นายกรัฐมนตรีระบุการแก้ปัญหาข้อพิพาทเขาพระวิหารต้องใช้วิธีเจรจาทำความเข้าใจกัน ซึ่งการจะประกาศให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น ไทยและกัมพูชาจะต้องได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
วันนี้ เวลา 07.45 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหารซึ่งกัมพูชาจะให้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม จะชี้แจงเรื่องนี้ให้ทราบว่ามีการดำเนินการอย่างไรไปบ้าง ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปัญหาเรื่องเขาพระวิหารยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวมีอยู่หนทางเดียวคือการพูดจาทำความเข้าใจกัน และได้เคยพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชามาแล้วหลายช่วงว่าเราจะต้องหาทางที่จะทำให้เรื่องเขาพระวิหารนั้นต้องเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ได้ประโยชน์ทั้งไทยและกัมพูชา
ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมาไทยยืนยันหรือไม่ว่าเขาพระวิหารนั้นเป็นสมบัติของประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การหารือไม่ได้เป็นเรื่องนั้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพูดถึงการจะประกาศเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะอย่างที่เห็นกันอยู่แล้วว่าตามลักษณะทางภูมิศาสตร์นั้นทางขึ้นที่สะดวกต้องขึ้นทางประเทศไทย แม้ทางกัมพูชาจะมีทางขึ้น แต่ก็ค่อนข้างลำบาก
ต่อข้อถามว่า จะมีการเจรจากับสมเด็จฮุนเซนอีกครั้งหรือไม่ก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการเจรจากันอยู่แล้ว ขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการมาโดยตลอด โดยมีนายมนัสภาส ชูโต ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เป็นผู้ประสานงาน แต่แน่นอนว่าปัญหาเรื่องเขาพระวิหารนั้น จะต้องพิจารณาด้วยความละเอียดและรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวด้วยกันทั้งสองฝ่าย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 07.45 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหารซึ่งกัมพูชาจะให้ขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม จะชี้แจงเรื่องนี้ให้ทราบว่ามีการดำเนินการอย่างไรไปบ้าง ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปัญหาเรื่องเขาพระวิหารยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวมีอยู่หนทางเดียวคือการพูดจาทำความเข้าใจกัน และได้เคยพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชามาแล้วหลายช่วงว่าเราจะต้องหาทางที่จะทำให้เรื่องเขาพระวิหารนั้นต้องเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ได้ประโยชน์ทั้งไทยและกัมพูชา
ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมาไทยยืนยันหรือไม่ว่าเขาพระวิหารนั้นเป็นสมบัติของประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การหารือไม่ได้เป็นเรื่องนั้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพูดถึงการจะประกาศเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะอย่างที่เห็นกันอยู่แล้วว่าตามลักษณะทางภูมิศาสตร์นั้นทางขึ้นที่สะดวกต้องขึ้นทางประเทศไทย แม้ทางกัมพูชาจะมีทางขึ้น แต่ก็ค่อนข้างลำบาก
ต่อข้อถามว่า จะมีการเจรจากับสมเด็จฮุนเซนอีกครั้งหรือไม่ก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการเจรจากันอยู่แล้ว ขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการมาโดยตลอด โดยมีนายมนัสภาส ชูโต ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เป็นผู้ประสานงาน แต่แน่นอนว่าปัญหาเรื่องเขาพระวิหารนั้น จะต้องพิจารณาด้วยความละเอียดและรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวด้วยกันทั้งสองฝ่าย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--