นายกรัฐมนตรีประชุมร่วมกับภาคเอกชน โดย สศช. รับที่จะเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับรัฐบาลชุดหน้า และภาคเอกชนอยากเห็นการสานต่องานให้มีความต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 16.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชน ว่า เป็นการประชุมผลการทำงานร่วมกันในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รับที่จะเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับรัฐบาลชุดหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางภาคเอกชนเห็นว่าการทำงานที่ผ่านมานั้น แม้มีบางอย่างที่มีความคืบหน้าไม่มาก แต่ก็เป็นรูปร่างที่จะสามารถสานงานให้ก้าวหน้าต่อไปได้ และอยากให้การทำงานร่วมกันมีความต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่ได้แสดงความเป็นห่วงอะไร เพียงแต่มีบางอย่างที่ยังไม่บรรลุผลเท่าที่ควร เช่น การดำเนินการในส่วนของการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น รถไฟทางคู่ หรือระบบขนส่งทางรางที่มีความจำเป็น แม้บางส่วนจะมีความคืบหน้าไปบ้างแล้วก็ตาม หรืออยู่ระหว่างการออกแบบการประมูล สำหรับเรื่องการขนส่งทางน้ำ ภาคเอกชนก็อยากเห็นความต่อเนื่องต่อไป เพราะมีความกังวลเรื่องค่าขนส่ง หากราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น รัฐก็จำเป็นต้องส่งเสริมการขนส่งทั้งระบบรางและขนส่งทางน้ำเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง
ผู้สื่อข่าวถาม รัฐให้ความมั่นใจเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับอัตราการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาสที่ 4 นั้น ทาง สศช. ยังไม่ได้สรุป แต่จากการประเมินของตนเองคิดว่าน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.5-4.8
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 16.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชน ว่า เป็นการประชุมผลการทำงานร่วมกันในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รับที่จะเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับรัฐบาลชุดหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางภาคเอกชนเห็นว่าการทำงานที่ผ่านมานั้น แม้มีบางอย่างที่มีความคืบหน้าไม่มาก แต่ก็เป็นรูปร่างที่จะสามารถสานงานให้ก้าวหน้าต่อไปได้ และอยากให้การทำงานร่วมกันมีความต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่ได้แสดงความเป็นห่วงอะไร เพียงแต่มีบางอย่างที่ยังไม่บรรลุผลเท่าที่ควร เช่น การดำเนินการในส่วนของการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น รถไฟทางคู่ หรือระบบขนส่งทางรางที่มีความจำเป็น แม้บางส่วนจะมีความคืบหน้าไปบ้างแล้วก็ตาม หรืออยู่ระหว่างการออกแบบการประมูล สำหรับเรื่องการขนส่งทางน้ำ ภาคเอกชนก็อยากเห็นความต่อเนื่องต่อไป เพราะมีความกังวลเรื่องค่าขนส่ง หากราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น รัฐก็จำเป็นต้องส่งเสริมการขนส่งทั้งระบบรางและขนส่งทางน้ำเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง
ผู้สื่อข่าวถาม รัฐให้ความมั่นใจเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับอัตราการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาสที่ 4 นั้น ทาง สศช. ยังไม่ได้สรุป แต่จากการประเมินของตนเองคิดว่าน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 4.5-4.8
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--