นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ "โครงการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" และ "โครงการรณรงค์ส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
วันนี้ เวลา 15.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ "โครงการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" และ "โครงการรณรงค์ส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองจัดขึ้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 104 รางวัล
"โครงการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบรางวัลให้แก่จังหวัดกรุงเทพมหานคร อำเภอ และสำนักงานเขต ที่มีร้อยละของผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงสุดทั้งในระดับประเทศ ระดับภาค และระดับจังหวัด ประกอบด้วย ระดับประเทศ จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ 1) รางวัลจังหวัดที่มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงสุด จำนวน 1 รางวัล คือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้ไปใช้สิทธิจำนวน 2,866,028 คน 2) รางวัลจังหวัดที่มีจำนวนร้อยละของผู้ไปใช้สิทธิสูงสุด อันดับ 1 คือ จังหวัดลำพูน มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 88.90 อันดับ 2 คือ จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 85.45 อันดับ 3 คือ จังหวัดพัทลุง มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 84.46 ระดับภาค จำนวน 12 รางวัล ได้แก่ 1) กลุ่มจังหวัดขนาดใหญ่ ซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 700,000 คนขึ้นไป ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 83.18 ภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 74.20 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 76.53 ภาคใต้ จังหวัดสงขลา มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 78.67 2) กลุ่มจังหวัดขนาดกลาง ซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 400,001-700,000 คน ภาคเหนือ จังหวัดลำปาง มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 82.19 ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 80.09 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 75.16 ภาคใต้ จังหวัดตรัง มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 83.01 3) กลุ่มจังหวัดขนาดเล็ก ซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่เกิน 400,000 คน ภาคเหนือ จังหวัดลำพูน มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 88.90 ภาคกลาง จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 85.45 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองบัวลำภู มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 75.48 ภาคใต้ จังหวัดพัทลุง มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 84.46
"โครงการรณรงค์ส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบรางวัลให้แก่จังหวัดที่มีกระบวนงานการรณรงค์ส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งดีเด่นระดับภาค ๆ ละ 3 รางวัล ตามลำดับดังนี้ ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดนครนายก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดขอนแก่น ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดพิจิตร ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดระนอง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสตูล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาประกอบพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น ในการสนับสนุนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามโครงการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกระทรวงมหาดไทยในวันนี้
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นกระบวนการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยขั้นตอนหนึ่ง ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ไปใช้สิทธิในการคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเหมาะสม เข้าไปทำงานให้แก่ชาติบ้านเมือง รัฐบาลจึงได้ประกาศให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ และตั้งเป้าหมายที่จะให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิของตนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 โดยรัฐบาลได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ร่วมผนึกกำลังกันสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม และมีความโปร่งใส ซึ่งผลการดำเนินงานที่ได้ผ่านพ้นไปได้ด้วยความเรียบร้อย โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันมากถึงร้อยละ 74.45 โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงมหาดไทยนั้น ถือว่าเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการทำให้การดำเนินงานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาประชาธิปไตยนั้นยังไม่จบสิ้นเพียงแค่นี้ ทุกๆ ฝ่ายยังต้องร่วมกันสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนว่าการเมืองเป็นเรื่องมีสำคัญและเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่ทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองให้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต และการเมืองไม่ใช่แต่การออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเท่านั้น แท้จริงแล้วการเมืองของพลเมืองตามรัฐธรรมนูญนั้นยังมีส่วนร่วมอีกมาก โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบพฤติกรรมของนักการเมืองเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่ง ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยที่จะช่วยกันสร้างจิตสำนึกและวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในสังคมไทยของเราอย่างยั่งยืนสืบไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนท้ายแสดงความชื่นชมในความตั้งใจปฏิบัติงานของทุกฝ่าย ที่ได้ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยัน ตั้งใจ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทั้งในการประสานงาน การบูรณาการกับฝ่ายต่างๆ และการระดมสรรพกำลังจากหลายหน่วยงานให้เข้ามาช่วยกันสนับสนุนการดำเนินงาน จนบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ดังนั้น จึงขอให้ช่วยกันรักษาแนวทางที่ดีนี้ไว้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านสามารถทำงานด้วยความเข้มแข็งต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 15.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ "โครงการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" และ "โครงการรณรงค์ส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองจัดขึ้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 104 รางวัล
"โครงการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบรางวัลให้แก่จังหวัดกรุงเทพมหานคร อำเภอ และสำนักงานเขต ที่มีร้อยละของผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงสุดทั้งในระดับประเทศ ระดับภาค และระดับจังหวัด ประกอบด้วย ระดับประเทศ จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ 1) รางวัลจังหวัดที่มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงสุด จำนวน 1 รางวัล คือ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้ไปใช้สิทธิจำนวน 2,866,028 คน 2) รางวัลจังหวัดที่มีจำนวนร้อยละของผู้ไปใช้สิทธิสูงสุด อันดับ 1 คือ จังหวัดลำพูน มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 88.90 อันดับ 2 คือ จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 85.45 อันดับ 3 คือ จังหวัดพัทลุง มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 84.46 ระดับภาค จำนวน 12 รางวัล ได้แก่ 1) กลุ่มจังหวัดขนาดใหญ่ ซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 700,000 คนขึ้นไป ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 83.18 ภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 74.20 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 76.53 ภาคใต้ จังหวัดสงขลา มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 78.67 2) กลุ่มจังหวัดขนาดกลาง ซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 400,001-700,000 คน ภาคเหนือ จังหวัดลำปาง มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 82.19 ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 80.09 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 75.16 ภาคใต้ จังหวัดตรัง มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 83.01 3) กลุ่มจังหวัดขนาดเล็ก ซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่เกิน 400,000 คน ภาคเหนือ จังหวัดลำพูน มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 88.90 ภาคกลาง จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 85.45 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองบัวลำภู มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 75.48 ภาคใต้ จังหวัดพัทลุง มีผู้ไปใช้สิทธิร้อยละ 84.46
"โครงการรณรงค์ส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2550" มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบรางวัลให้แก่จังหวัดที่มีกระบวนงานการรณรงค์ส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งดีเด่นระดับภาค ๆ ละ 3 รางวัล ตามลำดับดังนี้ ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดนครนายก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดขอนแก่น ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดพิจิตร ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดระนอง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสตูล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาประกอบพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น ในการสนับสนุนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามโครงการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกระทรวงมหาดไทยในวันนี้
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นกระบวนการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยขั้นตอนหนึ่ง ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ไปใช้สิทธิในการคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเหมาะสม เข้าไปทำงานให้แก่ชาติบ้านเมือง รัฐบาลจึงได้ประกาศให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ และตั้งเป้าหมายที่จะให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิของตนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 โดยรัฐบาลได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ร่วมผนึกกำลังกันสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม และมีความโปร่งใส ซึ่งผลการดำเนินงานที่ได้ผ่านพ้นไปได้ด้วยความเรียบร้อย โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันมากถึงร้อยละ 74.45 โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงมหาดไทยนั้น ถือว่าเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการทำให้การดำเนินงานบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาประชาธิปไตยนั้นยังไม่จบสิ้นเพียงแค่นี้ ทุกๆ ฝ่ายยังต้องร่วมกันสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนว่าการเมืองเป็นเรื่องมีสำคัญและเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่ทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองให้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต และการเมืองไม่ใช่แต่การออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเท่านั้น แท้จริงแล้วการเมืองของพลเมืองตามรัฐธรรมนูญนั้นยังมีส่วนร่วมอีกมาก โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบพฤติกรรมของนักการเมืองเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่ง ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยที่จะช่วยกันสร้างจิตสำนึกและวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในสังคมไทยของเราอย่างยั่งยืนสืบไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนท้ายแสดงความชื่นชมในความตั้งใจปฏิบัติงานของทุกฝ่าย ที่ได้ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยัน ตั้งใจ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทั้งในการประสานงาน การบูรณาการกับฝ่ายต่างๆ และการระดมสรรพกำลังจากหลายหน่วยงานให้เข้ามาช่วยกันสนับสนุนการดำเนินงาน จนบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ดังนั้น จึงขอให้ช่วยกันรักษาแนวทางที่ดีนี้ไว้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านสามารถทำงานด้วยความเข้มแข็งต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--