นายกรัฐมนตรีเดินทางปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยไปตรวจการขุดลอกลำน้ำปิง บริเวณสะพานป่าแดด เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ถนนมหิดล
วันนี้ เวลา 08.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยในจุดแรก นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปตรวจการขุดลอกลำน้ำปิง บริเวณสะพานป่าแดด เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ถนนมหิดล โดยมีนายวิชัย ศรีขวัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโท กิตติธัช เรือนทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พลโท จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 และนายทรงศักดิ์ แพเจริญ อธิบดีกรมทางหลวง ร่วมให้ข้อมูลการขุดลอกแม่น้ำปิง โดยการดำเนินการขุดลอกแม่น้ำปิงแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นจะขุดลอกขยายบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และจุดอื่น ๆ อีก 7 จุด ความกว้าง 10 เมตร เพื่อให้การระบายน้ำสะดวกขึ้น จาก 450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็น 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระยะเวลาดำเนินการ 15 มิถุนายน — 15 สิงหาคม 2550 ขณะที่แผนระยะยาวจะดำเนินการขยายความกว้างแม่น้ำปิงจากเดิมกว้าง 60 เมตรเป็น 90 เมตรตลอดทั้งสาย เพื่อรองรับอัตราการไหลของน้ำ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีความเห็นว่าการขยายแม่น้ำปิงจะส่งผลกระทบต่ออนุสรณ์สถาน และอาคารในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ทั้งอาคารที่ทำการ อาคารที่พักตำรวจ โดยเบื้องต้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ขุดขยายลำน้ำ ณ จุดนี้ ให้มีความกว้างเพิ่มขึ้น 10 เมตร เป็น 70 เมตรก่อน ซึ่งต่อไปเมื่อจะขุดขยายเพิ่มขึ้นเป็น 20 เมตรจะส่งผลกระทบต่ออนุสรณ์สถาน และอาคาร จึงควรจะต้องย้ายอาคารไปสร้างในพื้นที่ใหม่ให้เรียบร้อยก่อน โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะต้องตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียง ไว้ในงบประมาณประจำปี 2551 ด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังศูนย์ราชการอำเภอสันกำแพง ตำบลทรายมูล อำเภอสันกำแพง เพื่อเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างศูนย์หัตถกรรมและภูมิปัญญาไทย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมพบปะประชาชนที่มาร่วมงานประมาณ 3,000 คน โดยนายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวรายงานสรุปว่า ศูนย์หัตถกรรมและภูมิปัญญาไทย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ 12 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร โรงแรมและส่วนบริการสปา อาคารฝึกอบรม อาคารอเนกประสงค์ อาคารต้อนรับ อาคารการศึกษา และบ้านพักเจ้าหน้าที่ ใช้งบประมาณก่อสร้าง 75.6 ล้านบาท จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปลายปี 2552 โดยจะเป็นศูนย์ฝึกปฏิบัติงานจริงของแรงงานในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่สำหรับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านธุรกิจ บริการ และภูมิปัญญาไทย ให้สามารถรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ ในภาคธุรกิจบริการ การท่องเที่ยว การโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังเป็นการสืบสานอนุ รักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วย
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีและคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงภูพยัคฆ์ บ้านน้ำลี ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยทหารพัฒนาถึงการดำเนินการเกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคเหนือตามนโยบาย (ทภ.3) การดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ (สนภ.นทพ.) เสร็จแล้วเดินทางไปยังบริเวณอนุสรณ์สถานฯ เพื่อพบปะประชาชน เยี่ยมชมกิจกรรม (ชุดแพทย์เคลื่อนที่ ร.พ.ค่ายสุริยพงษ์) และเยี่ยมชมการปฏิบัติงานก่อสร้างเส้นทางของ สนภ.3 นทพ.
