แท็ก
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สุรยุทธ์ จุลานนท์
กระทรวงมหาดไทย
ทำเนียบรัฐบาล
กระทรวงไอซีที
นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีระบุกระทรวงไอซีทีต้องดูแลเรื่องการให้สัมปทานที่ได้ทำสัญญาไว้กับบริษัทเอกชน หากเห็นว่าไม่เหมาะสมคงมีการแก้ไขในระดับกระทรวงต่อไป
เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด ที่ให้สถานีโทรทัศน์ อัล นามาร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายก่อการร้ายเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม ว่า ขณะนี้รัฐบาลคงจะไม่เข้าไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม เพราะกระทรวงไอซีทีได้เข้าดำเนินการแล้ว และบริษัทก็เข้าใจแล้วว่าการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาขอเช่าสัญญาณต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ กระทรวงไอซีทีจะต้องไปดูแลเรื่องการให้สัมปทานที่ได้ทำสัญญาไว้กับบริษัทเอกชนว่า จะดำเนินการอะไรได้บ้าง หากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็คงมีการแก้ไขในระดับกระทรวงต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ถือว่ามีความล่อแหลมอะไรมากมายนัก มีหลายส่วนที่เราพยายามดูแลกันอยู่ในเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะมีอีกมากที่เราตามไม่ทัน เพราะเราไม่ได้เป็นคนคิดค้นแต่เรานำมาใช้ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าการติดตามไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนที่คิดหาเครื่องที่นำมาใช้จะมีวิธีการตรวจสอบ แต่เรามีเทคโนโลยีไม่ถึงตรงนั้น หากเราจะซื้อดาวเทียมเองก็ต้องใช้เงินจำนวนมากและต้องใช้เวลาพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขณะที่พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) เคยระบุว่าจะซื้อดาวเทียมไทยคมกลับคืนมาจากประเทศสิงค์โปร์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ใน คมช. ส่วนเรื่องนี้กระทบกับความมั่นคงของประเทศในฐานะที่เป็นรัฐบาลจะดูแลอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราดูแลอยู่แล้ว แต่ปัญหาทุกอย่างต้องเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมาว่าทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง ซึ่งบางครั้งเราต้องได้รับการเตือนเพราะเราอาจจะไม่รู้ว่าเราทำผิดอะไร ทำให้ต้องมีการปรับแก้ตลอดเวลาไม่มีใครทำอะไรไม่ผิด แม้แต่ประเทศมหาอำนาจก็ยังทำผิด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด ที่ให้สถานีโทรทัศน์ อัล นามาร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายก่อการร้ายเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม ว่า ขณะนี้รัฐบาลคงจะไม่เข้าไปสั่งการอะไรเพิ่มเติม เพราะกระทรวงไอซีทีได้เข้าดำเนินการแล้ว และบริษัทก็เข้าใจแล้วว่าการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาขอเช่าสัญญาณต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ กระทรวงไอซีทีจะต้องไปดูแลเรื่องการให้สัมปทานที่ได้ทำสัญญาไว้กับบริษัทเอกชนว่า จะดำเนินการอะไรได้บ้าง หากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็คงมีการแก้ไขในระดับกระทรวงต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ถือว่ามีความล่อแหลมอะไรมากมายนัก มีหลายส่วนที่เราพยายามดูแลกันอยู่ในเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะมีอีกมากที่เราตามไม่ทัน เพราะเราไม่ได้เป็นคนคิดค้นแต่เรานำมาใช้ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าการติดตามไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนที่คิดหาเครื่องที่นำมาใช้จะมีวิธีการตรวจสอบ แต่เรามีเทคโนโลยีไม่ถึงตรงนั้น หากเราจะซื้อดาวเทียมเองก็ต้องใช้เงินจำนวนมากและต้องใช้เวลาพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขณะที่พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) เคยระบุว่าจะซื้อดาวเทียมไทยคมกลับคืนมาจากประเทศสิงค์โปร์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ใน คมช. ส่วนเรื่องนี้กระทบกับความมั่นคงของประเทศในฐานะที่เป็นรัฐบาลจะดูแลอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราดูแลอยู่แล้ว แต่ปัญหาทุกอย่างต้องเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมาว่าทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง ซึ่งบางครั้งเราต้องได้รับการเตือนเพราะเราอาจจะไม่รู้ว่าเราทำผิดอะไร ทำให้ต้องมีการปรับแก้ตลอดเวลาไม่มีใครทำอะไรไม่ผิด แม้แต่ประเทศมหาอำนาจก็ยังทำผิด
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--