นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิระบบดิจิตอล พร้อมเยี่ยมชมโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อเพื่อเพิ่มรายได้ บ้านราษฎร์ภักดี ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และเปิดโรงงานกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล VGEN
วันนี้ เวลา 12.10 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ ได้เดินทางไปยังวนอุทยานภูชี้ฟ้า ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจสภาพภูมิทัศน์วนอุทยานภูชี้ฟ้า และเยี่ยมชมอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิระบบดิจิตอล โดยมี นายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และประชาชนให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศ มีสภาพอากาศหนาวเย็น และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก ทางจังหวัดเชียงรายจึงจัดสร้างอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิระบบดิจิตอล ขนาด 1.50 เมตร x 50 เมตร ติดตั้งไว้ที่วนอุทยานภูชี้ฟ้า ดอยแม่สลอง และบริเวณอนุสาวรีย์ พ่อขุนเม็งราย โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1.5 แสนบาท โดยได้ดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 เพื่อเป็นการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังบ้านราษฎร์ภักดี ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงรายเพื่อเยี่ยมชมโครงการตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 (โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อเพื่อเพิ่มรายได้) ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า บ้านเมืองเราจะมีความเจริญก้าวหน้าได้นั้นจะต้องมีผู้นำที่คิดดีทำดี และมีความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเป็นประธานเปิดโรงงานกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล VGEN ของโรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีเชียงราย โดยมีคณะผู้บริหารโรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีเชียงราย และนักศึกษา ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ คณะครู อาจารย์ และนักศึกษา สาขาช่างยนต์และสาขาช่างไฟฟ้า ของโรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจฯ ได้ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่องจักร เพื่อกลั่นน้ำมันไบโอดีเซลต้นแบบขึ้นในโรงเรียนฯ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2548 พร้อมกับทำการศึกษาวิจัยทดลองผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจนได้มาตรฐาน สามารถผลิตน้ำมันไบโอดีเซลร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่มีส่วนผสมอื่นและใช้ได้ผลดีกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลทุกชนิด จึงได้มีการระดมทุน จำนวน 80 ล้านบาท มีคณะกรรมการดำเนินงานในรูปของบริษัท ชื่อบริษัท อี-เอสเทอร์ จำกัด และได้พัฒนาเป็นโรงกลั่นน้ำมันไบโอดีเซลที่มีขนาดใหญ่ และทันสมัยขึ้น และได้ย้ายโรงกลั่นน้ำมันออกจากพื้นที่ของโรงเรียนฯ ไปอยู่ในพื้นที่ที่ขนาดใหญ่และทันสมัยขึ้น ซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งของโรงเรียนฯ ออกไปประมาณ 300 เมตร บนถนนพหลโยธิน ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยตั้งชื่อว่า โรงกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล VGEN (VALUED GREEN ENERGY) หรือพลังงานสีเขียวที่มีคุณค่า
ในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจากโรงกลั่นฯ แห่งนี้ วัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากน้ำมันปาล์ม น้ำมันเหลือใช้จากชุมชน จึงทำให้มีการพัฒนาร่วมกันระหว่างโรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจฯ กับบริษัท อี-เอสเทอร์ จำกัด โดยร่วมมือกับชาวเชียงรายก่อตั้งสหกรณ์ปาล์มขึ้น และจดทะเบียนในนาม “สหกรณ์ปาล์มน้ำมันล้านนาจำกัด” เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 ในปัจจุบันสมาชิกมีพื้นที่ในการปลูกต้นปาล์มน้ำมัน จำนวน 8,000 ไร่ โดยประมาณการว่าเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มจะมีรายได้เฉลี่ย 15,000 บาทต่อไร่ต่อปี นอกจากนี้สหกรณ์ยังจะมีรายได้จากการปลูกพืชหมุนเวียนระหว่างแถวต้นปาล์มร้อยละ 60 ของพื้นที่ของความต้องการปลูกอีกด้วย
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่โรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจและเทคโนโลยี ได้ตั้งโรงงานกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล VGEN ขึ้นมา ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีพลังงานทดแทน โดยใช้พืช และจากน้ำมันที่ใช้แล้ว นับว่าเป็นการเป็นการประหยัดการนำเข้าน้ำมันดิบที่กำลังมีราคาแพงในขณะนี้ ซึ่งจะช่วยสถานะทางด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลมีความทุ่มเท และมุ่งมั่นที่จะหาพลังงานทดแทนและส่งเสริมพลังงานที่ผลิตได้จากพืชต่าง ๆ ซึ่งหากทุกฝ่ายมีความร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะทำให้การดำเนินงานก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และไม่ต้องพึ่งพิงทรัพยากรจากต่างชาติมากนัก และรัฐบาลก็ได้ให้ความสนใจในการพัฒนาชุมชน และการลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