หลังจากนั้นพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดน่าน ไปยังบ้านท่ากอบง ตำบลปงน้อย กิ่งอำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจการซ่อมแซมสะพานข้ามแม่น้ำกก ซึ่งเชื่อมระหว่างอำเภอแม่จันทร์กับอำเภอดอยหลวง ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยน้ำท่วม และปัญหาการดูดทรายจนทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทาง สร้างความเดือดร้อนให้ราษฎรที่ใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจรไปมาอย่างมาก ทั้งนี้ การซ่อมสะพานได้เสร็จสิ้นไปแล้วกว่าร้อยละ 95 ซึ่งทางกรมทางหลวงโดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 1 จังหวัดพิจิตรเป็นผู้ดำเนินการซ่อมใช้งบประมาณกว่า 6 ล้านบาท ทำให้ประชาชนสามารถใช้สัญจรไปมาได้แล้ว
โดยนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และกลุ่มเยาวชนกว่า 2,000 คน ให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้นายสูน และนางคำมี ปงกันมูล บิดามารดาของคุณครูจูหลิง ปงกันมูล ได้มารอให้การต้อนรับและมอบของที่ระลึกให้แก่นายกรัฐมนตรีด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับสรุปว่า ยินดีที่ประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการเดินทาง และขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาช่วยกัน ซึ่งขณะนี้ประเทศชาติกำลังต้องการความช่วยเหลือจากประชาชนอย่างมาก เพราะกำลังประสบกับความแตกต่างทางความคิดด้านการเมือง ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศชาติ ดังนั้น ประชาชนทุกคนควรที่จะดำเนินการแก้ไข รวมทั้งอยากให้ประชาชนได้ช่วยกันรับร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการลงประชา มติ เพื่อจะได้นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาใช้โดยเร็ว ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปที่ได้กำหนดไว้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ หากประชาชนรู้สึกว่ามีส่วนที่ยังไม่พอใจในรัฐธรรมนูญก็สามารถแก้ไขได้ในอนาคต เพื่อให้มีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศตามครรลองของประชา ธิปไตย และหวังว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้จะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่โปร่งใส เป็นธรรม ไม่มีการทุจริตเลือกตั้ง และคดโกงในประเทศชาติ ทั้งนี้ ในช่วงที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศในระยะเวลาสั้นๆ ก็ได้พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และอุทกภัยที่ประสบในปีที่ผ่านมา ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะสภาพแวดล้อมมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่าในปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม ประชาชนต้องช่วยกันทำความดี สร้างความสามัคคี มีความสมานฉันท์ของคนในชาติ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสอันสำคัญนี้
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับชาวอำเภอดอยหลวง เพราะรัฐบาลได้ยกสถานะกิ่งอำเภอทั่วประเทศกว่า 80 แห่ง ให้เป็นอำเภอโดยสมบูรณ์
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 08.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยในจุดแรก นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปตรวจการขุดลอกลำน้ำปิง บริเวณสะพานป่าแดด เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ถนนมหิดล โดยมีนายวิชัย ศรีขวัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจโท กิตติธัช เรือนทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พลโท จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 และนายทรงศักดิ์ แพเจริญ อธิบดีกรมทางหลวง ร่วมให้ข้อมูลการขุดลอกแม่น้ำปิง โดยการดำเนินการขุดลอกแม่น้ำปิงแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นจะขุดลอกขยายบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และจุดอื่น ๆ อีก 7 จุด ความกว้าง 10 เมตร เพื่อให้การระบายน้ำสะดวกขึ้น จาก 450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเป็น 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระยะเวลาดำเนินการ 15 มิถุนายน — 15 สิงหาคม 2550 ขณะที่แผนระยะยาวจะดำเนินการขยายความกว้างแม่น้ำปิงจากเดิมกว้าง 60 เมตรเป็น 90 เมตรตลอดทั้งสาย เพื่อรองรับอัตราการไหลของน้ำ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีความเห็นว่าการขยายแม่น้ำปิงจะส่งผลกระทบต่ออนุสรณ์สถาน และอาคารในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ทั้งอาคารที่ทำการ อาคารที่พักตำรวจ โดยเบื้องต้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ขุดขยายลำน้ำ ณ จุดนี้ ให้มีความกว้างเพิ่มขึ้น 10 เมตร เป็น 70 เมตรก่อน ซึ่งต่อไปเมื่อจะขุดขยายเพิ่มขึ้นเป็น 20 เมตรจะส่งผลกระทบต่ออนุสรณ์สถาน และอาคาร จึงควรจะต้องย้ายอาคารไปสร้างในพื้นที่ใหม่ให้เรียบร้อยก่อน โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะต้องตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียง ไว้ในงบประมาณประจำปี 2551 