นายกรัฐมนตรีติดตามการดำเนินงานตามโครงการฟื้นฟูพัฒนาคุณภาพชีวิตและพื้นที่ต้นน้ำน้ำหนาว ซึ่งกองบัญชาการทหารสูงสุดและกระทรวงที่เกี่ยวข้องดำเนินการขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี และปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ณ บ้านโนนชาด ตำบลหลักด่าน อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
วันนี้ เวลา 10.10 น.พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงบ้านโนนชาด ตำบลหลักด่าน อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นเดินทางไปยังจุดชมวิว เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสภาพพื้นที่และการดำเนินงานตามโครงการฟื้นฟูพัฒนาคุณภาพชีวิตและพื้นที่ต้นน้ำน้ำหนาว ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลเห็นชอบให้กองบัญชาการทหารสูงสุดและกระทรวงที่เกี่ยวข้องดำเนินการขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี และปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีความอยู่ดีกินดีตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนเป็นการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะป่าไม้ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยังศูนย์ประสานงานโครงการฯ น้ำหนาว เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และได้กล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับสรุปว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดร่วมกับหน่วยราชการอีก 9 กระทรวง น้อมนำแนวทางอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มานำร่องโครงการใน 4 ปีแรก ระหว่างปี 2549-2552 โดยวางเป้าหมายให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมีความรักหวงแหนป่าต้นน้ำ รวมทั้งร่วมกันอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า เพื่อการอยู่ร่วมกันและใช้ประโยชน์จากป่าได้อย่างสมดุล จึงขอให้ประชาชนช่วยกันอนุรักษ์ฟื้นฟูและดูแลป่าต้นน้ำร่วมกับทุกภาคส่วน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการป้องกันการบุกรุกทำลายป่านั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชน เจ้าหน้าที่คงทำงานร่วมกับประชาชน เพื่อทำความเข้าใจไม่ให้มีการบุกรุกป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติม ที่เหลืออยู่เป็นส่วนน้อยที่ต้องดูแลรักษาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ นอกจากนี้ราษฎรยังต้องปรับวิธีทำการเกษตร โดยใช้วิธีแบบผสมผสานที่จะทำให้ดูแลตัวเองได้ รวมทั้งต้องให้ความร่วมมือเพื่อดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบังคับใช้กฎหมาย ถ้าหากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่เกิดประโยชน์
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนในพื้นที่ และร่วมปลูกต้นไม้ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา ด้วย
ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดเพชรบูรณ์ไปยังวัดศรีภูมิ หมู่ที่ 1 บ้านบุฮม ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย โดยมีประชาชนชุมชนเข้มแข็งจากพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดหนองคายและจังหวัดเลย มารอให้การต้อนรับ
นายสำเริง เชื้อชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีที่ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่บ้านบุฮม ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งเป็นตำบลที่ประชาชนทุกคนมีความสุขและมีความเข้มแข็ง มีรายได้จากการปลูกพืช ผลไม้ ทุกชนิด โดยเฉพาะมะม่วงในปีที่แล้วสามารถส่งออกได้ร้อยกว่าล้านบาท และเน้นให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมีในการทำเกษตรด้วย
