พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีนำเด็กและเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินป่าศึกษาธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมฝากให้เยาวชนทุกคนร่วมกันอนุรักษ์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติ
เมื่อเวลา 14.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 4 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 90 คน ที่เข้าร่วมโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบโอวาทแก่เยาวชนว่า เยาวชนได้มาทำกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ คือการชมธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนเองในอนาคต ซึ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีอุทยานแห่งชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติบูโด สุไหงปาดี หรืออ่างเก็บน้ำเขื่อนบางราง จึงอยากฝากเยาวชนไว้ว่าทำอย่างไรที่เราจะรักษาสิ่งที่เรามีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อพวกเราในโอกาสหน้า อีกทั้งนายกรัฐมนตรีได้มีส่วนร่วมในการดูแลอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในฐานะประธานมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งทำมาหลายปี ครั้งนี้จึงอยากฝากเยาวชนว่า เราต้องจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับให้ประชาชนเข้ามาชมความงามและได้เห็นธรรมชาติ เพราะในชีวิตส่วนตัวอาจจะทำงานในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียงซึ่งไม่มีธรรมชาติที่เป็นป่าหรือน้ำตก ดังนั้น ต้องพยายามรักษาผืนป่าธรรมชาตินี้เอาไว้ให้ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สังคมของเราเป็นสังคมที่มีความหลากหลายและมาอยู่ร่วมกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการรู้จักและเป็นเพื่อนกัน และการที่เยาวชนได้มาอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ได้เรียนรู้ศึกษาวัฒนธรรมพอสมควร ซึ่งจะทำให้เยาวชนมีความเข้าใจถึงการอยู่ร่วมกันมากขึ้น
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมถ่ายภาพกับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ และร่วมปลูกต้นกล้าหว้าป่า ที่บริเวณหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมนำเด็กและเยาวชนเดินสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพื่อศึกษาธรรมชาติ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกรองแก้ว” ระยะทาง 1,200 เมตร ซึ่งระหว่างทางนายกรัฐมนตรีได้บรรยายลักษณะต้นไม้และพันธุ์นกให้เยาวชนฟัง รวมทั้งได้เก็บขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ตามทางเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชนได้เห็น ทำให้เด็กและเยาวชนต่างช่วยกันเก็บขยะด้วย
ทั้งนี้ พิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมดังกล่าว เป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ ที่เกิดขึ้นจากดำริของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ ขึ้น เป็นครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม — 19 พฤศจิกายน 2549 โดยนำเด็กและเยาวชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นับถือศาสนาอิสลาม และมีวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกัน มาเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ และสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์เป็นเครือข่ายครอบครัว รวมทั้งเพื่อการสร้างโอกาสให้แก่เยาวชนให้ได้รับการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ชีวิตตลอดจนการพัฒนาแนวคิดในการปฏิบัติงานในการเป็นผู้นำของชุมชนไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคม
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 14.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 4 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 90 คน ที่เข้าร่วมโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบโอวาทแก่เยาวชนว่า เยาวชนได้มาทำกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ คือการชมธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนเองในอนาคต ซึ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีอุทยานแห่งชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติบูโด สุไหงปาดี หรืออ่างเก็บน้ำเขื่อนบางราง จึงอยากฝากเยาวชนไว้ว่าทำอย่างไรที่เราจะรักษาสิ่งที่เรามีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อพวกเราในโอกาสหน้า อีกทั้งนายกรัฐมนตรีได้มีส่วนร่วมในการดูแลอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในฐานะประธานมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งทำมาหลายปี ครั้งนี้จึงอยากฝากเยาวชนว่า เราต้องจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับให้ประชาชนเข้ามาชมความงามและได้เห็นธรรมชาติ เพราะในชีวิตส่วนตัวอาจจะทำงานในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียงซึ่งไม่มีธรรมชาติที่เป็นป่าหรือน้ำตก ดังนั้น ต้องพยายามรักษาผืนป่าธรรมชาตินี้เอาไว้ให้ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สังคมของเราเป็นสังคมที่มีความหลากหลายและมาอยู่ร่วมกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการรู้จักและเป็นเพื่อนกัน และการที่เยาวชนได้มาอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ได้เรียนรู้ศึกษาวัฒนธรรมพอสมควร ซึ่งจะทำให้เยาวชนมีความเข้าใจถึงการอยู่ร่วมกันมากขึ้น
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมถ่ายภาพกับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ และร่วมปลูกต้นกล้าหว้าป่า ที่บริเวณหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมนำเด็กและเยาวชนเดินสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพื่อศึกษาธรรมชาติ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกรองแก้ว” ระยะทาง 1,200 เมตร ซึ่งระหว่างทางนายกรัฐมนตรีได้บรรยายลักษณะต้นไม้และพันธุ์นกให้เยาวชนฟัง รวมทั้งได้เก็บขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ตามทางเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชนได้เห็น ทำให้เด็กและเยาวชนต่างช่วยกันเก็บขยะด้วย
ทั้งนี้ พิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมดังกล่าว เป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ ที่เกิดขึ้นจากดำริของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ ขึ้น เป็นครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม — 19 พฤศจิกายน 2549 โดยนำเด็กและเยาวชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นับถือศาสนาอิสลาม และมีวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกัน มาเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ และสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์เป็นเครือข่ายครอบครัว รวมทั้งเพื่อการสร้างโอกาสให้แก่เยาวชนให้ได้รับการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ชีวิตตลอดจนการพัฒนาแนวคิดในการปฏิบัติงานในการเป็นผู้นำของชุมชนไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคม
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--