พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา “รัฐบาลพบสื่อท้องถิ่น” ครั้งที่ 2 ณ ห้องดวงตะวัน แกรนด์บอลรูมโรงแรมเซ็นทรัล ดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมพบปะกับสื่อมวลชนท้องถิ่นภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน)
วันนี้ เวลา 10.00 น. พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา “รัฐบาลพบสื่อท้องถิ่น” ครั้งที่ 2 ณ ห้องดวงตะวัน แกรนด์บอลรูมโรงแรมเซ็นทรัล ดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมพบปะกับสื่อมวลชนท้องถิ่นภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน) เพื่อชี้แจง “ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และ “นโยบายการบริหารงานที่สำคัญของรัฐบาล” โดยมี นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลตำรวจโทธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัด /รองผู้ว่าราชการจังหวัด 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ผู้ตรวจราชการกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ โฆษกกระทรวง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้นประมาณ 400 คน
ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในนามคณะผู้จัดการสัมมนา “รัฐบาลพบสื่อท้องถิ่น” ครั้งที่ 2 ว่า โครงการรัฐบาลพบสื่อท้องถิ่น เป็นโครงการที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ และคณะโฆษกกระทรวง จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สื่อมวลชนท้องถิ่นได้รับทราบ พร้อมเข้าใจนโยบายและแนวทางการบริหารงานของรัฐบาลอย่างถูกต้องชัดเจน รวมทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องชัดเจนและมีคุณภาพจากสื่อมวลชนด้วย นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลจะได้รับฟังความคิดเห็นหรือ ข้อเสนอแนะจากสื่อมวลชน ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนเป็นปากเสียงของพี่น้องประชาชนในแต่ละภูมิภาคที่สะท้อนความต้องการ ความคิดเห็นของประชาชนมายังภาครัฐ เป็นกระบวนการสื่อสารสองทางที่จะทำให้รัฐบาลได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า มีความรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาติดตามกำกับการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะการติดตามโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และการได้มาพบปะกับสื่อมวลชนท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่สื่อมวลชนคือบุคคลที่ถ่ายทอดสิ่งที่ภาครัฐได้ดำเนินการ ให้ประชาชนได้รับทราบ และขณะเดียวกันเป็นการสะท้อนสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นกลับมาสู่รัฐบาล เพื่อรัฐบาลจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ที่มักประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยแล้ง ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาน้ำ และปัญหาหมอกควัน ซึ่งถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มีการเร่งดำเนินการหาทางแก้ไข โดยจัดทำโครงการต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลได้มีการติดตาม กำกับดูแล และตรวจสอบความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และหาทางแก้ไขปัญหาในระยะยาวด้วย โดยเฉพาะปัญหาหมอกควัน ซึ่งลำพังรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่สามารถแก้ไขได้สำเร็จจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนในท้องถิ่นถึงจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ด้วยการยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา เพราะเป็นปรัชญาที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการที่เริ่มจากความพอเพียงของตัวเอง และค่อย ๆ ขยายผลไปสู่ชุมชนอย่างช้า ๆ แต่มีความมั่นคงแบบค่อนเป็นค่อนไป ควบคู่กับการขอให้คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธได้ยึดมั่นและศรัทธาในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะในช่วงวันวิสาขบูชานี้ ขอให้คนไทยได้ร่วมกันปฏิบัติธรรม ด้วยการบำเพ็ญศีลภาวนาเพื่อจะได้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงโครงการอยู่ดีมีสุขว่า เป็นโครงการที่รัฐบาลได้จัดขึ้นเพื่อต้องการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนสำคัญในทุก ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในชุมชนอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาทางการเมืองที่ดีต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งที่ขอให้พิจารณาทุกคน เลือกคนที่ซื่อตรง และเห็นผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เพื่อชาติบ้านเมืองจะได้คนดีมาบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้า
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนทั้ง 8 จังหวัดได้ซักถามและนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัด เพื่อรัฐบาลจะได้รับทราบและนำไปพิจารณาหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง อาทิ ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหาของสถานีวิทยุชุมชน ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ปัญหายาเสพติด ปัญหาพืชผลทางการเกษตร ปัญหาการคมนาคมทางภาคเหนือ เป็นต้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันชี้แจง พร้อมรับว่าจะรวบรวมปัญหาทั้งหมดที่สื่อมวลชนได้นำเสนอในวันนี้ ไปพิจารณาปรับแก้ พร้อมจะได้มีการติดตาม ตรวจสอบและหาแนวทางการช่วยเหลือต่อไป จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชนท้องถิ่นอย่างเป็นกันเอง
สำหรับการสัมมนาในภาคบ่ายจะเป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “บทบาทของสื่อมวลชนท้องถิ่นกับการสร้างความสมานฉันท์ในสังคม” โดยสื่อมวลชนท้องถิ่นและคณะโฆษกกระทรวง รวมทั้งท่านผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ จะสัมมนากลุ่มย่อยเพื่อร่วมมือกันหาแนวทางในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมทุกระดับ
