วันนี้ (1 พ.ค. 62 ) เวลา 10.45น. ณ อาคารสนามเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พร้อมด้วยพลเอกประวิตร วงค์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายทวี เตชะธีราวัฒน์ ประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ข้าราชการ สมาชิกสภาองค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทย สมาชิกสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจและแรงงานนอกระบบ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 3000 คน
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานโดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีผู้ว่างงานน้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก มีแรงงานประมาณ 38 ล้านคน เป็นผู้ว่างงานประมาณ 370,000 คน คิดเป็นร้อยละ 0.37 รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแรงงานของประเทศให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพสูง ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงและมีความรู้ความสามารถที่จะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ขณะเดียวกันได้มอบหมายกระทรวงแรงงานกำหนดแนวทางส่งเสริมให้พี่น้องแรงงานได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ทั้งการคุ้มครองแรงงาน รายได้ การพัฒนาทักษะฝีมือ มีความปลอดภัยในการทำงาน และมีหลักประกันทางสังคม เพื่อให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานด้านต่างๆ ทั้งค่าจ้างและการดำรงชีพ โดยมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราวันละ 308 - 330 บาท บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 มีการกำหนดอัตราค่าจ้างมาตรฐานฝีมือแรงงานอัตราขั้นต่ำสุด 340 บาท สูงสุด 825 บาท และกำหนดจ่ายค่าตอบแทนให้ผู้สูงอายุอย่างน้อยชั่วโมงละ 45 บาท ระยะเวลาการทำงานไม่ควรเกินวันละ 7 ชั่วโมงและไม่เกินสัปดาห์ละ 6 วัน ด้านการส่งเสริมการมีงานทำ มีรายได้ ส่งเสริมการจ้างงานยุวแรงงาน ช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงระหว่างเรียน การพัฒนาทักษะฝีมือผู้ต้องขัง การส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ การส่งเสริมการมีงานทำเพื่อรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมไปถึงการส่งเสริมศักยภาพแรงงานที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ผ่านระบบทวิภาคีตามแนวทางประชารัฐ ส่งเสริมให้แรงงานนอกระบบหรือผู้อยู่ในวัยแรงงาน ทั้งทหารเกณฑ์ก่อนปลดประจำการ ผู้ต้องขัง คนพิการ ผู้มีรายได้น้อย มีการอบรมทักษะฝีมือก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ตลอดจนทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานก่อนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว พัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานประมง ขึ้นทะเบียนประวัติแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย เพิ่มสิทธิประโยชน์เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีประสบอันตราย การสงเคราะห์บุตรจาก 400 บาท เป็น 600 บาทต่อเดือน ขยายความคุ้มครองไปถึงลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วนราชการ เพิ่มสิทธิประโยชน์ ปรับเพิ่มอัตราค่าทดแทนรายเดือนจากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือน
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องของพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ผ่านมาว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับข้อเสนอของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน มีการปรับฐานเงินบำนาญในกรณีผู้ประกันพ้นสภาพ ออกกฎหมายคุ้มครองส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพแรงงานนอกระบบ ตลอดจนสร้างความพร้อมในการแข่งขันในตลาดโลก โดยย้ำให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งหารือและพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิบัติให้ครอบคลุม ในทุกมิติ เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องผู้ใช้แรงงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมให้มากที่สุด สิ่งสำคัญที่สุด คือ การคุ้มครองคุณภาพชีวิตของแรงงานให้มีมาตรฐานตามหลักสากลและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เปรียบเสมือนทุนมนุษย์ที่สร้างคุณประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจอื่นๆ เพราะแรงงานมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ สร้างความเจริญก้าวหน้า และความมั่นคง มั่งคั่ง ให้แก่เศรษฐกิจและสังคมไทย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2562 พร้อมรับมอบข้อเรียกร้อง วันแรงงานแห่งชาติจากประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ และเยี่ยมชมนิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน สาธิตการอบรมอาชีพตัดผม การชงเครื่องดื่ม รวมไปถึงภาคเอกชนที่ร่วมมือกับกระทรวงแรงงานได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาลลาดพร้าว นายกรัฐมนตรีได้ร่วมจับรางวัลให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงานอีกด้วย
..................................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th