นายกรัฐมนตรีระบุกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยภาคใต้ขอร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่เพื่อให้เกิดความสามัคคีและปรองดอง เตรียมหารือนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดือนสิงหาคมนี้ในการที่จะร่วมกันพัฒนาพื้นที่และร่วมมือกันแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้
ภารกิจวันที่สองในการเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 07.30 น. ที่เขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ภายหลังรับประทานอาหารเช้าร่วมกับคณะแล้ว นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปทำข่าวสัมภาษณ์ถึงการพบปะกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ทางกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยขอเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่เพื่อให้เกิดความสามัคคีและปรองดอง ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี และจากนี้ไปจะมีการติดต่อกันว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยดังกล่าวไม่ใช่กลุ่มแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ แต่เป็นกลุ่มที่ต่อสู้และมีความขัดแย้งด้านการเมืองในอดีต
ส่วนการทำงานของฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ขณะนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงจะมีการปรับปรุงแนวทางการทำงานต่อไป เพราะปัญหาต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่ลักษณะของการขันน็อต เพราะจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของฝ่ายปฏิบัติการ เพราะเป็นเรื่องของผู้รับผิดชอบในพื้นที่ที่จะดูแลและต้องตัดสินใจ ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่ให้การสนับสนุนในสิ่งที่ขาด สำหรับการเพิ่มกำลังทหารและตำรวจลงไปในพื้นที่นั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายผู้ปฏิบัติที่จะเสนอขอขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจพยายามเพิ่มกำลังในส่วนที่ขาดลงมา เช่นเดียวกับฝ่ายทหารที่มีการเพิ่มกำลังทหารพรานเข้ามาประจำในพื้นที่ โดยทางฝ่ายปฏิบัติจะมีการประเมินผลการทำงานในแต่ละส่วนเอง รัฐบาลจะมองเฉพาะภาพรวม และดูว่าแต่ละส่วนมีความก้าวหน้าอย่างไร ควรจะมีการปรับแนวทางบ้างหรือไม่ รวมไปถึงมองด้านการต่างประเทศด้วย
ต่อข้อถามว่า เท่าที่ประเมินผลการทำงานของหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพภาค 4 ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) และผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พอใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่สามารถพูดต่อสาธารณะได้ ถือเป็นมารยาท หากพูดว่าดีหรือไม่ดีจะมีผลทั้งสองด้าน เรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องภายใน ซึ่งขอไม่วิจารณ์ผู้บริหารระดับสูงต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตาม คิดว่าผู้ที่เข้ามาทำงานตรงนี้ถือเป็นผู้ที่เสียสละแล้ว
ต่อข้อถามว่า จะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกใน 2 อำเภอที่เคยประกาศไว้หรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้เป็นการตัดสินใจของฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ รัฐบาลจะไม่ตัดสินใจเอง แต่ต้องฟังฝ่ายปฏิบัติก่อน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า มีเพียงแต่การเตรียมการที่จะไปหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในเดือนสิงหาคมนี้ ว่า เราจะร่วมกันพัฒนาพื้นที่และร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งในเรื่องการศึกษา และการดูแลผู้ที่ข้ามแดนไปทำงานว่าควรจะมีการอำนวยความสะดวกอย่างไรบ้างทั้งของไทยและมาเลเซีย ทั้งนี้ ในระดับแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบนั้นยังไม่มีแม้แต่การเตรียมการหารือ และยังไม่มีการติดต่อมายังรัฐบาลเลย ส่วนแนวคิดที่จะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษนั้น ขอเรียนว่ายังไม่มีแนวความคิดดังกล่าว เพราะความเป็นประเทศไทยของเราจะต้องมีกฎหมายใช้บังคับเหมือนกันทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดก็ตาม โดยเฉพาะการกระจายอำนาจไปสู่การปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งจะต้องทำเหมือนกันหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่าชุมชนไทยพุทธเริ่มจะมีการแก้แค้นไทยมุสลิมแล้วในหลายพื้นที่ จากการติดอาวุธให้กับชาวไทยพุทธ เรื่องนี้จะเป็นดาบ 2 คมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการปะทะกันระหว่างชาวไทยพุทธและไทยมุสลิม แต่ยอมรับว่ามีความแคลงใจและความหวาดระแวงเกิดขึ้นจริง ซึ่งทางเดียวที่จะแก้ได้คือต้องร่วมมือกันระหว่างไทยพุทธกับไทยมุลลิม เพื่อขจัดความหวาดระแวงและสร้างความไว้วางใจขึ้นมา หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือความร่วมมือกัน และการที่รัฐบาลติดอาวุธให้กับชาวไทยพุทธก็ไม่ใช่เป็นการสนับสนุนให้ปะทะกัน หรือทำให้มองได้ว่าเป็นเรื่องความเชื่อทางศาสนา เราเพียงแต่ติดอาวุธให้กับเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) หรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในภาพรวม ซึ่งไม่ได้ระบุว่าให้เฉพาะชาวไทยพุทธเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของชุมชนในท้องถิ่นที่จะป้องกันตนเอง
