นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการอยู่ดีมีสุขและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริใน 3 จังหวัดภาคอีสาน
วันนี้ เวลา 08.20 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ไปยังค่ายกฤษณ์สีวะรา จังหวัดสกลนคร โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เพื่อปฏิบัติราชการจังหวัดสกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร และนครพนม สรุปดัง
นี้เวลา 10.10 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงอ่างเก็บน้ำลำพะยัง โครงการพัฒนาลุ่มน้ำลำพะยังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการฯ โดยมีนายกวี กิตติสถาพร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้การต้อนรับ ในการนี้ นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ รองเลขาธิการ กปร. รายงานว่าโครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังฯ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัย และมีพระราชดำรัสว่า เขตนี้แห้งแล้ง ปริมาณน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบนไม่เพียงพอต่อพื้นที่การเกษตร จึงได้ให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำห้วยไผ่ อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร มายังพื้นที่เพาะปลูกในเขตอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในเขตอำเภอเขาวงได้ประมาณ 12,000 ไร่ ครอบคลุม 5 หมู่บ้าน 579 ครอบครัว ประชากร 2,440 คน โดยมีการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำยาว 725 เมตร และก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำเข้าไปยังพื้นที่เพาะปลูก ความยาว 8.6 กิโลเมตร และท่อส่งน้ำสายซอย 11 สาย ยาว 27 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 160 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าโครงการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2550 นี้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านนาวี ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยรถยนต์เพื่อเยี่ยมชมการออกหน่วยบริการโครงการกาฬสินธุ์อยู่ดีมีสุขเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีประชาชนกว่า 5,000 คนมารอต้อนรับนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนว่า ขอให้ชาวกาฬสินธุ์ทุกคนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะถ้าหากไม่มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เสด็จพระราชดำเนินมาด้วยพระองค์เอง ชาวกาฬสินธุ์ก็คงจะไม่มีโอกาสที่จะเห็นอำเภอเขาวงของเรา มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง มีไร่นาที่เขียวชอุ่ม เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านทั้งสิ้น ชาวกาฬสินธุ์จึงควรภาค ภูมิใจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การมาตรวจราชการครั้งนี้อยากจะเห็นความก้าวหน้าของโครงการฯ ว่ามีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด เมื่อได้มาเห็นในวันนี้แล้วก็มีความชื่นใจมาก และจากที่ได้รับฟังรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ (นายกวี กิตติสถาพร) และนายอำเภอเขาวง (นายสุชัย บุตรสาระ) ถือได้ว่าอำเภอเขาวง เป็นอำเภอที่โชคดี พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ฝากถึงนายอำเภอเขาวงว่า อยากจะให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ขึ้นในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะการออมทรัพย์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะแก้ปัญหาในชีวิตของเราได้ และเมื่อมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ก็ขอให้อย่าฟุ้งเฟ้อ ควรใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและพอเพียง โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานในพิธีปฏิญาณตนของชาวกาฬสินธุ์จำนวน 3,000 คน ว่าจะไปออกเสียงลงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 นี้ และขอให้ประชาชนรู้จักการออม ใช้จ่ายอย่างประหยัด และมีชีวิตอย่างพอเพียง รวมทั้งเอื้อเฟื้อผู้อื่น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าขอให้ประชาชนพิจารณาตัดสินใจในการออกเสียงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 นี้ เพราะเป็นการดำเนินการตามวิถีทางประชาธิปไตยหลัง
จากนั้น เวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยไผ่ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วงบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร โดยนายบุญสม พิรินทร์ยวง ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยประชาชนในพื้นที่อำเภอดงหลวงให้การต้อนรับประมาณ 1,500 คน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายฯ ณ ห้องประชุมอ่างเก็บน้ำห้วยไผ่ สรุปดังนี้ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายฯ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อำเภอดงหลวงที่มีสภาพแห้งแล้งกันดาร และราษฎรประสบปัญหาความยากจนและสิ้นหวังในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพราะการขาดแคลนน้ำและการทำลายทรัพยากรป่าไม้เพื่อใช้เป็นที่ทำกิน รวมทั้ง เป็นการช่วยเหลือราษฎรให้มีแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูกและมีที่ทำกินเป็นของตนเอง เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยมีพระราชดำริให้เปิดโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดมุกดาหาร บนพื้นที่ทั้งสิ้น 120,000 ไร่ ทั้งนี้ จากการติดตามผลโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายฯ พบว่า ปัจจุบันราษฎรได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการส่งเสริมอาชีพเสริม ด้วยการผลิตสินค้าชุมชน โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดมุกดาหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการฝึกและพัฒนาอาชีพและสนับสนุนปัจจัยการผลิต ส่งผลให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้านการเกษตร ประชาชนมีแหล่งน้ำเพื่อทำการเกษตรจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 7 อ่าง ซึ่งสามารถทำการเกษตรได้อย่างครอบคลุมพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นในภาพรวม ตามแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานไว้
ในตอนบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการพระราชดำริในโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมู อ่างเก็บน้ำห้วยชะโนดตอนบน และอ่างเก็บน้ำห้วยไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านโสก ตำบลดงหลวง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร พร้อมติดตามการดำเนินงานตามโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ซึ่งนายบุญสม พิรินทร์ยวง ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวรายงานว่า การดำเนินงานตามยุทธ ศาสตร์อยู่ดีมีสุขของจังหวัดมุกดาหาร ได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีครัวเรือนที่ยากจนที่ต้องให้ความช่วยเหลือ จำนวน 4,000 กว่าครัวเรือน ในปี 2550 ทางจังหวัดได้ช่วยเหลือแล้วกว่าร้อยละ 50 และคาดว่าความยากจนจะหมดไปภายใน 2 ปี สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมู ที่บ้านโสกแห่งนี้ ได้สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้มีกระแสพระราชดำรัสต่อนายกรัฐมนตรี ในสมัยที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อปี 2538 ว่า ขอให้กองทัพภาคที่ 2 ได้ประสานส่วนราชการในการช่วยเหลือราษฎรชาวไทยเชื้อสายโซ่ ที่อาศัยอยู่รอบภูพานที่มีความเดือดร้อนในเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร โดยกรมชลประทานได้สร้างอ่างเก็บน้ำปิดกั้นห้วยขี้หมู เมื่อปี 2542 ซึ่งสามารถจุน้ำได้ 2 ล้าน 4 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ราษฎรบ้านโสกและหมู่บ้านใกล้เคียงได้ใช้ประโยชน์ในด้านการอุปโภค บริโภค เลี้ยงสัตว์ และการเกษตรได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ราษฎรยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอยู่
ต่อมากลุ่มร่วมพัฒนาชาติไทย นำโดยนายยาง วงศ์กระโซ่ ได้ร้องขอความช่วยเหลือเรื่องนี้ โดยขอให้มีการก่อสร้างระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมูให้เกษตรกรบ้านเลื่อนเจริญ บ้านหนองหมากสุก บ้านโพนแดง ซึ่งกรมชลประทานได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อเสริมอาคารระบายน้ำสูงขึ้นอีก 1 เมตรและเสริมทำนบดินขึ้นอีก 50 เซนติเมตร โดยโครงการชลประทานมุกดาหารจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะทำให้อ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมูแห่งนี้สามารถจุน้ำได้ 2 ล้าน 9 แสนลูกบาศก์เมตร และจะมีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับประโยชน์ 2,650 ไร่
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปตรวจติดตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯ และติดตามการดำเนินโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จากนายบุญสนอง บุญมี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัยกับชาวนครพนมว่า การที่ชาวนครพนมได้น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพนั้น ทำให้อยู่ดีมีสุขมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืนอยู่บนพื้นฐานของการอยู่ดีมีสุข และในอนาคตอันใกล้จังหวัดนครพนมจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคม ที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านจากสปป.ลาวไปเวียดนาม และจีนตอนใต้ รวมทั้งจะมีการก่อสร้างสะพานข้ามโขง แห่งที่ 3 ระหว่างไทย-สปป.ลาว ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากไว้ว่า ความสุขนั้นเริ่มต้นจากครอบครัว โดยเฉพาะครอบครับแบบไทย ๆ ที่พ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายาย จะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า และความสุขที่เกิดจากความพอดี พอกินพอใช้ ไม่โลภ และไม่อิจฉาริษยา ผู้อื่น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ขอให้ชาวนครพนมออกไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 โดยเลือกคนดีเข้ามาดูแลบ้านเมือง และหวังว่าในปลายปีนี้จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลชุดนี้จะได้ส่งมอบการดูแลบ้านเมืองให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต่อไป หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้บันทึกเทปรายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" ที่บ้านแก่งโพธิ์ ตำบลน้ำก่ำ อำเภอนครพนม จังหวัดนครพนม จากนั้นเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในเย็นวันเดียวกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 08.20 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ไปยังค่ายกฤษณ์สีวะรา จังหวัดสกลนคร โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เพื่อปฏิบัติราชการจังหวัดสกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร และนครพนม สรุปดัง