ด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังศูนย์ราชการอำเภอสันกำแพง ตำบลทรายมูล อำเภอสันกำแพง เพื่อเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างศูนย์หัตถกรรมและภูมิปัญญาไทย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมพบปะประชาชนที่มาร่วมงานประมาณ 3,000 คน โดยนายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวรายงานสรุปว่า ศูนย์หัตถกรรมและภูมิปัญญาไทย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ 12 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร โรงแรมและส่วนบริการสปา อาคารฝึกอบรม อาคารอเนกประสงค์ อาคารต้อนรับ อาคารการศึกษา และบ้านพักเจ้าหน้าที่ ใช้งบประมาณก่อสร้าง 75.6 ล้านบาท จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปลายปี 2552 โดยจะเป็นศูนย์ฝึกปฏิบัติงานจริงของแรงงานในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่สำหรับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านธุรกิจ บริการ และภูมิปัญญาไทย ให้สามารถรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ ในภาคธุรกิจบริการ การท่องเที่ยว การโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังเป็นการสืบสานอนุ รักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วย
เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีและคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงภูพยัคฆ์ บ้านน้ำลี ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยทหารพัฒนาถึงการดำเนินการเกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคเหนือตามนโยบาย (ทภ.3) การดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ (สนภ.นทพ.) เสร็จแล้วเดินทางไปยังบริเวณอนุสรณ์สถานฯ เพื่อพบปะประชาชน เยี่ยมชมกิจกรรม (ชุดแพทย์เคลื่อนที่ ร.พ.ค่ายสุริยพงษ์) และเยี่ยมชมการปฏิบัติงานก่อสร้างเส้นทางของ สนภ.3 นทพ.
หลังจากนั้นพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดน่าน ไปยังบ้านท่ากอบง ตำบลปงน้อย กิ่งอำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจการซ่อมแซมสะพานข้ามแม่น้ำกก ซึ่งเชื่อมระหว่างอำเภอแม่จันทร์กับอำเภอดอยหลวง ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยน้ำท่วม และปัญหาการดูดทรายจนทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทาง สร้างความเดือดร้อนให้ราษฎรที่ใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจรไปมาอย่างมาก ทั้งนี้ การซ่อมสะพานได้เสร็จสิ้นไปแล้วกว่าร้อยละ 95 ซึ่งทางกรมทางหลวงโดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 1 จังหวัดพิจิตรเป็นผู้ดำเนินการซ่อมใช้งบประมาณกว่า 6 ล้านบาท ทำให้ประชาชนสามารถใช้สัญจรไปมาได้แล้ว
โดยนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และกลุ่มเยาวชนกว่า 2,000 คน ให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้นายสูน และนางคำมี ปงกันมูล บิดามารดาของคุณครูจูหลิง ปงกันมูล ได้มารอให้การต้อนรับและมอบของที่ระลึกให้แก่นายกรัฐมนตรีด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับสรุปว่า ยินดีที่ประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการเดินทาง และขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่เข้ามาช่วยกัน ซึ่งขณะนี้ประเทศชาติกำลังต้องการความช่วยเหลือจากประชาชนอย่างมาก เพราะกำลังประสบกับความแตกต่างทางความคิดด้านการเมือง ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศชาติ ดังนั้น ประชาชนทุกคนควรที่จะดำเนินการแก้ไข รวมทั้งอยากให้ประชาชนได้ช่วยกันรับร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการลงประชา มติ เพื่อจะได้นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาใช้โดยเร็ว ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปที่ได้กำหนดไว้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ หากประชาชนรู้สึกว่ามีส่วนที่ยังไม่พอใจในรัฐธรรมนูญก็สามารถแก้ไขได้ในอนาคต เพื่อให้มีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศตามครรลองของประชา ธิปไตย และหวังว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้จะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่โปร่งใส เป็นธรรม ไม่มีการทุจริตเลือกตั้ง และคดโกงในประเทศชาติ ทั้งนี้ ในช่วงที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศในระยะเวลาสั้นๆ ก็ได้พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และอุทกภัยที่ประสบในปีที่ผ่านมา ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะสภาพแวดล้อมมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่าในปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม ประชาชนต้องช่วยกันทำความดี สร้างความสามัคคี มีความสมานฉันท์ของคนในชาติ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสอันสำคัญนี้
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับชาวอำเภอดอยหลวง เพราะรัฐบาลได้ยกสถานะกิ่งอำเภอทั่วประเทศกว่า 80 แห่ง ให้เป็นอำเภอโดยสมบูรณ์
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--