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการสัมมนา สำนักโฆษกจะได้รวบรวมและสรุปผล รวมทั้งข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นต่างๆ อันเป็นประโยชน์ที่ได้จากการสัมมนานำเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสรุปที่เกิดจากการสัมมนาใน ครั้งนี้ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา “รัฐบาลพบสื่อท้องถิ่น” ครั้งที่ 2 ณ ห้องดวงตะวัน แกรนด์บอลรูมโรงแรมเซ็นทรัล ดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมพบปะกับสื่อมวลชนท้องถิ่นภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน) เพื่อชี้แจง “ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และ “นโยบายการบริหารงานที่สำคัญของรัฐบาล” โดยมี นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลตำรวจโทธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัด /รองผู้ว่าราชการจังหวัด 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ผู้ตรวจราชการกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ โฆษกกระทรวง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้นประมาณ 400 คน
ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในนามคณะผู้จัดการสัมมนา “รัฐบาลพบสื่อท้องถิ่น” ครั้งที่ 2 ว่า โครงการรัฐบาลพบสื่อท้องถิ่น เป็นโครงการที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ และคณะโฆษกกระทรวง จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สื่อมวลชนท้องถิ่นได้รับทราบ พร้อมเข้าใจนโยบายและแนวทางการบริหารงานของรัฐบาลอย่างถูกต้องชัดเจน รวมทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องชัดเจนและมีคุณภาพจากสื่อมวลชนด้วย นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลจะได้รับฟังความคิดเห็นหรือ ข้อเสนอแนะจากสื่อมวลชน ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนเป็นปากเสียงของพี่น้องประชาชนในแต่ละภูมิภาคที่สะท้อนความต้องการ ความคิดเห็นของประชาชนมายังภาครัฐ เป็นกระบวนการสื่อสารสองทางที่จะทำให้รัฐบาลได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า มีความรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาติดตามกำกับการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะการติดตามโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และการได้มาพบปะกับสื่อมวลชนท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่สื่อมวลชนคือบุคคลที่ถ่ายทอดสิ่งที่ภาครัฐได้ดำเนินการ ให้ประชาชนได้รับทราบ และขณะเดียวกันเป็นการสะท้อนสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นกลับมาสู่รัฐบาล เพื่อรัฐบาลจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ที่มักประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยแล้ง ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาน้ำ และปัญหาหมอกควัน ซึ่งถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มีการเร่งดำเนินการหาทางแก้ไข โดยจัดทำโครงการต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลได้มีการติดตาม กำกับดูแล และตรวจสอบความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และหาทางแก้ไขปัญหาในระยะยาวด้วย โดยเฉพาะปัญหาหมอกควัน ซึ่งลำพังรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่สามารถแก้ไขได้สำเร็จจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนในท้องถิ่นถึงจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ด้วยการยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา เพราะเป็นปรัชญาที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการที่เริ่มจากความพอเพียงของตัวเอง และค่อย ๆ ขยายผลไปสู่ชุมชนอย่างช้า ๆ แต่มีความมั่นคงแบบค่อนเป็นค่อนไป ควบคู่กับการขอให้คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธได้ยึดมั่นและศรัทธาในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะในช่วงวันวิสาขบูชานี้ ขอให้คนไทยได้ร่วมกันปฏิบัติธรรม ด้วยการบำเพ็ญศีลภาวนาเพื่อจะได้ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงโครงการอยู่ดีมีสุขว่า เป็นโครงการที่รัฐบาลได้จัดขึ้นเพื่อต้องการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนสำคัญในทุก ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในชุมชนอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาทางการเมืองที่ดีต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งที่ขอให้พิจารณาทุกคน เลือกคนที่ซื่อตรง และเห็นผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เพื่อชาติบ้านเมืองจะได้คนดีมาบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้า
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนทั้ง 8 จังหวัดได้ซักถามและนำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัด เพื่อรัฐบาลจะได้รับทราบและนำไปพิจารณาหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง อาทิ ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหาของสถานีวิทยุชุมชน ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ปัญหายาเสพติด ปัญหาพืชผลทางการเกษตร ปัญหาการคมนาคมทางภาคเหนือ เป็นต้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันชี้แจง พร้อมรับว่าจะรวบรวมปัญหาทั้งหมดที่สื่อมวลชนได้นำเสนอในวันนี้ ไปพิจารณาปรับแก้ พร้อมจะได้มีการติดตาม ตรวจสอบและหาแนวทางการช่วยเหลือต่อไป จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับประทานอาหารกับสื่อมวลชนท้องถิ่นอย่างเป็นกันเอง
สำหรับการสัมมนาในภาคบ่ายจะเป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “บทบาทของสื่อมวลชนท้องถิ่นกับการสร้างความสมานฉันท์ในสังคม” โดยสื่อมวลชนท้องถิ่นและคณะโฆษกกระทรวง รวมทั้งท่านผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ จะสัมมนากลุ่มย่อยเพื่อร่วมมือกันหาแนวทางในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมทุกระดับ
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการสัมมนา สำนักโฆษกจะได้รวบรวมและสรุปผล รวมทั้งข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นต่างๆ อันเป็นประโยชน์ที่ได้จากการสัมมนานำเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสรุปที่เกิดจากการสัมมนาใน ครั้งนี้ต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--