นี้เวลา 10.10 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงอ่างเก็บน้ำลำพะยัง โครงการพัฒนาลุ่มน้ำลำพะยังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการฯ โดยมีนายกวี กิตติสถาพร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้การต้อนรับ ในการนี้ นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ รองเลขาธิการ กปร. รายงานว่าโครงการพัฒนาลุ่มน้ำพะยังฯ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัย และมีพระราชดำรัสว่า เขตนี้แห้งแล้ง ปริมาณน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบนไม่เพียงพอต่อพื้นที่การเกษตร จึงได้ให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำห้วยไผ่ อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร มายังพื้นที่เพาะปลูกในเขตอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในเขตอำเภอเขาวงได้ประมาณ 12,000 ไร่ ครอบคลุม 5 หมู่บ้าน 579 ครอบครัว ประชากร 2,440 คน โดยมีการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำยาว 725 เมตร และก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำเข้าไปยังพื้นที่เพาะปลูก ความยาว 8.6 กิโลเมตร และท่อส่งน้ำสายซอย 11 สาย ยาว 27 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 160 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าโครงการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปี 2550 นี้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านนาวี ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยรถยนต์เพื่อเยี่ยมชมการออกหน่วยบริการโครงการกาฬสินธุ์อยู่ดีมีสุขเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีประชาชนกว่า 5,000 คนมารอต้อนรับนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนว่า ขอให้ชาวกาฬสินธุ์ทุกคนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะถ้าหากไม่มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เสด็จพระราชดำเนินมาด้วยพระองค์เอง ชาวกาฬสินธุ์ก็คงจะไม่มีโอกาสที่จะเห็นอำเภอเขาวงของเรา มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง มีไร่นาที่เขียวชอุ่ม เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านทั้งสิ้น ชาวกาฬสินธุ์จึงควรภาค ภูมิใจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การมาตรวจราชการครั้งนี้อยากจะเห็นความก้าวหน้าของโครงการฯ ว่ามีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด เมื่อได้มาเห็นในวันนี้แล้วก็มีความชื่นใจมาก และจากที่ได้รับฟังรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ (นายกวี กิตติสถาพร) และนายอำเภอเขาวง (นายสุชัย บุตรสาระ) ถือได้ว่าอำเภอเขาวง เป็นอำเภอที่โชคดี พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ฝากถึงนายอำเภอเขาวงว่า อยากจะให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ขึ้นในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะการออมทรัพย์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะแก้ปัญหาในชีวิตของเราได้ และเมื่อมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ก็ขอให้อย่าฟุ้งเฟ้อ ควรใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและพอเพียง โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานในพิธีปฏิญาณตนของชาวกาฬสินธุ์จำนวน 3,000 คน ว่าจะไปออกเสียงลงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 นี้ และขอให้ประชาชนรู้จักการออม ใช้จ่ายอย่างประหยัด และมีชีวิตอย่างพอเพียง รวมทั้งเอื้อเฟื้อผู้อื่น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าขอให้ประชาชนพิจารณาตัดสินใจในการออกเสียงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 นี้ เพราะเป็นการดำเนินการตามวิถีทางประชาธิปไตยหลัง
จากนั้น เวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยไผ่ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วงบางทรายตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร โดยนายบุญสม พิรินทร์ยวง ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยประชาชนในพื้นที่อำเภอดงหลวงให้การต้อนรับประมาณ 1,500 คน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายฯ ณ ห้องประชุมอ่างเก็บน้ำห้วยไผ่ สรุปดังนี้ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายฯ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อำเภอดงหลวงที่มีสภาพแห้งแล้งกันดาร และราษฎรประสบปัญหาความยากจนและสิ้นหวังในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพราะการขาดแคลนน้ำและการทำลายทรัพยากรป่าไม้เพื่อใช้เป็นที่ทำกิน รวมทั้ง เป็นการช่วยเหลือราษฎรให้มีแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูกและมีที่ทำกินเป็นของตนเอง เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยมีพระราชดำริให้เปิดโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดมุกดาหาร