นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดใจภายหลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะนำพารัฐบาลผสม 6 พรรคการเมืองเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ
ภายหลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ดังนี้ "กระผมนายสมัคร สุนทรเวช ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไว้วางพระราชหฤทัยแต่งตั้งให้ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอเรียนท่านที่เคารพที่มาร่วมในงานนี้ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมในการแสดงความยินดีในงานซึ่งผมจะมารับหน้าที่ ซึ่งร่วมกับท่านทั้งหลายในบางส่วนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน
กระผมเดินทางมาในเรื่องของการเมือง ตลอดชีวิตผมค่อนชีวิตอยู่ในวงการเมือง ตั้งแต่การเมืองท้องถิ่นจนมาเป็นการเมืองระดับชาติ เป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี และย้อนกลับไปทำงานท้องถิ่น และตั้งใจว่าจะเกษียณอายุทางการเมืองในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ได้รับเลือกตั้งมาแล้วทำหน้าที่อยู่เพียง 5 เดือน ก็เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจ เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ เมื่อมีโอกาสและมีผู้คนที่รวบรวมกันมา สามารถจะตั้งพรรคการเมืองซึ่งมีจิตวิญญาณทางการเมือง ซึ่งผู้คนนั้นยังมีศรัทธาอยู่ ผมก็รับทำหน้าที่
ขอประกาศให้ท่านทั้งหลายได้ทราบทั่วกันว่า ผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อพรรคพลังประชาชน ผมมีสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งมา 233 คน และมาจัดคณะรัฐมนตรีตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด และจะเริ่มดำเนินการเมื่อได้เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตามกฎหมายแล้วตามหน้าที่แล้ว ก็จะทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองนี้ ขอประกาศให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในบ้านเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกพ้องหรือเป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันได้รู้ว่า ผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนี้ ผมทำงานการเมือง แน่นอนผมเคยเป็นมาแล้วทุกตำแหน่ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผมยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า ผมจะทำการนี้ได้ ใครต่อใครจำนวน 24 ท่านที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาแล้วนั้น ก็เป็นคนไทยเหมือนกับผม มีความรักชาติ มีความผูกพันในศาสนา และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ผมได้พูดเสมอว่าในจิตใจคนไทยนั้น ชีวิตจิตใจความผูกพันนั้นอยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ และเราอยู่กันมาได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงวันนี้ ไม่ได้นับย้อนหลังไปเพียงสิบเพียงร้อย แต่นับได้หลายร้อยปี เรายังดำรงสถาบันนี้อยู่ และสถาบันนี้จะอยู่คู่ประเทศไทยไปอีกนาน ใครก็ตามแต่ที่บังอาจในอดีตได้เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาทำการเหยียบย่ำผู้คนอื่นด้วยการกล่าวหาว่าเขาไม่จงรักภักดี ข้อหานี้เป็นข้อหาร้ายแรง ผมแน่ใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยเสียงข้างมากที่ได้แสดงตัวเลขให้เห็นด้วยตัวเลข 233 นั้น อย่างน้อยที่สุดไม่ได้เกี่ยวกับโรงศาล แต่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดว่า คนที่ถูกกล่าวหานั้น เขาไม่ได้ไม่จงรักภักดีอย่างที่ไปกล่าวหากัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิตของคนทั้งชีวิตทั้งครอบครัวที่โดนเกิดเหตุ ผมเป็นนักการเมือง ผมเห็นว่าเมื่อผมจะสามารถทำการเมืองเพื่อพิสูจน์ได้ ผมก็ทำการเมืองนี้ และบัดนี้เป็นข้อพิสูจน์ ผมขอให้ใครก็ตามแต่ที่เคยดูหมิ่นถิ่นแคลนคนด้วยกลเขียนหนังสือด้วยการว่ากล่าวด้วยการพูดจาถากถาง เหมือนกับผมเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ เป็นคนที่ไม่เคยรู้เรื่องต่าง ๆ นั้น ผมขอยืนยันว่าท่านต้องให้เวลาผมทำงานนี้
