นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินงานในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยย้ำว่าเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
วันนี้ เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพันเอก ประชาสัณห์ ชนะสงคราม ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ พลเอก ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) แถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินงานในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สรุปดังนี้
จากเหตุการณ์การก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีแนวโน้มลดความรุนแรงลง แต่ระหว่างปลายเดือนธันวาคม 2550 - เดือนมกราคม 2551 กลับเกิดเหตุการณ์รุนแรงอย่างต่อเนื่อง เช่น การซุ่มโจมตีครูในจังหวัดนราธิวาส การวางระเบิดร้านสะดวกซื้อในเขตเมืองจังหวัดยะลา การหลบหนีจากการควบคุมของผู้ต้องหาสำคัญจำนวน 6 คน และการที่ข้อมูลรั่วไหลในหน่วย 251 เป็นต้น จากการวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าว คาดว่าน่าจะเป็นการแสดงผลงานหลังเทศกาลฮารีรายอ เพื่อแสดงศักยภาพและสร้างความฮึกเหิมให้บรรดาแนวร่วมที่ได้รับผลจากการปฏิบัติตามยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าการก่อเหตุร้ายจะยังคงอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะแกนนำระดับสูงยังคงอยู่ในพื้นที่ ทั้งนี้ เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองโดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลในระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มก่อความไม่สงบกับกระบวนการค้ายาเสพติด กล่าวคือ การใช้เครือข่ายกลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุร้ายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่มีการส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากในพื้นที่ โดยจะมีการตอบแทนด้วยเงินหรือยาเสพติด เพราะกลุ่มก่อการร้ายในระดับปฏิบัติการติดยาเสพติด
สำหรับงานด้านยุทธการและด้านมวลชนนั้น โดยหลักการจะต้องเป็นไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน แต่ปรากฏว่างานด้านยุทธการมีความก้าวหน้า ส่วนงานด้านมวลชนกลับมีความคงที่ ซึ่งส่งผลต่อการปฏิบัติงานด้านยุทธวิธีในการตรวจค้น/จับกุม ที่กลายเป็นข้อจำกัดในการยึดพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรสนับสนุนให้มีการเพิ่มศักยภาพการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนการปฏิบัติงานของข้าราชการประจำนั้น ผู้บริหารจะต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้ปฏิบัติการ โดยสร้างความชัดเจนในการดำรงความต่อเนื่องของนโยบาย และสนับสนุนให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพันเอก ประชาสัณห์ ชนะสงคราม ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ พลเอก ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) แถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินงานในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สรุปดังนี้
จากเหตุการณ์การก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีแนวโน้มลดความรุนแรงลง แต่ระหว่างปลายเดือนธันวาคม 2550 - เดือนมกราคม 2551 กลับเกิดเหตุการณ์รุนแรงอย่างต่อเนื่อง เช่น การซุ่มโจมตีครูในจังหวัดนราธิวาส การวางระเบิดร้านสะดวกซื้อในเขตเมืองจังหวัดยะลา การหลบหนีจากการควบคุมของผู้ต้องหาสำคัญจำนวน 6 คน และการที่ข้อมูลรั่วไหลในหน่วย 251 เป็นต้น จากการวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าว คาดว่าน่าจะเป็นการแสดงผลงานหลังเทศกาลฮารีรายอ เพื่อแสดงศักยภาพและสร้างความฮึกเหิมให้บรรดาแนวร่วมที่ได้รับผลจากการปฏิบัติตามยุทธวิธีของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะทำให้ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าการก่อเหตุร้ายจะยังคงอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะแกนนำระดับสูงยังคงอยู่ในพื้นที่ ทั้งนี้ เหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองโดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลในระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มก่อความไม่สงบกับกระบวนการค้ายาเสพติด กล่าวคือ การใช้เครือข่ายกลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุร้ายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่มีการส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากในพื้นที่ โดยจะมีการตอบแทนด้วยเงินหรือยาเสพติด เพราะกลุ่มก่อการร้ายในระดับปฏิบัติการติดยาเสพติด
สำหรับงานด้านยุทธการและด้านมวลชนนั้น โดยหลักการจะต้องเป็นไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน แต่ปรากฏว่างานด้านยุทธการมีความก้าวหน้า ส่วนงานด้านมวลชนกลับมีความคงที่ ซึ่งส่งผลต่อการปฏิบัติงานด้านยุทธวิธีในการตรวจค้น/จับกุม ที่กลายเป็นข้อจำกัดในการยึดพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรสนับสนุนให้มีการเพิ่มศักยภาพการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนการปฏิบัติงานของข้าราชการประจำนั้น ผู้บริหารจะต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้ปฏิบัติการ โดยสร้างความชัดเจนในการดำรงความต่อเนื่องของนโยบาย และสนับสนุนให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้เกิดความสอดคล้องและต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--