นายกรัฐมนตรีระบุการกลับมาต่อสู้คดีของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ส่วนเหตุผล 3 ข้อที่เดินทางกลับมาไทยนั้น ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบของนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และนายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ( คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า ทั้ง 2 คนได้มาหารือกับพลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และได้เข้าไปพบปะพูดคุยถึงเรื่องที่ คตส. ได้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ และส่งต่อไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องรายละเอียดของคดีนั้นไม่ได้สอบถาม แต่ทราบว่าได้เดินหน้าไปในทิศทางที่น่าพอใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยเกี่ยวกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้ง 13 คดีก็เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณฯ และคุณหญิงพจมานฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองการกลับมาสู้คดีของคุณหญิงพจมานฯ อย่างไร เพราะมีบางฝ่ายมองว่ามีนัยทางการเมืองมากกว่าการกลับมาต่อสู้คดี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคุณหญิงพจมานฯ ที่เดินทางกลับมาต่อสู้คดี ส่วนเรื่องอื่น ๆ คงไม่สามารถวิเคราะห์ มองภาพ หรือคาดการณ์อนาคตข้างหน้าได้ และ เมื่อเดินทางกลับมาก็ได้เดินทางไปยังศาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งถือว่าเกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ออกแถลงการณ์ ว่าการกลับมาครั้งนี้ของคุณหญิงพจมาน มีเหตุผล 3 ข้อ คือ ถวายความจงรักภักดี กลับมาต่อสู้คดี และดูแลครอบครัว ถือว่าจะเป็นแนวทางการสมานฉันท์ต่อไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่การปฏิบัติ อย่างที่พูดอยู่ตลอดเวลาว่าการพูดต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ เราคงต้องดูว่าทำได้เหมือนกับที่พูดไว้หรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่มีการวิจารณ์ว่าการกลับมาครั้งนี้มีการเคลียร์อะไรบางอย่างกันแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าได้มีการตกลงอะไรกันอย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่มีการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์มายังทางตนเองแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นคนสนิทของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มองอย่างไรที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะขอเข้าพบ เพื่อทำความเข้าใจกับพลเอก เปรมฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของพลเอก เปรมฯ เอง เพราะโอกาสอย่างนี้คงเป็นสิ่งที่ท่านจะตัดสินใจด้วยตนเอง ซึ่งคงไม่สามารถคาดเดาความคิดของท่านได้ และไม่ทราบจริงๆ ว่ามีข่าวออกมาเช่นนี้และเป็นมาอย่างไร แต่คงตอบได้เฉพาะเรื่องของตนเองว่าไม่ได้รับการติดต่อ ไม่มีการโทรศัพท์มาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาพรวมคิดว่าการพูดคุยกันเป็นสิ่งที่ดี น่าจะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบของนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และนายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ( คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า ทั้ง 2 คนได้มาหารือกับพลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และได้เข้าไปพบปะพูดคุยถึงเรื่องที่ คตส. ได้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ และส่งต่อไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องรายละเอียดของคดีนั้นไม่ได้สอบถาม แต่ทราบว่าได้เดินหน้าไปในทิศทางที่น่าพอใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยเกี่ยวกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้ง 13 คดีก็เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณฯ และคุณหญิงพจมานฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองการกลับมาสู้คดีของคุณหญิงพจมานฯ อย่างไร เพราะมีบางฝ่ายมองว่ามีนัยทางการเมืองมากกว่าการกลับมาต่อสู้คดี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคุณหญิงพจมานฯ ที่เดินทางกลับมาต่อสู้คดี ส่วนเรื่องอื่น ๆ คงไม่สามารถวิเคราะห์ มองภาพ หรือคาดการณ์อนาคตข้างหน้าได้ และ เมื่อเดินทางกลับมาก็ได้เดินทางไปยังศาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งถือว่าเกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ออกแถลงการณ์ ว่าการกลับมาครั้งนี้ของคุณหญิงพจมาน มีเหตุผล 3 ข้อ คือ ถวายความจงรักภักดี กลับมาต่อสู้คดี และดูแลครอบครัว ถือว่าจะเป็นแนวทางการสมานฉันท์ต่อไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่การปฏิบัติ อย่างที่พูดอยู่ตลอดเวลาว่าการพูดต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ เราคงต้องดูว่าทำได้เหมือนกับที่พูดไว้หรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่มีการวิจารณ์ว่าการกลับมาครั้งนี้มีการเคลียร์อะไรบางอย่างกันแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าได้มีการตกลงอะไรกันอย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่มีการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์มายังทางตนเองแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นคนสนิทของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มองอย่างไรที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณฯ จะขอเข้าพบ เพื่อทำความเข้าใจกับพลเอก เปรมฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของพลเอก เปรมฯ เอง เพราะโอกาสอย่างนี้คงเป็นสิ่งที่ท่านจะตัดสินใจด้วยตนเอง ซึ่งคงไม่สามารถคาดเดาความคิดของท่านได้ และไม่ทราบจริงๆ ว่ามีข่าวออกมาเช่นนี้และเป็นมาอย่างไร แต่คงตอบได้เฉพาะเรื่องของตนเองว่าไม่ได้รับการติดต่อ ไม่มีการโทรศัพท์มาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาพรวมคิดว่าการพูดคุยกันเป็นสิ่งที่ดี น่าจะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--