จากนั้นพลตรี ชาญชัย ภู่ทอง ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรีและผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 ส่วนแยก 1 กล่าวรายงานผลการดำเนินงานหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ตำบลบุฮม ว่า ในปี 2545 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 ส่วนแยก 1 ได้ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดเลย จัดชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนเข้าประจำหมู่บ้านขับเคลื่อนขบวนการชุมชนเข้มแข็ง เปิดเวทีชาวบ้าน แก้วิกฤตและปัญหา ราษฎรร่วมใจกันแก้ไขปัญหาชุมชนด้วยตนเอง โดยเฉพาะการแก้ปัญหายาเสพติด ต่อมาในปี 2546 จนถึงปัจจุบัน โครงการชุมชนเข้มแข็งจากบ้านบุฮมได้ขยายเป็นระดับตำบลเข้มแข็ง และในปี 2548 คณะกรรมการหมู่บ้าน สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้นำธรรมชาติของตำบลบุฮม จำนวน 100 คน เข้ารับการอบรมโครงการโรงเรียนผู้นำชุมชนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 ส่วนแยก 1 โดยชุดวิทยากรกระบวนการ ทำให้องค์กรดังกล่าวมีความรัก ความสามัคคี มีความเข้าใจ สามารถทำแผนชุมชนในภาพรวมของตำบล จัดตั้งกลุ่มพัฒนาอาชีพ จนทำให้พัฒนายกระดับรายได้ของตำบลได้อย่างยั่งยืน รายได้เฉลี่ยของประชากรประมาณ 70,000 บาทต่อครอบครัว/ปี โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มผลไม้รวมตัวกันจัดตั้งตลาดกลางของหมู่บ้านทำให้เกิดรายได้เข้าสู่ตำบล ในปี 2547 มีรายได้ 32 ล้านบาท ปี 2548 มีรายได้ 76 ล้านบาท ในปี 2549 มีรายได้ 84 ล้านบาท นอกจากนี้ปัญหายาเสพติดในตำบลหมดไปอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้แก้ไขปัญหาความยากจนได้ และเกิดความรู้รักสามัคคีภายในตำบล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนชุมชนเข้มแข็งว่ารู้สึกประทับใจที่ชาวจังหวัดเลยมีจิตใจที่จะทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินของเรามาโดยตลอด อีกทั้งยังได้ทุ่มเทพยายามที่จะดูแลกันเอง สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และสร้างชุมชนเข้มแข็งขึ้นมา ซึ่งตั้งแต่ปี 2537, 2538, 2539 มาจนถึงปัจจุบันได้เห็นถึงความก้าวหน้า ความรุ่งเรือง ความเข้มแข็งของชุมชนแห่งนี้ ดังนั้น ตรงจุดนี้ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกคน ที่ทำให้เกิดความรักสามัคคีขึ้นในชุมชน จึงอยากจะขอให้ทุกคนรักษาความดีนี้ไว้ตลอดไป พร้อมทั้งขอให้น้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เพื่อทำให้เกิดความสุขขึ้นกับทุกคนในชุมชน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมและพบปะผู้นำในโครงการอยู่ดีมีสุขของจังหวัดเลย พร้อมทั้งเยี่ยมชมโครงการเศรษฐกิจพอเพียง วิสาหกิจชุมชน เกษตรอินทรีย์ การผลิตสวนผสมผสาน และเยี่ยมจุดจอดเรือ โครงการจัดระเบียบเรือตามลำแม่น้ำโขง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.10 น.พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงบ้านโนนชาด ตำบลหลักด่าน อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นเดินทางไปยังจุดชมวิว เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสภาพพื้นที่และการดำเนินงานตามโครงการฟื้นฟูพัฒนาคุณภาพชีวิตและพื้นที่ต้นน้ำน้ำหนาว ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลเห็นชอบให้กองบัญชาการทหารสูงสุดและกระทรวงที่เกี่ยวข้องดำเนินการขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี และปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีความอยู่ดีกินดีตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนเป็นการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะป่าไม้ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยังศูนย์ประสานงานโครงการฯ น้ำหนาว เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และได้กล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับสรุปว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดร่วมกับหน่วยราชการอีก 9 กระทรวง น้อมนำแนวทางอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มานำร่องโครงการใน 4 ปีแรก ระหว่างปี 2549-2552 โดยวางเป้าหมายให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมีความรักหวงแหนป่าต้นน้ำ รวมทั้งร่วมกันอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า เพื่อการอยู่ร่วมกันและใช้ประโยชน์จากป่าได้อย่างสมดุล จึงขอให้ประชาชนช่วยกันอนุรักษ์ฟื้นฟูและดูแลป่าต้นน้ำร่วมกับทุกภาคส่วน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการป้องกันการบุกรุกทำลายป่านั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชน เจ้าหน้าที่คงทำงานร่วมกับประชาชน เพื่อทำความเข้าใจไม่ให้มีการบุกรุกป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติม ที่เหลืออยู่เป็นส่วนน้อยที่ต้องดูแลรักษาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ นอกจากนี้ราษฎรยังต้องปรับวิธีทำการเกษตร โดยใช้วิธีแบบผสมผสานที่จะทำให้ดูแลตัวเองได้ รวมทั้งต้องให้ความร่วมมือเพื่อดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบังคับใช้กฎหมาย ถ้าหากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่เกิดประโยชน์
