พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเปิดการประชุมวิชาการประจำปี ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ จังหวัดภูเก็ต ถึงการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดในฝั่งอันดามัน
วันนี้ ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเปิดการประชุมวิชาการประจำปี หัวข้อ “ก้าวใหม่การบริหารงานบุคคลในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ” ว่า ได้มีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดในฝั่งอันดามัน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำป่าไหลหลากที่จังหวัดตรัง ซึ่งทำให้ประชาชนเสียชีวิตถึง 37 คน รวมถึงความร่วมมือของจังหวัดต่าง ๆในการดูแลการท่องเที่ยวให้ยั่งยืนทั้งในเรื่องของการดูแลธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังรวมปัญหาน้ำอุปโภค-บริโภค น้ำเสีย ขยะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะต้องร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งในขณะนี้คือเรื่องการแจ้งเตือนประชาชนในเรื่องของภัยธรรมชาติที่ทำให้เกิดปัญหากับประชาชน เพราะทุกวันนี้เห็นอยู่แล้วว่าสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นได้จากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจะต้องไม่ประมาท จะต้องเตรียมการในเรื่องมาตรการป้องกันต่าง ๆ ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันหารือเพื่อหาทางป้องกัน โดยในเร็ว ๆ นี้นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงมาประชุมร่วมกับจังหวัดต่าง ๆ อีกครั้ง เพื่อจะช่วยหาทางสนับสนุนทางด้านต่าง ๆ ตามที่ได้มีการเสนอ ทั้งนี้ สำหรับการเดินทางมาประชุมร่วมกับจังหวัดต่าง ๆ นั้นยังไม่ได้กำหนดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทางจังหวัด หากจังหวัดพร้อมก็จะลงมาหาแนวทางร่วมกันทันที รอเพียงจังหวัดประสานไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
“ ส่วนจังหวัดภูเก็ตนั้นได้มีการหารือกันในเรื่องที่หลายหน่วยมีความห่วงใยในปัจจุบัน อาทิ ปัญหา ขยะ น้ำ อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น ขณะนี้ทางจังหวัดได้เสนอของบประมาณในการจัดสร้างเตาเผาขยะเพิ่มเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการกำจัดขยะ ซึ่งในเรื่องนี้ทางรัฐบาลได้รับเรื่องไว้แล้ว ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า นอกจากปัญหาที่กล่าวมาแล้ว ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตยังมีปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันดูแลศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวที่มีอยู่และรักษาให้ยั่งยืนได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้จะต้องได้รับความร่วมมือ ช่วยกันดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวให้ยั่งยืน ซึ่งในส่วนของมหาวิทยาลัยเองก็มีส่วนที่จะช่วยทำการวิจัย เพื่อที่จะนำผลงานมาดูแลศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวให้ดีให้ยั่งยืนต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเปิดการประชุมวิชาการประจำปี หัวข้อ “ก้าวใหม่การบริหารงานบุคคลในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ” ว่า ได้มีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดในฝั่งอันดามัน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำป่าไหลหลากที่จังหวัดตรัง ซึ่งทำให้ประชาชนเสียชีวิตถึง 37 คน รวมถึงความร่วมมือของจังหวัดต่าง ๆในการดูแลการท่องเที่ยวให้ยั่งยืนทั้งในเรื่องของการดูแลธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังรวมปัญหาน้ำอุปโภค-บริโภค น้ำเสีย ขยะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะต้องร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งในขณะนี้คือเรื่องการแจ้งเตือนประชาชนในเรื่องของภัยธรรมชาติที่ทำให้เกิดปัญหากับประชาชน เพราะทุกวันนี้เห็นอยู่แล้วว่าสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นได้จากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจะต้องไม่ประมาท จะต้องเตรียมการในเรื่องมาตรการป้องกันต่าง ๆ ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันหารือเพื่อหาทางป้องกัน โดยในเร็ว ๆ นี้นายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงมาประชุมร่วมกับจังหวัดต่าง ๆ อีกครั้ง เพื่อจะช่วยหาทางสนับสนุนทางด้านต่าง ๆ ตามที่ได้มีการเสนอ ทั้งนี้ สำหรับการเดินทางมาประชุมร่วมกับจังหวัดต่าง ๆ นั้นยังไม่ได้กำหนดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทางจังหวัด หากจังหวัดพร้อมก็จะลงมาหาแนวทางร่วมกันทันที รอเพียงจังหวัดประสานไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
“ ส่วนจังหวัดภูเก็ตนั้นได้มีการหารือกันในเรื่องที่หลายหน่วยมีความห่วงใยในปัจจุบัน อาทิ ปัญหา ขยะ น้ำ อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น ขณะนี้ทางจังหวัดได้เสนอของบประมาณในการจัดสร้างเตาเผาขยะเพิ่มเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการกำจัดขยะ ซึ่งในเรื่องนี้ทางรัฐบาลได้รับเรื่องไว้แล้ว ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า นอกจากปัญหาที่กล่าวมาแล้ว ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตยังมีปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันดูแลศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวที่มีอยู่และรักษาให้ยั่งยืนได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้จะต้องได้รับความร่วมมือ ช่วยกันดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวให้ยั่งยืน ซึ่งในส่วนของมหาวิทยาลัยเองก็มีส่วนที่จะช่วยทำการวิจัย เพื่อที่จะนำผลงานมาดูแลศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวให้ดีให้ยั่งยืนต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--