พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมและพบปะหารือเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ณ ห้องประชุมมิตรไมตรี ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมมิตรไมตรี ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมและพบปะหารือเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีตัวแทนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มปัญหาต่าง ๆ อาทิ ปัญหาเขื่อนสิรินธร ปัญหาเขื่อนปากมูล ปัญหาที่ดินสาธารณะบ้านหนองกินเพล บ้านบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ และบ้านปลาดุก บ้านกุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี ปัญหาของเครือข่ายชุมชนอุบลราชธานี ฯลฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้เดือดร้อนซักถาม และได้สั่งการให้หน่วยงานที่สามารถดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้ให้ทำการช่วยเหลือไปก่อน ส่วนใดที่เกินอำนาจในระดับจังหวัดจะสั่งการให้ระดับกระทรวงเป็นผู้ดำเนินการต่อไป
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้มีการหารือกันถึงปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ และจะเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งพื้นที่ในบริเวณชุนชนเมืองและชุมชนชนบท โดยเฉพาะปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินจะจัดชุดเจ้าหน้าที่เป็นชุดพิเศษเข้าไปดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาตรวจสอบสิทธิให้ลุล่วงไป ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต่อมานายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการพบปะประชาชนที่จังหวัดอุบลราชธานีว่า การเดินทางไปครั้งนี้ เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ได้เดินทางไปมอบนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุขและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้พบกับพี่น้องประชาชนทั้งในจังหวัดอุบลราชธานี และกลุ่มเครือข่ายสมัชชาคนจนในหลาย ๆ จังหวัด โดยได้พูดกันว่า จะลงไปพบกับพี่น้องประชาชนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ลุล่วงไป และการเดินทางไปครั้งนี้ถือเป็นความตั้งใจที่ได้พบกับพี่น้องประชาชนและได้ดำเนินการตามนั้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการหารือกับหลาย ๆ กลุ่มปัญหา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เช่น ปัญหาเขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูล ที่ดินบริเวณใกล้เคียงกับชุมชนตัวเมือง ซึ่งมีปัญหาทั้งเรื่องเอกสารสิทธิ การบริหารจัดการ ซึ่งอาจจะมีความขัดแย้งกับทางเทศบาลของจังหวัดอุบลราชธานี อยู่บ้าง ตรงนั้นถือว่า ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาหลายๆ ส่วนได้มาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ก็มีความเชื่อมโยงในลักษณะเกี่ยวกับเรื่องของเขื่อนและแหล่งน้ำต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อต้องการสกัดม็อบที่จะเดินทางมาชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ใช่ ความตั้งใจของรัฐบาลต้องการที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เราไม่ได้ทำเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาแบบฉาบฉวย ทุกเรื่องคิดว่า ถ้าได้ติดตามจากกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทางสมัชชาคนจน จะทราบว่า เราได้มีข้อตกลงในรายละเอียดอะไรกันบ้าง และได้รับปากกับประชาชนทั้งหลายเหล่านั้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มีนาคมว่า จะเดินทางมาที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้ว จึงได้ตัดสินใจเดินทางมาเยี่ยมพี่น้องประชาชนถึงพื้นที่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมมิตรไมตรี ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมและพบปะหารือเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีตัวแทนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มปัญหาต่าง ๆ อาทิ ปัญหาเขื่อนสิรินธร ปัญหาเขื่อนปากมูล ปัญหาที่ดินสาธารณะบ้านหนองกินเพล บ้านบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ และบ้านปลาดุก บ้านกุดลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี ปัญหาของเครือข่ายชุมชนอุบลราชธานี ฯลฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้เดือดร้อนซักถาม และได้สั่งการให้หน่วยงานที่สามารถดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้ให้ทำการช่วยเหลือไปก่อน ส่วนใดที่เกินอำนาจในระดับจังหวัดจะสั่งการให้ระดับกระทรวงเป็นผู้ดำเนินการต่อไป
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้มีการหารือกันถึงปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ และจะเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี ทั้งพื้นที่ในบริเวณชุนชนเมืองและชุมชนชนบท โดยเฉพาะปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินจะจัดชุดเจ้าหน้าที่เป็นชุดพิเศษเข้าไปดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาตรวจสอบสิทธิให้ลุล่วงไป ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต่อมานายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการพบปะประชาชนที่จังหวัดอุบลราชธานีว่า การเดินทางไปครั้งนี้ เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ได้เดินทางไปมอบนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุขและโครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้พบกับพี่น้องประชาชนทั้งในจังหวัดอุบลราชธานี และกลุ่มเครือข่ายสมัชชาคนจนในหลาย ๆ จังหวัด โดยได้พูดกันว่า จะลงไปพบกับพี่น้องประชาชนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ลุล่วงไป และการเดินทางไปครั้งนี้ถือเป็นความตั้งใจที่ได้พบกับพี่น้องประชาชนและได้ดำเนินการตามนั้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการหารือกับหลาย ๆ กลุ่มปัญหา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เช่น ปัญหาเขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูล ที่ดินบริเวณใกล้เคียงกับชุมชนตัวเมือง ซึ่งมีปัญหาทั้งเรื่องเอกสารสิทธิ การบริหารจัดการ ซึ่งอาจจะมีความขัดแย้งกับทางเทศบาลของจังหวัดอุบลราชธานี อยู่บ้าง ตรงนั้นถือว่า ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาหลายๆ ส่วนได้มาอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ก็มีความเชื่อมโยงในลักษณะเกี่ยวกับเรื่องของเขื่อนและแหล่งน้ำต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อต้องการสกัดม็อบที่จะเดินทางมาชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ใช่ ความตั้งใจของรัฐบาลต้องการที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เราไม่ได้ทำเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาแบบฉาบฉวย ทุกเรื่องคิดว่า ถ้าได้ติดตามจากกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทางสมัชชาคนจน จะทราบว่า เราได้มีข้อตกลงในรายละเอียดอะไรกันบ้าง และได้รับปากกับประชาชนทั้งหลายเหล่านั้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มีนาคมว่า จะเดินทางมาที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้ว จึงได้ตัดสินใจเดินทางมาเยี่ยมพี่น้องประชาชนถึงพื้นที่
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--