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนในพื้นที่ และร่วมปลูกต้นไม้ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา ด้วย
ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากจังหวัดเพชรบูรณ์ไปยังวัดศรีภูมิ หมู่ที่ 1 บ้านบุฮม ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย โดยมีประชาชนชุมชนเข้มแข็งจากพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดหนองคายและจังหวัดเลย มารอให้การต้อนรับ
นายสำเริง เชื้อชวลิต ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีที่ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่บ้านบุฮม ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งเป็นตำบลที่ประชาชนทุกคนมีความสุขและมีความเข้มแข็ง มีรายได้จากการปลูกพืช ผลไม้ ทุกชนิด โดยเฉพาะมะม่วงในปีที่แล้วสามารถส่งออกได้ร้อยกว่าล้านบาท และเน้นให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมีในการทำเกษตรด้วย
จากนั้นพลตรี ชาญชัย ภู่ทอง ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรีและผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 ส่วนแยก 1 กล่าวรายงานผลการดำเนินงานหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง ตำบลบุฮม ว่า ในปี 2545 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 ส่วนแยก 1 ได้ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดเลย จัดชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนเข้าประจำหมู่บ้านขับเคลื่อนขบวนการชุมชนเข้มแข็ง เปิดเวทีชาวบ้าน แก้วิกฤตและปัญหา ราษฎรร่วมใจกันแก้ไขปัญหาชุมชนด้วยตนเอง โดยเฉพาะการแก้ปัญหายาเสพติด ต่อมาในปี 2546 จนถึงปัจจุบัน โครงการชุมชนเข้มแข็งจากบ้านบุฮมได้ขยายเป็นระดับตำบลเข้มแข็ง และในปี 2548 คณะกรรมการหมู่บ้าน สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้นำธรรมชาติของตำบลบุฮม จำนวน 100 คน เข้ารับการอบรมโครงการโรงเรียนผู้นำชุมชนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 ส่วนแยก 1 โดยชุดวิทยากรกระบวนการ ทำให้องค์กรดังกล่าวมีความรัก ความสามัคคี มีความเข้าใจ สามารถทำแผนชุมชนในภาพรวมของตำบล จัดตั้งกลุ่มพัฒนาอาชีพ จนทำให้พัฒนายกระดับรายได้ของตำบลได้อย่างยั่งยืน รายได้เฉลี่ยของประชากรประมาณ 70,000 บาทต่อครอบครัว/ปี โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มผลไม้รวมตัวกันจัดตั้งตลาดกลางของหมู่บ้านทำให้เกิดรายได้เข้าสู่ตำบล ในปี 2547 มีรายได้ 32 ล้านบาท ปี 2548 มีรายได้ 76 ล้านบาท ในปี 2549 มีรายได้ 84 ล้านบาท นอกจากนี้ปัญหายาเสพติดในตำบลหมดไปอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้แก้ไขปัญหาความยากจนได้ และเกิดความรู้รักสามัคคีภายในตำบล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนชุมชนเข้มแข็งว่ารู้สึกประทับใจที่ชาวจังหวัดเลยมีจิตใจที่จะทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินของเรามาโดยตลอด อีกทั้งยังได้ทุ่มเทพยายามที่จะดูแลกันเอง สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และสร้างชุมชนเข้มแข็งขึ้นมา ซึ่งตั้งแต่ปี 2537, 2538, 2539 มาจนถึงปัจจุบันได้เห็นถึงความก้าวหน้า ความรุ่งเรือง ความเข้มแข็งของชุมชนแห่งนี้ ดังนั้น ตรงจุดนี้ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกคน ที่ทำให้เกิดความรักสามัคคีขึ้นในชุมชน จึงอยากจะขอให้ทุกคนรักษาความดีนี้ไว้ตลอดไป พร้อมทั้งขอให้น้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เพื่อทำให้เกิดความสุขขึ้นกับทุกคนในชุมชน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมและพบปะผู้นำในโครงการอยู่ดีมีสุขของจังหวัดเลย พร้อมทั้งเยี่ยมชมโครงการเศรษฐกิจพอเพียง วิสาหกิจชุมชน เกษตรอินทรีย์ การผลิตสวนผสมผสาน และเยี่ยมจุดจอดเรือ โครงการจัดระเบียบเรือตามลำแม่น้ำโขง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--