หลังจากนั้น เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 40 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การก่อสร้างถนนสาย 418 และแผนงานการดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามเขื่อนบางลาง เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปกองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายรัตนพล อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างเรือนรับรองที่ประทับและเรือนบริวาร ในโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดกระบี่ โดยจะไปตรวจเยี่ยมบ้านเขากลม หมู่ที่ 7 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ และจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ภารกิจวันที่สองในการเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 07.30 น. ที่เขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ภายหลังรับประทานอาหารเช้าร่วมกับคณะแล้ว นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปทำข่าวสัมภาษณ์ถึงการพบปะกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ทางกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยขอเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่เพื่อให้เกิดความสามัคคีและปรองดอง ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี และจากนี้ไปจะมีการติดต่อกันว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยดังกล่าวไม่ใช่กลุ่มแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ แต่เป็นกลุ่มที่ต่อสู้และมีความขัดแย้งด้านการเมืองในอดีต
ส่วนการทำงานของฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ขณะนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงจะมีการปรับปรุงแนวทางการทำงานต่อไป เพราะปัญหาต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่ลักษณะของการขันน็อต เพราะจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของฝ่ายปฏิบัติการ เพราะเป็นเรื่องของผู้รับผิดชอบในพื้นที่ที่จะดูแลและต้องตัดสินใจ ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่ให้การสนับสนุนในสิ่งที่ขาด สำหรับการเพิ่มกำลังทหารและตำรวจลงไปในพื้นที่นั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายผู้ปฏิบัติที่จะเสนอขอขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจพยายามเพิ่มกำลังในส่วนที่ขาดลงมา เช่นเดียวกับฝ่ายทหารที่มีการเพิ่มกำลังทหารพรานเข้ามาประจำในพื้นที่ โดยทางฝ่ายปฏิบัติจะมีการประเมินผลการทำงานในแต่ละส่วนเอง รัฐบาลจะมองเฉพาะภาพรวม และดูว่าแต่ละส่วนมีความก้าวหน้าอย่างไร ควรจะมีการปรับแนวทางบ้างหรือไม่ รวมไปถึงมองด้านการต่างประเทศด้วย
ต่อข้อถามว่า เท่าที่ประเมินผลการทำงานของหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพภาค 4 ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผอ.ศอ.บต.) และผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พอใจหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่สามารถพูดต่อสาธารณะได้ ถือเป็นมารยาท หากพูดว่าดีหรือไม่ดีจะมีผลทั้งสองด้าน เรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องภายใน ซึ่งขอไม่วิจารณ์ผู้บริหารระดับสูงต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตาม คิดว่าผู้ที่เข้ามาทำงานตรงนี้ถือเป็นผู้ที่เสียสละแล้ว
ต่อข้อถามว่า จะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกใน 2 อำเภอที่เคยประกาศไว้หรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้เป็นการตัดสินใจของฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ รัฐบาลจะไม่ตัดสินใจเอง แต่ต้องฟังฝ่ายปฏิบัติก่อน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า มีเพียงแต่การเตรียมการที่จะไปหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในเดือนสิงหาคมนี้ ว่า เราจะร่วมกันพัฒนาพื้นที่และร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งในเรื่องการศึกษา และการดูแลผู้ที่ข้ามแดนไปทำงานว่าควรจะมีการอำนวยความสะดวกอย่างไรบ้างทั้งของไทยและมาเลเซีย ทั้งนี้ ในระดับแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบนั้นยังไม่มีแม้แต่การเตรียมการหารือ และยังไม่มีการติดต่อมายังรัฐบาลเลย ส่วนแนวคิดที่จะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษนั้น ขอเรียนว่ายังไม่มีแนวความคิดดังกล่าว เพราะความเป็นประเทศไทยของเราจะต้องมีกฎหมายใช้บังคับเหมือนกันทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดก็ตาม โดยเฉพาะการกระจายอำนาจไปสู่การปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งจะต้องทำเหมือนกันหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่าชุมชนไทยพุทธเริ่มจะมีการแก้แค้นไทยมุสลิมแล้วในหลายพื้นที่ จากการติดอาวุธให้กับชาวไทยพุทธ เรื่องนี้จะเป็นดาบ 2 คมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการปะทะกันระหว่างชาวไทยพุทธและไทยมุสลิม แต่ยอมรับว่ามีความแคลงใจและความหวาดระแวงเกิดขึ้นจริง ซึ่งทางเดียวที่จะแก้ได้คือต้องร่วมมือกันระหว่างไทยพุทธกับไทยมุลลิม เพื่อขจัดความหวาดระแวงและสร้างความไว้วางใจขึ้นมา หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือความร่วมมือกัน และการที่รัฐบาลติดอาวุธให้กับชาวไทยพุทธก็ไม่ใช่เป็นการสนับสนุนให้ปะทะกัน หรือทำให้มองได้ว่าเป็นเรื่องความเชื่อทางศาสนา เราเพียงแต่ติดอาวุธให้กับเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) หรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในภาพรวม ซึ่งไม่ได้ระบุว่าให้เฉพาะชาวไทยพุทธเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของชุมชนในท้องถิ่นที่จะป้องกันตนเอง
หลังจากนั้น เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 40 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การก่อสร้างถนนสาย 418 และแผนงานการดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามเขื่อนบางลาง เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปกองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายรัตนพล อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างเรือนรับรองที่ประทับและเรือนบริวาร ในโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดกระบี่ โดยจะไปตรวจเยี่ยมบ้านเขากลม หมู่ที่ 7 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ และจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--