ภายหลังเปิดโรงงานกลั่นน้ำมันฯ แล้ว ดร.พิชิต อัคราทิตย์ ผู้จัดการกองทุน เอ็ม.เอฟ ซี เอนเนอจีฟันด์ ได้กล่าวรายงานขั้นตอนและกระบวนการผลิต เสร็จแล้ว ดร.วิชัย ใจวิสุทธ์หรรษา นำคณะเยี่ยมชมกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 12.10 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ ได้เดินทางไปยังวนอุทยานภูชี้ฟ้า ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจสภาพภูมิทัศน์วนอุทยานภูชี้ฟ้า และเยี่ยมชมอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิระบบดิจิตอล โดยมี นายปรีชา กมลบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และประชาชนให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศ มีสภาพอากาศหนาวเย็น และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก ทางจังหวัดเชียงรายจึงจัดสร้างอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิระบบดิจิตอล ขนาด 1.50 เมตร x 50 เมตร ติดตั้งไว้ที่วนอุทยานภูชี้ฟ้า ดอยแม่สลอง และบริเวณอนุสาวรีย์ พ่อขุนเม็งราย โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1.5 แสนบาท โดยได้ดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 เพื่อเป็นการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังบ้านราษฎร์ภักดี ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงรายเพื่อเยี่ยมชมโครงการตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 (โครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อเพื่อเพิ่มรายได้) ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า บ้านเมืองเราจะมีความเจริญก้าวหน้าได้นั้นจะต้องมีผู้นำที่คิดดีทำดี และมีความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเป็นประธานเปิดโรงงานกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล VGEN ของโรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีเชียงราย โดยมีคณะผู้บริหารโรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีเชียงราย และนักศึกษา ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ คณะครู อาจารย์ และนักศึกษา สาขาช่างยนต์และสาขาช่างไฟฟ้า ของโรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจฯ ได้ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่องจักร เพื่อกลั่นน้ำมันไบโอดีเซลต้นแบบขึ้นในโรงเรียนฯ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2548 พร้อมกับทำการศึกษาวิจัยทดลองผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจนได้มาตรฐาน สามารถผลิตน้ำมันไบโอดีเซลร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่มีส่วนผสมอื่นและใช้ได้ผลดีกับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลทุกชนิด จึงได้มีการระดมทุน จำนวน 80 ล้านบาท มีคณะกรรมการดำเนินงานในรูปของบริษัท ชื่อบริษัท อี-เอสเทอร์ จำกัด และได้พัฒนาเป็นโรงกลั่นน้ำมันไบโอดีเซลที่มีขนาดใหญ่ และทันสมัยขึ้น และได้ย้ายโรงกลั่นน้ำมันออกจากพื้นที่ของโรงเรียนฯ ไปอยู่ในพื้นที่ที่ขนาดใหญ่และทันสมัยขึ้น ซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งของโรงเรียนฯ ออกไปประมาณ 300 เมตร บนถนนพหลโยธิน ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยตั้งชื่อว่า โรงกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล VGEN (VALUED GREEN ENERGY) หรือพลังงานสีเขียวที่มีคุณค่า
ในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจากโรงกลั่นฯ แห่งนี้ วัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากน้ำมันปาล์ม น้ำมันเหลือใช้จากชุมชน จึงทำให้มีการพัฒนาร่วมกันระหว่างโรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจฯ กับบริษัท อี-เอสเทอร์ จำกัด โดยร่วมมือกับชาวเชียงรายก่อตั้งสหกรณ์ปาล์มขึ้น และจดทะเบียนในนาม “สหกรณ์ปาล์มน้ำมันล้านนาจำกัด” เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 ในปัจจุบันสมาชิกมีพื้นที่ในการปลูกต้นปาล์มน้ำมัน จำนวน 8,000 ไร่ โดยประมาณการว่าเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มจะมีรายได้เฉลี่ย 15,000 บาทต่อไร่ต่อปี นอกจากนี้สหกรณ์ยังจะมีรายได้จากการปลูกพืชหมุนเวียนระหว่างแถวต้นปาล์มร้อยละ 60 ของพื้นที่ของความต้องการปลูกอีกด้วย
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่โรงเรียนวิรุณบริหารธุรกิจและเทคโนโลยี ได้ตั้งโรงงานกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล VGEN ขึ้นมา ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีพลังงานทดแทน โดยใช้พืช และจากน้ำมันที่ใช้แล้ว นับว่าเป็นการเป็นการประหยัดการนำเข้าน้ำมันดิบที่กำลังมีราคาแพงในขณะนี้ ซึ่งจะช่วยสถานะทางด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลมีความทุ่มเท และมุ่งมั่นที่จะหาพลังงานทดแทนและส่งเสริมพลังงานที่ผลิตได้จากพืชต่าง ๆ ซึ่งหากทุกฝ่ายมีความร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะทำให้การดำเนินงานก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และไม่ต้องพึ่งพิงทรัพยากรจากต่างชาติมากนัก และรัฐบาลก็ได้ให้ความสนใจในการพัฒนาชุมชน และการลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
ภายหลังเปิดโรงงานกลั่นน้ำมันฯ แล้ว ดร.พิชิต อัคราทิตย์ ผู้จัดการกองทุน เอ็ม.เอฟ ซี เอนเนอจีฟันด์ ได้กล่าวรายงานขั้นตอนและกระบวนการผลิต เสร็จแล้ว ดร.วิชัย ใจวิสุทธ์หรรษา นำคณะเยี่ยมชมกระบวนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--