นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมกรมที่ดิน พร้อมแนะให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลการจัดทำเอกสารสิทธิ์ที่ดินระหว่างหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งวางระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วย
วันนี้ เวลา 10.00 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกรมที่ดิน โดยมีนายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ อธิบดีกรมที่ดิน ให้การต้อนรับ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดิน
นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ อธิบดีกรมที่ดิน ได้กล่าวต้อนรับและรายงานสรุปภารกิจของกรมที่ดิน สรุปว่า กรมที่ดินได้ให้ความสำคัญในการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทย โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการบริการประชาชน ด้วยการพัฒนาการบริการในด้านระบบงานการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการปฏิบัติงาน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีจิตสำนึกในการปฏิบัติงานเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2551 ได้อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินเพื่อการบริหารจัดการระบบที่ดิน ซึ่งในอนาคตเมื่อระบบดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะเป็นประโยชน์กับผู้มาทำธุรกรรมกับกรมที่ดิน ซึ่งสามารถทำธุรกรรมต่างสำนักงานได้ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคู่กรณี รวมทั้งฐานข้อมูลในเอกสารสิทธิ์ที่ดินจะเป็นปัจจุบัน อีกทั้งยังป้องกันการซ้ำซ้อนในการถือครองที่ดินอีกด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกรมที่ดินตอนหนึ่งว่า ขอให้กรมที่ดินพิจารณาในเรื่องการประกันความเสี่ยงของการใช้ระบบเทคโนโลยีดังกล่าวด้วย เพราะบางครั้งการจัดเก็บฐานข้อมูลด้วยระบบดิจิตอลอาจไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องมีการวางระบบสำรองเพื่อใช้ในการสนับสนุนการจัดเก็บฐานข้อมูลไว้ด้วย นอกจากนี้ ในการจัดทำเอกสารสิทธิ์ที่ดินควรจะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กระทรวงการคลัง (ในส่วนของที่ราชพัสดุ) เพื่อให้การออกเอกสารสิทธิ์ในการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรหรือที่ดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์สามารถทำได้อย่างถูกต้องชัดเจนและใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐในลักษณะนี้จะทำให้เกิดการเทียบเคียงข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ง่าย และจะเป็นข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินเพื่อการบริหารจัดการระบบที่ดินถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในอนาคตของการบริหารทรัพยากรที่ดินของประเทศ ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ตามแนวทางที่วางไว้ จะทำให้ลดทั้งค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็วในการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่สำคัญคือความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งในอนาคตคงจะต้องมีเจาะรหัสลับในหน่วยงาน (แฮ็กเกอร์) เข้ามาอย่างแน่นอน ไม่ว่าระบบจะวางไว้ดีอย่างไรก็ตาม อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ยังมีปัญหานี้เกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล เพราะจะเป็นส่วนที่สร้างความเชื่อถือและเชื่อมั่นให้กับระบบดังกล่าว และขอให้ข้าราชการนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการทำงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยยืนอยู่บนความสมดุลและความพอเพียง รวมทั้งจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ต่อประชาชนด้วย
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และเยี่ยมชมการให้บริการประชาชนของเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จากนั้นได้แถลงว่า ในการตรวจเยี่ยมกรมที่ดินวันนี้ ได้รับทราบว่าอยู่ระหว่างการเตรียมปรับปรุงระบบข้อมูลที่ดิน จากการถือครองเอกสารสิทธิ์ที่ทุกคนมีอยู่ไปเป็นระบบดิจิตอล ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจสอบเรื่องการถือครองที่ดินในทุกส่วนได้อย่างสะดวกและชัดเจนมากยิ่งขึ้น และไม่เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลามากจนเกินไป รวมทั้งจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลและดูแลในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกรมที่ดิน โดยมีนายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ อธิบดีกรมที่ดิน ให้การต้อนรับ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดิน
นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ อธิบดีกรมที่ดิน ได้กล่าวต้อนรับและรายงานสรุปภารกิจของกรมที่ดิน สรุปว่า กรมที่ดินได้ให้ความสำคัญในการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทย โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการบริการประชาชน ด้วยการพัฒนาการบริการในด้านระบบงานการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการปฏิบัติงาน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีจิตสำนึกในการปฏิบัติงานเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2551 ได้อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินเพื่อการบริหารจัดการระบบที่ดิน ซึ่งในอนาคตเมื่อระบบดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะเป็นประโยชน์กับผู้มาทำธุรกรรมกับกรมที่ดิน ซึ่งสามารถทำธุรกรรมต่างสำนักงานได้ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคู่กรณี รวมทั้งฐานข้อมูลในเอกสารสิทธิ์ที่ดินจะเป็นปัจจุบัน อีกทั้งยังป้องกันการซ้ำซ้อนในการถือครองที่ดินอีกด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกรมที่ดินตอนหนึ่งว่า ขอให้กรมที่ดินพิจารณาในเรื่องการประกันความเสี่ยงของการใช้ระบบเทคโนโลยีดังกล่าวด้วย เพราะบางครั้งการจัดเก็บฐานข้อมูลด้วยระบบดิจิตอลอาจไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องมีการวางระบบสำรองเพื่อใช้ในการสนับสนุนการจัดเก็บฐานข้อมูลไว้ด้วย นอกจากนี้ ในการจัดทำเอกสารสิทธิ์ที่ดินควรจะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กระทรวงการคลัง (ในส่วนของที่ราชพัสดุ) เพื่อให้การออกเอกสารสิทธิ์ในการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรหรือที่ดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์สามารถทำได้อย่างถูกต้องชัดเจนและใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐในลักษณะนี้จะทำให้เกิดการเทียบเคียงข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ง่าย และจะเป็นข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินเพื่อการบริหารจัดการระบบที่ดินถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในอนาคตของการบริหารทรัพยากรที่ดินของประเทศ ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ตามแนวทางที่วางไว้ จะทำให้ลดทั้งค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็วในการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่สำคัญคือความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งในอนาคตคงจะต้องมีเจาะรหัสลับในหน่วยงาน (แฮ็กเกอร์) เข้ามาอย่างแน่นอน ไม่ว่าระบบจะวางไว้ดีอย่างไรก็ตาม อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ยังมีปัญหานี้เกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล เพราะจะเป็นส่วนที่สร้างความเชื่อถือและเชื่อมั่นให้กับระบบดังกล่าว และขอให้ข้าราชการนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการทำงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยยืนอยู่บนความสมดุลและความพอเพียง รวมทั้งจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ต่อประชาชนด้วย
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และเยี่ยมชมการให้บริการประชาชนของเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จากนั้นได้แถลงว่า ในการตรวจเยี่ยมกรมที่ดินวันนี้ ได้รับทราบว่าอยู่ระหว่างการเตรียมปรับปรุงระบบข้อมูลที่ดิน จากการถือครองเอกสารสิทธิ์ที่ทุกคนมีอยู่ไปเป็นระบบดิจิตอล ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจสอบเรื่องการถือครองที่ดินในทุกส่วนได้อย่างสะดวกและชัดเจนมากยิ่งขึ้น และไม่เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลามากจนเกินไป รวมทั้งจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลและดูแลในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--