บนพื้นที่ทั้งสิ้น 120,000 ไร่ ทั้งนี้ จากการติดตามผลโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยบางทรายฯ พบว่า ปัจจุบันราษฎรได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการส่งเสริมอาชีพเสริม ด้วยการผลิตสินค้าชุมชน โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดมุกดาหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการฝึกและพัฒนาอาชีพและสนับสนุนปัจจัยการผลิต ส่งผลให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้านการเกษตร ประชาชนมีแหล่งน้ำเพื่อทำการเกษตรจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 7 อ่าง ซึ่งสามารถทำการเกษตรได้อย่างครอบคลุมพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นในภาพรวม ตามแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานไว้
ในตอนบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการพระราชดำริในโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมู อ่างเก็บน้ำห้วยชะโนดตอนบน และอ่างเก็บน้ำห้วยไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านโสก ตำบลดงหลวง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร พร้อมติดตามการดำเนินงานตามโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ซึ่งนายบุญสม พิรินทร์ยวง ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวรายงานว่า การดำเนินงานตามยุทธ ศาสตร์อยู่ดีมีสุขของจังหวัดมุกดาหาร ได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีครัวเรือนที่ยากจนที่ต้องให้ความช่วยเหลือ จำนวน 4,000 กว่าครัวเรือน ในปี 2550 ทางจังหวัดได้ช่วยเหลือแล้วกว่าร้อยละ 50 และคาดว่าความยากจนจะหมดไปภายใน 2 ปี สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมู ที่บ้านโสกแห่งนี้ ได้สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้มีกระแสพระราชดำรัสต่อนายกรัฐมนตรี ในสมัยที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อปี 2538 ว่า ขอให้กองทัพภาคที่ 2 ได้ประสานส่วนราชการในการช่วยเหลือราษฎรชาวไทยเชื้อสายโซ่ ที่อาศัยอยู่รอบภูพานที่มีความเดือดร้อนในเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร โดยกรมชลประทานได้สร้างอ่างเก็บน้ำปิดกั้นห้วยขี้หมู เมื่อปี 2542 ซึ่งสามารถจุน้ำได้ 2 ล้าน 4 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ราษฎรบ้านโสกและหมู่บ้านใกล้เคียงได้ใช้ประโยชน์ในด้านการอุปโภค บริโภค เลี้ยงสัตว์ และการเกษตรได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ราษฎรยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอยู่
ต่อมากลุ่มร่วมพัฒนาชาติไทย นำโดยนายยาง วงศ์กระโซ่ ได้ร้องขอความช่วยเหลือเรื่องนี้ โดยขอให้มีการก่อสร้างระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมูให้เกษตรกรบ้านเลื่อนเจริญ บ้านหนองหมากสุก บ้านโพนแดง ซึ่งกรมชลประทานได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อเสริมอาคารระบายน้ำสูงขึ้นอีก 1 เมตรและเสริมทำนบดินขึ้นอีก 50 เซนติเมตร โดยโครงการชลประทานมุกดาหารจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งจะทำให้อ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมูแห่งนี้สามารถจุน้ำได้ 2 ล้าน 9 แสนลูกบาศก์เมตร และจะมีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับประโยชน์ 2,650 ไร่
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปตรวจติดตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำฯ และติดตามการดำเนินโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จากนายบุญสนอง บุญมี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัยกับชาวนครพนมว่า การที่ชาวนครพนมได้น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพนั้น ทำให้อยู่ดีมีสุขมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืนอยู่บนพื้นฐานของการอยู่ดีมีสุข และในอนาคตอันใกล้จังหวัดนครพนมจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคม ที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านจากสปป.ลาวไปเวียดนาม และจีนตอนใต้ รวมทั้งจะมีการก่อสร้างสะพานข้ามโขง แห่งที่ 3 ระหว่างไทย-สปป.ลาว ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากไว้ว่า ความสุขนั้นเริ่มต้นจากครอบครัว โดยเฉพาะครอบครับแบบไทย ๆ ที่พ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายาย จะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า และความสุขที่เกิดจากความพอดี พอกินพอใช้ ไม่โลภ และไม่อิจฉาริษยา ผู้อื่น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ขอให้ชาวนครพนมออกไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 โดยเลือกคนดีเข้ามาดูแลบ้านเมือง และหวังว่าในปลายปีนี้จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลชุดนี้จะได้ส่งมอบการดูแลบ้านเมืองให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต่อไป หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้บันทึกเทปรายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" ที่บ้านแก่งโพธิ์ ตำบลน้ำก่ำ อำเภอนครพนม จังหวัดนครพนม จากนั้นเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในเย็นวันเดียวกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--