาจจะมีการประชุมอีก 1 ครั้ง เพื่อพิจารณาสรุปรายงานผลการดำเนินงานทั้งหมดในอีกประมาณ 3 — 4 สัปดาห์ข้างหน้า
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 11.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ครั้งที่ 1 / 2551
ภายหลังการประชุม นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้
ในวาระประธานแจ้งที่ประชุมทราบ รองนายกรัฐมนตรีและประธาน ครส. ได้พูดถึงเรื่องการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ของคณะกรรมการ ครส. ที่เป็นไปตามวาระแห่งชาติ โดยภาพรวมนั้นถือว่าสัมฤทธิผลอย่างมากและประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขอบคุณหน่วยราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ช่วยเผยแพร่ ทำการรณรงค์เรื่องการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทั้งนี้ ประธานฯ ครส.ได้กล่าวในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการไปใช้สิทธิของประชาชน ที่มีมากถึงร้อยละ 74.45 ซึ่งถือว่าบรรลุเป้าหมาย พร้อมกับมีความห่วงใยในเรื่องการปลูกและสร้างจิตสำนึกในเรื่องการไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยประธาน ครส. กล่าวว่าในเรื่องการสร้างจิตสำนึกเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ดังสุภาษิตที่ว่า ”กรุงโรมไม่ได้สร้างขึ้นได้เพียงวันเดียว”
พร้อมกันนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กล่าวรายงานถึงผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อที่ประชุม ทั้งระบบสัดส่วนและระบบแบ่งเขต ซึ่งข้อมูลล่าสุด กกต. รายงานว่าขณะนี้มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 397 คน ยังไม่มีการประกาศ 83 คน จะมีการจัดการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 13 มกราคม 2550 และจะต้องจัดการเลือกตั้งซ่อมใหม่ทั้งหมดหลังจากการประกาศใบเหลืองใบแดงแล้ว ให้เสร็จสิ้นในวันที่ 22 มกราคม 2550 ทั้งนี้ กกต. รายงานว่าเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้มีการก่อตั้ง กกต. ในปี 2541 ที่รัฐบาลได้มีบทบาทช่วยเหลือ กกต.อย่างมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ และมีความสำเร็จที่เกิดขึ้นมากคือประชาชนชาวไทยในต่างประเทศใช้สิทธิเลือกตั้งสูงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง กกต.ได้ขอบคุณรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และกรรมการ ครส. ทุกคน ขณะเดียวกัน กกต. ได้ชี้แจงเรื่องการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ว่า ขณะนี้ กกต. อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะดำเนินการให้จบสิ้นกระบวนการในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 และขอเชิญชวนองค์กรต่าง ๆ เสนอชื่อบุคคลต่อ กกต. ซึ่งจากข้อมูลที่ กกต.ได้ชี้แจงคือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) สามารถสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้ แต่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถสมัครได้
“ ภายหลังการชี้แจงของรองเลขาธิการ กกต. แล้ว ประธาน ครส. ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มีข่าวคราวที่ฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ ในเรื่องที่ว่าระหว่าง ครส. กับ กกต. มีการแทรกแซง มีความขัดแย้งกันตามข่าวนั้น ความจริงแล้วไม่มีการขัดแย้งกันใด ๆ ทั้งสิ้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการดำเนินงานทั้งหมดของคณะกรรมการ ครส. คณะอนุกรรมการทุกชุด ตลอดจนจากกระทรวงและหน่วยงานภาคราชการทุกส่วน ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 15 มกราคม 2551 แต่ที่ประชุมได้มีการหารืออภิปรายกันอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ ครส. ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ในหน้าสุดท้ายที่ว่า “ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการยุติบทบาทภายใน 15 วันทำการ นับแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองและประกาศผลการเลือกตั้งทุกเขตแล้วเสร็จอย่างเป็นทางการ” ที่ประชุมจึงมอบหมายให้ กกต. คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ กระทรวง และหน่วยงานต่าง ๆ ไปรวบรวมศึกษารายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มขึ้นในกรณีปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่จะดำเนินการ ซึ่งผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ ได้เสนอแนะว่า นอกจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์แล้ว มีการดำเนินงาน ประสานงาน สนับสนุนส่งเสริมจากรัฐบาล ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั้ง ๆ ที่เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงน่าจะมีการนำเสนอข้อมูลความเป็นจริง ตัวเลขต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องวิธีการโกง กลยุทธ์ เทคนิค ตามที่ประธาน ครส. ได้กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่คลาสสิกและไฮเทคมาก ๆ โดยต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กกต. กระทรวงต่าง ๆ ได้นำเสนอข้อมูลเรื่องเทคนิค ลีลา ว่าคลาสสิกและไฮเทคอย่างไร ซึ่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เสนอว่าน่าจะเป็นตำราในอนาคตสำหรับคนในแวดวงวิชาการที่จะนำไปสอนหนังสือได้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในตอนท้าย ประธาน ครส. ได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการทุกคน แต่การประชุมครั้งนี้ยังไม่เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของ ครส. โดยอาจจะมีการประชุมอีก 1 ครั้ง เพื่อพิจารณาสรุปรายงานผลการดำเนินงานทั้งหมดในอีกประมาณ 3 — 4 สัปดาห์ข้างหน้า
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--