นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาทางวิชาการในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการประกาศใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 "1 ทศวรรษ: พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ กับการสร้างความโปร่งใสในสังคม"
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาทางวิชาการในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการประกาศใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 "1 ทศวรรษ: พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ กับการสร้างความโปร่งใสในสังคม" ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดขึ้น เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบงานด้านข้อมูลข่าวสารของราชการของทุกหน่วยงาน ได้รับทราบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันอย่างใกล้ชิด โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนประมาณ 350 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานด้านข้อมูลข่าวสารของหน่วยงาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลขนาดใหญ่ จังหวัดต่างๆ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานว่า พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ได้ตราขึ้นใช้บังคับเพื่อรองรับ "สิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารของราชการ" ของประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสังคมประชาธิปไตย โดยได้กำหนดถึงสิทธิที่สำคัญของประชาชน และหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องที่จะมีผลต่อการสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างกว้างขวางแก่ประชาชน ในโอกาสที่พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ครบรอบ 10 ปี ในวันที่ 9 ธันวาคม 2550 สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงจัดให้มีการสัมมนาดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูง และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐได้มีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการมากยิ่งขึ้น (2) เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐได้ทราบถึงสิทธิที่สำคัญของประชาชน และแนวทางของประชาชนในการใช้กลไกตามกฎหมายเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารหน่วยงานของรัฐและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ (3) เพื่อให้การใช้กลไกตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล (4) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรค และการแก้ไข การใช้กฎหมายจากผู้เข้าร่วมประชุม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาทางวิชาการในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการประกาศใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกัน จัดขึ้นในวันนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็น 10 ปีแห่งการพัฒนาความโปร่งใสในระบบการบริหารราชการแผ่นดินอีกทางหนึ่ง
รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องพัฒนาการเมืองไทย โดยสร้างความเข้มแข็งในด้านการส่งเสริมให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น มีส่วนร่วมทางการเมือง และการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นกลไกสำคัญและเป็นพื้นฐานของการตรวจสอบ การเฝ้าระวังการใช้อำนาจรัฐ และการพัฒนาธรรมาภิบาลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดประการหนึ่ง นอกจากนี้ การที่สังคมใดมีกฎหมายที่รับรองสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลภาครัฐของประชาชน ยังถือว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของประเทศในระบอบประชาธิปไตย อันมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาทางการเมืองในอนาคตต่อไปด้วย ประกอบกับ รัฐบาลมีนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และประหยัด และมีนโยบายที่จะขจัดปัญหาการทุจริต และพัฒนาระบบราชการให้มีความโปร่งใส เป็นธรรม สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมโดยทั่วไป จึงถือว่ามีความสอดคล้องตรงกันกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ฉบับนี้
ทั้งนี้ การวางระบบการตรวจสอบและการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมา ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก ถือว่าเป็นหัวใจของการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ดังนั้น หน่วยงานราชการจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว พร้อมทั้งพัฒนาการดำเนินงานด้านข้อมูลข่าวสารในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความเข้าใจ สนใจ และกระตือรือร้นในการตรวจสอบกิจการสาธารณะ หรือเรื่องที่ประชาชนและสังคมโดยรวมมีส่วนได้เสียโดยตรง นอกจากนี้ การปรับปรุงและพัฒนากฎหมายหรือมาตรการเสริม เพื่อพัฒนาและส่งเสริมสิทธิรับรู้ของประชาชนก็เป็นสิ่งจำเป็นต้องดำเนินการ และหากมีกฎหมายหรือระเบียบที่ขัดแย้งสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารก็ต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องไปพร้อม ๆ กัน
นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. ได้กำหนดให้ความสำเร็จในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร เป็นตัวชี้วัดในการประเมินประสิทธิภาพหน่วยงานของรัฐ (Key Performance Indicator) ด้วย และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 นี้เป็นต้นไป จะกำหนดให้เป็นเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นด้วย ทำให้กิจกรรมในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ เป็นการดำเนินการที่ครอบคลุมหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และเป็นกิจกรรมสำคัญที่ต้องดำเนินการโดยต่อเนื่องตลอดไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนท้ายโดยหวังว่าพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 จะเป็นกฎหมายสำคัญในการพัฒนาการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยในบริบทของการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ การบริหารราชการแผ่นดินอย่างยั่งยืนต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาทางวิชาการในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการประกาศใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 "1 ทศวรรษ: พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ กับการสร้างความโปร่งใสในสังคม" ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดขึ้น เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบงานด้านข้อมูลข่าวสารของราชการของทุกหน่วยงาน ได้รับทราบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันอย่างใกล้ชิด โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนประมาณ 350 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานด้านข้อมูลข่าวสารของหน่วยงาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลขนาดใหญ่ จังหวัดต่างๆ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานว่า พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ได้ตราขึ้นใช้บังคับเพื่อรองรับ "สิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารของราชการ" ของประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสังคมประชาธิปไตย โดยได้กำหนดถึงสิทธิที่สำคัญของประชาชน และหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องที่จะมีผลต่อการสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างกว้างขวางแก่ประชาชน ในโอกาสที่พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ครบรอบ 10 ปี ในวันที่ 9 ธันวาคม 2550 สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงจัดให้มีการสัมมนาดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูง และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐได้มีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการมากยิ่งขึ้น (2) เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐได้ทราบถึงสิทธิที่สำคัญของประชาชน และแนวทางของประชาชนในการใช้กลไกตามกฎหมายเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารหน่วยงานของรัฐและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ (3) เพื่อให้การใช้กลไกตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล (4) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรค และการแก้ไข การใช้กฎหมายจากผู้เข้าร่วมประชุม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาทางวิชาการในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการประกาศใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกัน จัดขึ้นในวันนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็น 10 ปีแห่งการพัฒนาความโปร่งใสในระบบการบริหารราชการแผ่นดินอีกทางหนึ่ง
รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องพัฒนาการเมืองไทย โดยสร้างความเข้มแข็งในด้านการส่งเสริมให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น มีส่วนร่วมทางการเมือง และการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นกลไกสำคัญและเป็นพื้นฐานของการตรวจสอบ การเฝ้าระวังการใช้อำนาจรัฐ และการพัฒนาธรรมาภิบาลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดประการหนึ่ง นอกจากนี้ การที่สังคมใดมีกฎหมายที่รับรองสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลภาครัฐของประชาชน ยังถือว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของประเทศในระบอบประชาธิปไตย อันมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาทางการเมืองในอนาคตต่อไปด้วย ประกอบกับ รัฐบาลมีนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และประหยัด และมีนโยบายที่จะขจัดปัญหาการทุจริต และพัฒนาระบบราชการให้มีความโปร่งใส เป็นธรรม สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมโดยทั่วไป จึงถือว่ามีความสอดคล้องตรงกันกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ฉบับนี้
ทั้งนี้ การวางระบบการตรวจสอบและการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมา ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก ถือว่าเป็นหัวใจของการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ดังนั้น หน่วยงานราชการจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว พร้อมทั้งพัฒนาการดำเนินงานด้านข้อมูลข่าวสารในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความเข้าใจ สนใจ และกระตือรือร้นในการตรวจสอบกิจการสาธารณะ หรือเรื่องที่ประชาชนและสังคมโดยรวมมีส่วนได้เสียโดยตรง นอกจากนี้ การปรับปรุงและพัฒนากฎหมายหรือมาตรการเสริม เพื่อพัฒนาและส่งเสริมสิทธิรับรู้ของประชาชนก็เป็นสิ่งจำเป็นต้องดำเนินการ และหากมีกฎหมายหรือระเบียบที่ขัดแย้งสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารก็ต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องไปพร้อม ๆ กัน
นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. ได้กำหนดให้ความสำเร็จในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร เป็นตัวชี้วัดในการประเมินประสิทธิภาพหน่วยงานของรัฐ (Key Performance Indicator) ด้วย และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 นี้เป็นต้นไป จะกำหนดให้เป็นเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นด้วย ทำให้กิจกรรมในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ เป็นการดำเนินการที่ครอบคลุมหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ทั้งในราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และเป็นกิจกรรมสำคัญที่ต้องดำเนินการโดยต่อเนื่องตลอดไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนท้ายโดยหวังว่าพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 จะเป็นกฎหมายสำคัญในการพัฒนาการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยในบริบทของการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ การบริหารราชการแผ่นดินอย่างยั่งยืนต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--