วันนี้ (18 มี.ค.62) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ และกล่าวเปิดงาน “กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจและสื่อเครือเนชั่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการและที่ปรึกษากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ผู้บริหารสื่อเครือเนชั่น ผู้แทนกองทุนหมู่บ้าน และภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน จำนวนกว่า 8,000 คน เข้าร่วมงาน ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 (ฮอลล์ 9 เก่า) ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาพบกับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทุกคนอีกครั้ง พร้อมย้ำไม่ต้องการให้หลายเรื่องที่ได้ดำเนินการไว้แล้วล้มเหลวแต่ต้องสามารถที่จะเดินต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นวันนี้ของกองทุนหมู่บ้านเป็นผลผลิตที่เกิดจากการเพาะเมล็ดมายาวนานและจะนำไปสู่การขยายผลต่อไปให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยรัฐบาลปัจจุบันเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งการแก้ปัญหาจำเป็นต้องรู้ถึงที่มาของปัญหาเพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและตรงจุด โดยนายกรัฐมนตรี เปรียบคนไทยทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอยู่ในฐานะหัวหน้าครอบครัวต้องหาแนวทางในการที่จะทำให้ประชาชนทุกคนในประเทศมีความสุขอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับฐานะและสภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม พร้อมฝากให้ประชาชนทุกคนนำปัญหาและสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมาเป็นบทเรียนพัฒนาปรับปรุงแก้ไขเพื่อไม่ให้กลับไปสู่ปัญหาเช่นเดิมอีกควบคู่กับการทำสิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติ ทั้งการลงทุน การสร้างเศรษฐกิจใหม่ การเพิ่มขีดความสามารถและความเข้มแข็งให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมไปถึงการดำเนินงานกองทุนก็เช่นเดียวกันต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น โดยทำให้ประชาชนทุกคนมีขีดความสามารถในการที่จะมีรายได้สูงขึ้น การพัฒนาคุณภาพ ความปลอดภัย โดยเฉพาะการทำหรือผลิตอะไรต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของผู้บริโภคเป็นสำคัญ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการผลิตให้มีคุณภาพ ไปสู่การรับรองมาตรฐาน GAP สามารถตรวจสอบที่มาได้ อันจะส่งผลให้ผลผลิตและสินค้ามีราคาที่สูงขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลมีความพยายามที่จะทำให้ประชาชนทุกกลุ่มมีความเท่าเทียมในโอกาสที่จะเข้าถึงบริการสาธารณะพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งเรื่องของเส้นทางคมนาคม การขนส่ง ตลอดจนเรื่องของดิจิทัลและออนไลน์ต่าง ๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตามประชาชนต้องรู้จักที่จะศึกษาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการสร้างอาชีพและรายได้ที่เพิ่ม ตลอดจนต้องปรับตัวให้สอดคล้องและทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้การดำเนินการและการขับเคลื่อนไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อจะนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และการออกจากกับดักความยากจนและรายได้ปานกลาง
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณกองทุนแห่งชาติเพื่อประชาชน แก้จน ลดเหลื่อมล้ำ ไปสู่ความพอเพียง พร้อมแนะนำให้ประชาชนดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง พอประมาณ มีเหตุมีผล และขอให้ประชาชนใช้จ่ายด้วยความรอบคอบเหมาะสมกับรายได้ของตนเองและครอบครัว และมีการเรียนรู้พัฒนาตนเองอยู่เสมอให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และนำเทคโนโลยีมาพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น สร้างเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าและผลิตภัณฑ์โดยการนำเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในท้องถิ่นมาเชื่อมโยงสร้าง story ให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันควรเพาะปลูกพืชที่มีความปลอดภัยมีคุณภาพ และผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด มีการขยายไปสู่การจำหน่ายผ่านออนไลน์ รวมทั้ง พัฒนาการดำเนินการอย่างครบวงจรตั้งแต่ กระบวนการปลูก การผลิต แปรรูป การตลาดและจำหน่าย ไปจนการขนส่งอย่างเป็นระบบ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลปัจจุบันที่ได้ให้การสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองมาโดยตลอด เพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน ทั้งเป็นการสร้างกิจกรรมในชุมชน พัฒนาการประกอบอาชีพ ส่งเสริมการผลิตสินค้าและบริการในชุมชน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ การจัดสวัสดิการ และการแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านและชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ โดยวันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ปัจจุบันมีกองทุนทั่วประเทศเกิดขึ้นกว่า 79,598 กองทุน มีสมาชิกกว่า 13 ล้านคน มีโครงการตามแนวทางประชารัฐของรัฐบาลกว่า 200,000 โครงการ แต่ละโครงการเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำประชาคมโดยชุมชน ผ่านกลไกของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ ก่อให้เกิดประโยชน์หลายมิติ เช่น ร้านค้าชุมชน โครงการน้ำดื่มชุมชน โครงการส่งเสริมการเกษตร โครงการผลิตภัณฑ์ประชารัฐ โครงการตลาดประชารัฐ สร้างรายได้งอกเงยจากงบประมาณที่รัฐบาลสนับสนุนไปกว่า 39,000 ล้านบาท และมีกำไรที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงคนในชุมชนกว่า 8,500 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่เห็นความก้าวหน้าไปอีกขั้นของกองทุน ที่มีการจัดทำแผนตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของกองทุน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ ที่ชุมชนสามารถพึงพาตนเองได้ และภาคภูมิใจที่ได้เห็นชุมชนร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และใช้ศักยภาพในการบริการจัดการร่วมกันเกิดเป็นความสามัคคีของชุมชน โดยรัฐบาลให้การสนับสนุน และมีมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ 38 แห่ง ที่คอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ทำให้ชุมชนของทุกคนเดินหน้าไปสู่ความเข้มแข็งบนพื้นฐานความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน ขณะเดียวกันต้องมีการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติ การเรียนรู้ รวมไปถึงการปรับปรุงกระบวนการผลิต และการตลาดให้สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0
พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ในการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยมีความเชื่อมั่นว่ากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสในการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงได้สนับสนุนงบประมาณให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ทั้ง 7 หมื่นกว่ากองทุน ดำเนินโครงการตามแนวทางประชารัฐ ใน 3 ปีต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1) โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ในปี 2559 วงเงิน 35,000 ล้านบาท 2)โครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ในปี 2560 วงเงิน 15,000 ล้านบาท และ 3)โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชา ตามแนวทางประชารัฐ ในปี 2561 วงเงิน 20,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับมอบกรอบแนวคิดการจัดทำแผนแม่บทยุทธศาสตร์ 20 ปี กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จากตัวแทนเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อพัฒนาสู่แผนแม่บทฉบับสมบูรณ์ต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการกองทุนหมู่บ้านฯ ที่ประสบความสำเร็จจากความร่วมมือของคนในชุมชน ณ บริเวณห้องโถงชั้น 1 ก่อนเดินทางกลับ
—————————
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th