นายกรัฐมนตรีคนที่แล้วทำงานมา 16 เดือน ท่านก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับผม ท่านเชี่ยวชาญเรื่องการทหาร และไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการอื่นเลย แต่ท่านก็ถือหางเสือดูแลบ้านเมืองนี้ได้มาปกติ ผมเป็นนักการเมือง ผมรู้ในเล่ห์กลการเมือง วิธีการเมือง การบริหารบ้านเมือง ไม่ทุกแขนง แต่คนที่มานั้นมากันทั้งคณะรัฐมนตรี ผมไม่ได้บริหารบ้านเมืองนี้คนเดียว ขอให้ท่านเชื่อใจเถอะครับว่า ผมจะทำหน้าที่ดูแลงานของบ้านเมืองนี้ งานการเมืองที่บริหารกันนั้น มันเหมือนรถยนต์นะครับ ถ้าใครเห็นรถยนต์คันใหม่ รุ่นใหม่ที่สุด จะขับนั้น ถ้าขับเป็นแล้วเพียงแต่ถามว่าพวงมาลัยมันอยู่ข้างไหน เกียร์มันเกียร์กระปุก หรือเกียร์ออโตเมติก มันจะมีเครื่องละออกละเอียดตรงไหน ถ้าหน้าฝนก็ดูว่าปัดน้ำฝนอยู่ตรงไหน ปลอดภัยก็ดูเบรก ดูน้ำมันเครื่อง ดูน้ำมันเต็มถัง เปิดแท็งก์ตรงไหน เปิดหน้าตรงไหน เปิดหลังตรงไหน เท่านั้นล่ะครับ เราออกขับ ใครโชคดีก็ขับถนนใหญ่ 8 ช่อง 9 ช่อง 10 ช่อง ขับไป ไม่มีปัญหา ใครโชคไม่ดี ก็อาจจะเริ่มขับตอนกลางคืน ขับถนนขรุขระ ขับถนนขึ้นเนินขึ้นเขา ขับถนนซึ่งไม่เป็นปกติ
แน่นอนครับ ผมมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล และจะขับรถคันนี้ในเวลาที่ไม่ปกติ ผมขอวิงวอน โปรดให้ความสนับสนุนรัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ เป็นรัฐบาลผสม จะชั่วดีถี่ห่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน มาจากพรรคการเมืองที่ตั้งใจด้วยกัน 6 พรรค จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองนี้ให้เดินหน้าต่อไปได้ ขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ขอบพระคุณโทรทัศน์ทุกช่องที่ช่วยถ่ายทอด ไม่มีโอกาสไหนหรอกครับจะพูดกับประชาชนคนไทยได้ในเวลานี้
ขอใช้เวลาเพียงเท่านี้ล่ะครับ ไม่รีบร้อน ไม่ลุกลน และไม่ได้ถือว่าจะต้องมีฤกษ์งามยามดี แต่จังหวะนั้นเท่านี้พอเพียงครับ ขอยืนยันว่าที่ต้องพูดอย่างนี้ เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นบังคับให้ผมต้องพูด ผมถูกดูหมิ่นดูแคลนจากผู้คนในแวดวงหนึ่ง ซึ่งผมจะไม่ออกชื่อ ผมยอมอดทนอดกลั้น และผมจะอดกลั้นต่อไป ผมจะทำหน้าที่ดูแลบ้านเมืองนี้ในความรับผิดชอบดังที่ได้ประกาศเมื่อสักครู่นี้ ขอท่านทั้งหลายได้โปรดให้กำลังใจด้วย ขอบพระคุณครับ"
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
ภายหลังรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ดังนี้ "กระผมนายสมัคร สุนทรเวช ขอสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไว้วางพระราชหฤทัยแต่งตั้งให้ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอเรียนท่านที่เคารพที่มาร่วมในงานนี้ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมในการแสดงความยินดีในงานซึ่งผมจะมารับหน้าที่ ซึ่งร่วมกับท่านทั้งหลายในบางส่วนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน
กระผมเดินทางมาในเรื่องของการเมือง ตลอดชีวิตผมค่อนชีวิตอยู่ในวงการเมือง ตั้งแต่การเมืองท้องถิ่นจนมาเป็นการเมืองระดับชาติ เป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี และย้อนกลับไปทำงานท้องถิ่น และตั้งใจว่าจะเกษียณอายุทางการเมืองในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ได้รับเลือกตั้งมาแล้วทำหน้าที่อยู่เพียง 5 เดือน ก็เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจ เมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ เมื่อมีโอกาสและมีผู้คนที่รวบรวมกันมา สามารถจะตั้งพรรคการเมืองซึ่งมีจิตวิญญาณทางการเมือง ซึ่งผู้คนนั้นยังมีศรัทธาอยู่ ผมก็รับทำหน้าที่
ขอประกาศให้ท่านทั้งหลายได้ทราบทั่วกันว่า ผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อพรรคพลังประชาชน ผมมีสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งมา 233 คน และมาจัดคณะรัฐมนตรีตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด และจะเริ่มดำเนินการเมื่อได้เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตามกฎหมายแล้วตามหน้าที่แล้ว ก็จะทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองนี้ ขอประกาศให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในบ้านเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกพ้องหรือเป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันได้รู้ว่า ผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนี้ ผมทำงานการเมือง แน่นอนผมเคยเป็นมาแล้วทุกตำแหน่ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผมยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า ผมจะทำการนี้ได้ ใครต่อใครจำนวน 24 ท่านที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาแล้วนั้น ก็เป็นคนไทยเหมือนกับผม มีความรักชาติ มีความผูกพันในศาสนา และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ผมได้พูดเสมอว่าในจิตใจคนไทยนั้น ชีวิตจิตใจความผูกพันนั้นอยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ และเราอยู่กันมาได้ตลอดรอดฝั่งจนถึงวันนี้ ไม่ได้นับย้อนหลังไปเพียงสิบเพียงร้อย แต่นับได้หลายร้อยปี เรายังดำรงสถาบันนี้อยู่ และสถาบันนี้จะอยู่คู่ประเทศไทยไปอีกนาน ใครก็ตามแต่ที่บังอาจในอดีตได้เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาทำการเหยียบย่ำผู้คนอื่นด้วยการกล่าวหาว่าเขาไม่จงรักภักดี ข้อหานี้เป็นข้อหาร้ายแรง ผมแน่ใจว่าพี่น้องประชาชนคนไทยเสียงข้างมากที่ได้แสดงตัวเลขให้เห็นด้วยตัวเลข 233 นั้น อย่างน้อยที่สุดไม่ได้เกี่ยวกับโรงศาล แต่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดว่า คนที่ถูกกล่าวหานั้น เขาไม่ได้ไม่จงรักภักดีอย่างที่ไปกล่าวหากัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของชีวิตของคนทั้งชีวิตทั้งครอบครัวที่โดนเกิดเหตุ ผมเป็นนักการเมือง ผมเห็นว่าเมื่อผมจะสามารถทำการเมืองเพื่อพิสูจน์ได้ ผมก็ทำการเมืองนี้ และบัดนี้เป็นข้อพิสูจน์ ผมขอให้ใครก็ตามแต่ที่เคยดูหมิ่นถิ่นแคลนคนด้วยกลเขียนหนังสือด้วยการว่ากล่าวด้วยการพูดจาถากถาง เหมือนกับผมเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ เป็นคนที่ไม่เคยรู้เรื่องต่าง ๆ นั้น ผมขอยืนยันว่าท่านต้องให้เวลาผมทำงานนี้
นายกรัฐมนตรีคนที่แล้วทำงานมา 16 เดือน ท่านก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับผม ท่านเชี่ยวชาญเรื่องการทหาร และไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการอื่นเลย แต่ท่านก็ถือหางเสือดูแลบ้านเมืองนี้ได้มาปกติ ผมเป็นนักการเมือง ผมรู้ในเล่ห์กลการเมือง วิธีการเมือง การบริหารบ้านเมือง ไม่ทุกแขนง แต่คนที่มานั้นมากันทั้งคณะรัฐมนตรี ผมไม่ได้บริหารบ้านเมืองนี้คนเดียว ขอให้ท่านเชื่อใจเถอะครับว่า ผมจะทำหน้าที่ดูแลงานของบ้านเมืองนี้ งานการเมืองที่บริหารกันนั้น มันเหมือนรถยนต์นะครับ ถ้าใครเห็นรถยนต์คันใหม่ รุ่นใหม่ที่สุด จะขับนั้น ถ้าขับเป็นแล้วเพียงแต่ถามว่าพวงมาลัยมันอยู่ข้างไหน เกียร์มันเกียร์กระปุก หรือเกียร์ออโตเมติก มันจะมีเครื่องละออกละเอียดตรงไหน ถ้าหน้าฝนก็ดูว่าปัดน้ำฝนอยู่ตรงไหน ปลอดภัยก็ดูเบรก ดูน้ำมันเครื่อง ดูน้ำมันเต็มถัง เปิดแท็งก์ตรงไหน เปิดหน้าตรงไหน เปิดหลังตรงไหน เท่านั้นล่ะครับ เราออกขับ ใครโชคดีก็ขับถนนใหญ่ 8 ช่อง 9 ช่อง 10 ช่อง ขับไป ไม่มีปัญหา ใครโชคไม่ดี ก็อาจจะเริ่มขับตอนกลางคืน ขับถนนขรุขระ ขับถนนขึ้นเนินขึ้นเขา ขับถนนซึ่งไม่เป็นปกติ
แน่นอนครับ ผมมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล และจะขับรถคันนี้ในเวลาที่ไม่ปกติ ผมขอวิงวอน โปรดให้ความสนับสนุนรัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ เป็นรัฐบาลผสม จะชั่วดีถี่ห่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน มาจากพรรคการเมืองที่ตั้งใจด้วยกัน 6 พรรค จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองนี้ให้เดินหน้าต่อไปได้ ขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ขอบพระคุณโทรทัศน์ทุกช่องที่ช่วยถ่ายทอด ไม่มีโอกาสไหนหรอกครับจะพูดกับประชาชนคนไทยได้ในเวลานี้
ขอใช้เวลาเพียงเท่านี้ล่ะครับ ไม่รีบร้อน ไม่ลุกลน และไม่ได้ถือว่าจะต้องมีฤกษ์งามยามดี แต่จังหวะนั้นเท่านี้พอเพียงครับ ขอยืนยันว่าที่ต้องพูดอย่างนี้ เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมานั้นบังคับให้ผมต้องพูด ผมถูกดูหมิ่นดูแคลนจากผู้คนในแวดวงหนึ่ง ซึ่งผมจะไม่ออกชื่อ ผมยอมอดทนอดกลั้น และผมจะอดกลั้นต่อไป ผมจะทำหน้าที่ดูแลบ้านเมืองนี้ในความรับผิดชอบดังที่ได้ประกาศเมื่อสักครู่นี้ ขอท่านทั้งหลายได้โปรดให้กำลังใจด้วย ขอบพระคุณครับ"
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--