พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมด้วยพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อวางรากฐานก่อสร้างอาคารสถาบันปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรุลอิสลาม พร้อมพบปะผู้นำศาสนา และประชาชนในพื้นที่
วันนี้ เวลา 11.00 น. พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมด้วย พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ เดินทางไปยังจังหวัดนราธิวาส เพื่อวางรากฐานและติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารเรียน และสถานที่ของสถาบันปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรุลอิสลาม อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมเจ้าหน้าที่และผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนและพี่น้องชาวไทยมุสลิมคอยให้การต้อนรับ
สำหรับสถาบันปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรุลอิสลาม นั้น เป็น 1 ในอีก 2 ปอเนาะที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการปอเนาะต้นแบบภายใต้โครงการ “ สานใจไทย สู่ใจใต้ ” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ดำเนินการพัฒนาด้านกายภาพของสถาบันปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรุลอิสลาม โดยดำเนินการก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซม อาคารสถานที่ เป็นอาคารเรียน 2 ชั้น และภูมิทัศน์ให้มีความสมบูรณ์และสวยงาม บนเนื้อที่ 20 ไร่ ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2551 รวมทั้งจัดการเรียนการสอนในระดับสายสามัญและสอนศาสนาควบคู่กัน โดยยึดหลักวิถีชีวิตของเยาวชนและผู้สูงวัยในชุมชน ให้สามารถที่จะนำหลักคำสอนทางศาสนาไปปฏิบัติให้ถูกต้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษได้มอบอินทผลัมให้แก่ผู้นำชุมชนนำไปมอบให้ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ รวมทั้งใช้รับประทานในช่วงถือศีลอด
จากนั้น พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมคณะเดินทางไปยังวัดราษฎร์พัฒนา (วัดปิเหล็ง) อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส โดยได้เข้านมัสการพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส และพระปรีชา จิรสุโภ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์พัฒนา และได้ถวายสังฆทานและปัจจัยในการทำนุบำรุงวัดแก่เจ้าอาวาส จำนวน 3 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ วัดราษฎร์พัฒนา อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส วัดพืชมงคล จังหวัดยะลา และวัดสุขาวดี จังหวัดปัตตานี
จากนั้น พลเอก เปรมฯ ได้พบปะพูดคุยกับชาวไทยพุทธที่มาให้การต้อนรับ และกล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาสถาบันปอเนาะเพื่อเป็นต้นแบบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของมูลนิธิ แต่ทำเพื่อต้องการให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ได้ยกระดับการศึกษาให้พัฒนายิ่งขึ้น และในที่สุดจะนำไปสู่การพัฒนาของสังคมและประเทศชาติต่อไป ส่วนปัจจัยที่มอบให้แก่วัดต่าง ๆ นั้น เพราะต้องการเห็นชาวไทยพุทธและพระพุทธศาสนาเบ่งบานในพื้นที่ ซึ่งหวังว่าปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะความไม่สงบจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่เป็นส่วนสำคัญด้วย พร้อมทั้งได้กล่าวว่าอยากให้คนไทยทุกคนรู้จักความเป็นไทย เพื่อปัญหาทุกอย่างจะได้คลี่คลายไปในทางที่ดีในที่สุด
ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงความมั่นใจว่า ถ้าแม้ขณะนี้จะมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ แต่แนวทางในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เชื่อว่าทุกฝ่ายยังคงยึดแนวทางสมานฉันท์และสันติวิธี เพราะหากเราใช้ความรุนแรง โอกาสที่จะสร้างความเข้าใจจะลำบากมาก ถ้าเริ่มด้วยความเข้าใจต่อไปจะแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น คือเข้าใจว่าเราเป็นคนไทย เราเป็นไทย ที่จะต้องช่วยกันดูแลบ้านเมืองกันต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 11.00 น. พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมด้วย พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ เดินทางไปยังจังหวัดนราธิวาส เพื่อวางรากฐานและติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารเรียน และสถานที่ของสถาบันปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรุลอิสลาม อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมเจ้าหน้าที่และผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนและพี่น้องชาวไทยมุสลิมคอยให้การต้อนรับ
สำหรับสถาบันปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรุลอิสลาม นั้น เป็น 1 ในอีก 2 ปอเนาะที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการปอเนาะต้นแบบภายใต้โครงการ “ สานใจไทย สู่ใจใต้ ” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ดำเนินการพัฒนาด้านกายภาพของสถาบันปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรุลอิสลาม โดยดำเนินการก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซม อาคารสถานที่ เป็นอาคารเรียน 2 ชั้น และภูมิทัศน์ให้มีความสมบูรณ์และสวยงาม บนเนื้อที่ 20 ไร่ ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2551 รวมทั้งจัดการเรียนการสอนในระดับสายสามัญและสอนศาสนาควบคู่กัน โดยยึดหลักวิถีชีวิตของเยาวชนและผู้สูงวัยในชุมชน ให้สามารถที่จะนำหลักคำสอนทางศาสนาไปปฏิบัติให้ถูกต้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษได้มอบอินทผลัมให้แก่ผู้นำชุมชนนำไปมอบให้ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ รวมทั้งใช้รับประทานในช่วงถือศีลอด
จากนั้น พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมคณะเดินทางไปยังวัดราษฎร์พัฒนา (วัดปิเหล็ง) อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส โดยได้เข้านมัสการพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส และพระปรีชา จิรสุโภ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์พัฒนา และได้ถวายสังฆทานและปัจจัยในการทำนุบำรุงวัดแก่เจ้าอาวาส จำนวน 3 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ วัดราษฎร์พัฒนา อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส วัดพืชมงคล จังหวัดยะลา และวัดสุขาวดี จังหวัดปัตตานี
จากนั้น พลเอก เปรมฯ ได้พบปะพูดคุยกับชาวไทยพุทธที่มาให้การต้อนรับ และกล่าวตอนหนึ่งว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาสถาบันปอเนาะเพื่อเป็นต้นแบบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของมูลนิธิ แต่ทำเพื่อต้องการให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ได้ยกระดับการศึกษาให้พัฒนายิ่งขึ้น และในที่สุดจะนำไปสู่การพัฒนาของสังคมและประเทศชาติต่อไป ส่วนปัจจัยที่มอบให้แก่วัดต่าง ๆ นั้น เพราะต้องการเห็นชาวไทยพุทธและพระพุทธศาสนาเบ่งบานในพื้นที่ ซึ่งหวังว่าปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะความไม่สงบจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่เป็นส่วนสำคัญด้วย พร้อมทั้งได้กล่าวว่าอยากให้คนไทยทุกคนรู้จักความเป็นไทย เพื่อปัญหาทุกอย่างจะได้คลี่คลายไปในทางที่ดีในที่สุด
ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงความมั่นใจว่า ถ้าแม้ขณะนี้จะมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ แต่แนวทางในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เชื่อว่าทุกฝ่ายยังคงยึดแนวทางสมานฉันท์และสันติวิธี เพราะหากเราใช้ความรุนแรง โอกาสที่จะสร้างความเข้าใจจะลำบากมาก ถ้าเริ่มด้วยความเข้าใจต่อไปจะแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น คือเข้าใจว่าเราเป็นคนไทย เราเป็นไทย ที่จะต้องช่วยกันดูแลบ้านเมืองกันต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--