นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจนักศึกษาพยาบาลในโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมตรวจเยี่ยมผู้ถูกควบคุมตัวและสมัครใจเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมศาสนา และพัฒนาศักยภาพ จากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้ เวลา 16.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายแพทย์ ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ เดินทางไปเยี่ยมเยียนนักศึกษาพยาบาล ในโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้กำลังใจและติดตามความเป็นอยู่ของนักศึกษา ตลอดจนความก้าวหน้าในการจัดการเรียนการสอน ที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้มีนักศึกษาในโครงการทั้งหมด 2,993 คน กระจายอยู่ในวิทยาลัยพยาบาลในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก 25 แห่งทั่วประเทศ แยกเป็นชาย 424 คน หญิง 2,569 คน อายุระหว่าง 17-34 ปี ร้อยละ 90 นับถือศาสนาอิสลาม และจะจบการศึกษาในปี 2554 สำหรับวิทยาลัยพยาบาลพระบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี มีนักศึกษาในโครงการดังกล่าว จำนวน 200 คน เป็นชาย 30 คน หญิง 170 คน ทำการศึกษาร่วมกับนักศึกษาภาคปกติ 90 คน แต่วิทยาลัยพยาบาลหลายแห่ง เมื่อรวมนักศึกษาในโครงการกับนักศึกษาในภาคปกติแล้ว มีจำนวนค่อนข้างมาก ทำให้เกิดความแออัด ทั้งที่พักอาศัยและห้องเรียน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ถูกควบคุมตัว และสมัครใจเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมศาสนา และพัฒนาศักยภาพ จากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ศูนย์การเรียนรู้ภาคใต้ ค่ายวิภาวดีรังสิต อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 363 คน ประกอบด้วย ศูนย์ฝึกค่ายวิภาวดีรังสิต จำนวน 95 คน ค่ายรัตนรังสรรค์ จังหวัดระนอง จำนวน 85 คน ค่ายชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร จำนวน 183 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวไทยมุสลิมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางส่วนเป็นแกนนำ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว และนำส่งตัวเข้าฝึกอบรมอาชีพตามระยะเวลา ที่ทางราชการกำหนดเป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งเมื่อครบกำหนดแล้ว ทางการจะนำตัวส่งกลับยังภูมิลำเนา นอกนั้นทางราชการได้มีการจัดการฝึกอบรมอาชีพให้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นด้านวิชาชีพ เช่น ช่างตัดผม ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร และทำผ้าบาติก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้เข้าฝึกอบรมฯ ว่า ในช่วงเดือนรอมฏอน หรือเทศกาลถือศีลอด ของพี่น้องชาวมุสลิม นั้นเป็นสิ่งที่ดี ทางศูนย์ฝึกทุกศูนย์ฯ จะจัดอำนวยความสะดวกให้กับการถือศีลอดทุกอย่างตามประเพณี โดยรัฐบาลได้ให้อภัยแก่ผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมในสิ่งที่กระทำไม่ดีไม่งามที่เคยก่อไว้ จึงขอให้ทุกคนตั้งใจรับการฝึกอบรม เพราะเมื่อครบกำหนดกลับไปยังภูมิลำเนา จะสามารถนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ รวมทั้งขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้มีความสงบเกิดขึ้น ตามคำกล่าวของพระอัลเลาะห์ ว่า อัสสะลามุอะลัยกุม สันติสุขเกิดแก่ท่านทั้งหมด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 16.30 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายแพทย์ ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ เดินทางไปเยี่ยมเยียนนักศึกษาพยาบาล ในโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้กำลังใจและติดตามความเป็นอยู่ของนักศึกษา ตลอดจนความก้าวหน้าในการจัดการเรียนการสอน ที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้มีนักศึกษาในโครงการทั้งหมด 2,993 คน กระจายอยู่ในวิทยาลัยพยาบาลในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก 25 แห่งทั่วประเทศ แยกเป็นชาย 424 คน หญิง 2,569 คน อายุระหว่าง 17-34 ปี ร้อยละ 90 นับถือศาสนาอิสลาม และจะจบการศึกษาในปี 2554 สำหรับวิทยาลัยพยาบาลพระบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี มีนักศึกษาในโครงการดังกล่าว จำนวน 200 คน เป็นชาย 30 คน หญิง 170 คน ทำการศึกษาร่วมกับนักศึกษาภาคปกติ 90 คน แต่วิทยาลัยพยาบาลหลายแห่ง เมื่อรวมนักศึกษาในโครงการกับนักศึกษาในภาคปกติแล้ว มีจำนวนค่อนข้างมาก ทำให้เกิดความแออัด ทั้งที่พักอาศัยและห้องเรียน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ถูกควบคุมตัว และสมัครใจเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมศาสนา และพัฒนาศักยภาพ จากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ศูนย์การเรียนรู้ภาคใต้ ค่ายวิภาวดีรังสิต อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 363 คน ประกอบด้วย ศูนย์ฝึกค่ายวิภาวดีรังสิต จำนวน 95 คน ค่ายรัตนรังสรรค์ จังหวัดระนอง จำนวน 85 คน ค่ายชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร จำนวน 183 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวไทยมุสลิมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางส่วนเป็นแกนนำ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว และนำส่งตัวเข้าฝึกอบรมอาชีพตามระยะเวลา ที่ทางราชการกำหนดเป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งเมื่อครบกำหนดแล้ว ทางการจะนำตัวส่งกลับยังภูมิลำเนา นอกนั้นทางราชการได้มีการจัดการฝึกอบรมอาชีพให้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นด้านวิชาชีพ เช่น ช่างตัดผม ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร และทำผ้าบาติก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้เข้าฝึกอบรมฯ ว่า ในช่วงเดือนรอมฏอน หรือเทศกาลถือศีลอด ของพี่น้องชาวมุสลิม นั้นเป็นสิ่งที่ดี ทางศูนย์ฝึกทุกศูนย์ฯ จะจัดอำนวยความสะดวกให้กับการถือศีลอดทุกอย่างตามประเพณี โดยรัฐบาลได้ให้อภัยแก่ผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมในสิ่งที่กระทำไม่ดีไม่งามที่เคยก่อไว้ จึงขอให้ทุกคนตั้งใจรับการฝึกอบรม เพราะเมื่อครบกำหนดกลับไปยังภูมิลำเนา จะสามารถนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ รวมทั้งขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้มีความสงบเกิดขึ้น ตามคำกล่าวของพระอัลเลาะห์ ว่า อัสสะลามุอะลัยกุม สันติสุขเกิดแก่ท่านทั้งหมด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--