พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “เสวนาผู้นำภาคประชาคมอีสานสืบสานมูลมัง” โดยมีตัวแทนเกษตรกรประมาณ 1,500 คน เข้าร่วมการเสวนา พร้อมบรรยายพิเศษเรื่อง “แนวทางและนโยบายของรัฐบาล เพื่อแก้วิกฤติชาติ”
วันนี้ เวลา 14.30 น.ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “เสวนาผู้นำภาคประชาคมอีสานสืบสานมูลมัง” โดยมีตัวแทนเกษตรกรประมาณ 1,500 คน เข้าร่วมการเสวนา พร้อมบรรยายพิเศษเรื่อง “แนวทางและนโยบายของรัฐบาล เพื่อแก้วิกฤติชาติ” ตอนหนึ่งว่า
“ ในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1 ปี รัฐบาลชุดนี้มีภารกิจที่สำคัญที่จะต้องดำเนินการคือ การปฏิรูปการเมืองเพื่อนำมาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมทั้งจัดให้มีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งความคืบหน้าในการปฏิรูปการเมืองในขณะนี้ก็ถือได้ว่าดำเนินมาตามที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการประชุมสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะมีการคัดเลือก แล้วก็จะมีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญกันต่อไป และเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือการที่จะทำให้เกิดความสามัคคี ความสมานฉันท์ของคนในชาติให้กลับคืนมา ในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปีก่อนหน้านี้ ภายในสังคมของเรามีความแตกแยกกันไปในด้านความคิดเห็นทางการเมืองเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่เกือบจะเรียกว่ามีการแบ่งฝ่ายกัน คงไม่อยากให้ความคิดเห็นทางการเมืองเกิดการแบ่งฝ่ายจนถึงมีการใช้กำลังเข้าดำเนินการต่อไป ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิด แต่ว่าเป็นเรื่องที่เราสามารถจะคาดได้ว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นมีอยู่ เพราะฉะนั้นห้วงเวลาของเราในขณะนี้คือพยายามที่จะสมานความคิดในทางการเมืองที่ยังแตกแยกกันอยู่นั้นให้รวมกัน และมองไปที่จุด ๆ หนึ่ง นั่นก็คือทำอย่างไรที่เราจะวางแนวทางในการดำเนินการทางการเมืองของเรากันใหม่ ทำกันให้รอบคอบ ให้รัดกุม มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในอดีตที่ผ่านมา” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสิ่งสำคัญของการเดินทางมาร่วมงานในวันนี้ คือความมีส่วนร่วมของประชาชนทุกคน เพราะประชาชนทุกคนเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการปฏิรูปทางการเมือง ไม่ใช่เฉพาะเวลาที่มีการเลือกตั้ง
“ ผมมีโอกาสเคยทำงานอยู่ในพื้นที่ทางอีสาน ตั้งแต่ที่เริ่มมีการจัดระบบการปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นมาใหม่ มีองค์กรบริหารส่วนตำบลขึ้นมา มีสภาตำบลขึ้นมา ในเบื้องต้นพวกเราก็ทะเลาะกันมากมาย ปัจจุบันก็เริ่มที่จะปรับเข้ารูปเข้าร่าง พูดคุยกันมากขึ้น หาทางที่จะแก้ไขปัญหาทางการเมืองด้วยการพูดคุยด้วยกัน ให้เหตุให้ผลกันมากขึ้น นั่นก็เป็นส่วนที่สำคัญ การเมืองในระดับชาติก็เช่นเดียวกัน เราจะต้องเปิดช่องทางในการพูดคุย เปิดช่องทางในการที่จะทำความเข้าใจ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเปิดโอกาสที่จะให้ตรวจสอบการกระทำของผู้บริหาร ว่าโปร่งใสเป็นธรรมจริงหรือไม่ ไม่ว่าเราจะบริหารองค์กรในระดับไหนก็ตาม ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วม จะมีส่วนร่วมในการตรวจสอบว่าการทำงานของเรานั้นโปร่งใสและเป็นธรรม ถ้าจะให้มากไปกว่านั้น ก็จะต้องพูดเหมือนอย่างที่ผมได้กล่าวไว้ว่าหลัก 4 ประการของผมคือ โปร่งใส เป็นธรรม ประหยัด และมีประสิทธิภาพ ถ้าเราทำได้ ผมรับรองว่าการบริหารงานไม่ว่าในระดับใดก็ตาม จะมีความก้าวหน้า จะมีความเจริญ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบ และมีความเข้าใจว่าเราอยากจะวางรากฐานของการบริหารงานบ้านเมืองของเรา ในลักษณะที่มีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 14.30 น.ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “เสวนาผู้นำภาคประชาคมอีสานสืบสานมูลมัง” โดยมีตัวแทนเกษตรกรประมาณ 1,500 คน เข้าร่วมการเสวนา พร้อมบรรยายพิเศษเรื่อง “แนวทางและนโยบายของรัฐบาล เพื่อแก้วิกฤติชาติ” ตอนหนึ่งว่า
“ ในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1 ปี รัฐบาลชุดนี้มีภารกิจที่สำคัญที่จะต้องดำเนินการคือ การปฏิรูปการเมืองเพื่อนำมาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมทั้งจัดให้มีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งความคืบหน้าในการปฏิรูปการเมืองในขณะนี้ก็ถือได้ว่าดำเนินมาตามที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการประชุมสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะมีการคัดเลือก แล้วก็จะมีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญกันต่อไป และเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือการที่จะทำให้เกิดความสามัคคี ความสมานฉันท์ของคนในชาติให้กลับคืนมา ในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปีก่อนหน้านี้ ภายในสังคมของเรามีความแตกแยกกันไปในด้านความคิดเห็นทางการเมืองเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่เกือบจะเรียกว่ามีการแบ่งฝ่ายกัน คงไม่อยากให้ความคิดเห็นทางการเมืองเกิดการแบ่งฝ่ายจนถึงมีการใช้กำลังเข้าดำเนินการต่อไป ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิด แต่ว่าเป็นเรื่องที่เราสามารถจะคาดได้ว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นมีอยู่ เพราะฉะนั้นห้วงเวลาของเราในขณะนี้คือพยายามที่จะสมานความคิดในทางการเมืองที่ยังแตกแยกกันอยู่นั้นให้รวมกัน และมองไปที่จุด ๆ หนึ่ง นั่นก็คือทำอย่างไรที่เราจะวางแนวทางในการดำเนินการทางการเมืองของเรากันใหม่ ทำกันให้รอบคอบ ให้รัดกุม มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในอดีตที่ผ่านมา” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสิ่งสำคัญของการเดินทางมาร่วมงานในวันนี้ คือความมีส่วนร่วมของประชาชนทุกคน เพราะประชาชนทุกคนเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการปฏิรูปทางการเมือง ไม่ใช่เฉพาะเวลาที่มีการเลือกตั้ง
“ ผมมีโอกาสเคยทำงานอยู่ในพื้นที่ทางอีสาน ตั้งแต่ที่เริ่มมีการจัดระบบการปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นมาใหม่ มีองค์กรบริหารส่วนตำบลขึ้นมา มีสภาตำบลขึ้นมา ในเบื้องต้นพวกเราก็ทะเลาะกันมากมาย ปัจจุบันก็เริ่มที่จะปรับเข้ารูปเข้าร่าง พูดคุยกันมากขึ้น หาทางที่จะแก้ไขปัญหาทางการเมืองด้วยการพูดคุยด้วยกัน ให้เหตุให้ผลกันมากขึ้น นั่นก็เป็นส่วนที่สำคัญ การเมืองในระดับชาติก็เช่นเดียวกัน เราจะต้องเปิดช่องทางในการพูดคุย เปิดช่องทางในการที่จะทำความเข้าใจ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเปิดโอกาสที่จะให้ตรวจสอบการกระทำของผู้บริหาร ว่าโปร่งใสเป็นธรรมจริงหรือไม่ ไม่ว่าเราจะบริหารองค์กรในระดับไหนก็ตาม ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่ประชาชนจะต้องมีส่วนร่วม จะมีส่วนร่วมในการตรวจสอบว่าการทำงานของเรานั้นโปร่งใสและเป็นธรรม ถ้าจะให้มากไปกว่านั้น ก็จะต้องพูดเหมือนอย่างที่ผมได้กล่าวไว้ว่าหลัก 4 ประการของผมคือ โปร่งใส เป็นธรรม ประหยัด และมีประสิทธิภาพ ถ้าเราทำได้ ผมรับรองว่าการบริหารงานไม่ว่าในระดับใดก็ตาม จะมีความก้าวหน้า จะมีความเจริญ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบ และมีความเข้าใจว่าเราอยากจะวางรากฐานของการบริหารงานบ้านเมืองของเรา ในลักษณะที่มีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--