นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเผยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อ ครม. เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีรอให้โปรดเกล้าฯ เสียก่อน พร้อมเปิดบ้านเลี้ยงอาหารกลางวันสื่อพรุ่งนี้ที่บ้าน
วันนี้ เวลา 12.00 น. ที่บ้านพักซอยนวมินทร์ 81 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดทำบัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในส่วนของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เราก็ควรจะอยู่นิ่งไม่ควรทำอะไรแล้ว ซึ่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ยืนยันมาว่ารายชื่อครบแล้วไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี เพราะอยากให้โปรดเกล้าฯ เสียก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รายชื่อ ครม. เสร็จแล้วได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องไปถามทางทำเนียบรัฐบาล เพราะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนที่นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อต่างประเทศว่า หน้าตา ครม. อาจจะไม่สวยนั้น เป็นเรื่องธรรมดา บางครั้งรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยให้โอกาส แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะเราเชิญเขามาร่วมรัฐบาลแล้ว อย่างเช่นกระทรวงการคลังที่พรรคเพื่อแผ่นดินต้องการให้ภรรยาของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี มาเป็นรัฐมนตรี แต่ตนอยากให้น้องชายของนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรี เพราะนายจาตุรนต์ เก่งเรื่องงบประมาณและการเงินการคลัง ซึ่งเขาน่าจะให้โอกาสตน แต่เขาก็บอกว่าไม่ได้ จนถึงปานนี้แล้วก็ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลการควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเล่าให้ฟังในภายหลัง เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ เดี๋ยวทหารจะมาเขม่น แต่ตั้งใจจะทำดี อยากให้มีความสงบเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่าจะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในกองทัพได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ต้องการอวดอ้าง ซึ่งกองทัพก็ไม่ต้องการให้มีใครไปจัดการหรือเบี่ยงเบนอะไร กองทัพก็จะได้อยู่กันอย่างสบาย ผู้บัญชาการก็อยู่ 3 ปี เราเป็นคนกลาง ไปทำความเข้าใจ ไม่ได้อยู่รุ่นไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงกลาโหมออกพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม โดยการย้ายนายพล จะต้องพิจารณาผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม ซึ่งถูกมองว่า ต้องการสกัดกั้นไม่ให้การเมืองเข้าไปล้วงลูกในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะทำอะไรก็ทำเลย เพราะเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปล้วงลูกอยู่แล้ว จะมาสกัดกั้นทำไม ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจจะไปบ้านเขา เขาจะปิดประตูบ้านทำไม เราตั้งใจจะไปทำดีอยู่แล้ว ไม่คิดจะเข้าไปบ้านเขา แล้วมาปิดประตูใส่หน้าเราทำไม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ส.ส. อีสาน ไม่พอใจในเรื่องการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วน ส.ส.อีสานเข้าใจดีขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะดีได้อย่างไร เพราะเขาไม่ได้อย่างที่เขาต้องการ แต่ก็พอสมควร เพราะเป็นพรรคใหญ่ ก็ต้องมีปัญหาบ้าง ตนเคยเป็นหัวหน้าพรรคมี ส.ส. 36 คนไม่มีปัญหา พอมาเป็นหัวหน้าพรรคที่มี ส.ส. 233 คนก็ต้องมีปัญหาบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการจัดโผ ครม. รู้สึกอึกอัดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้อึดอัด สบายดี หายใจโล่ง และมีอย่างน้อย 12 ตำแหน่งที่ตนเองสับเปลี่ยน ซึ่ง ครม.หน้าตาไม่สวย แต่ขี้เหร่นิดหน่อย ทั้งนี้ จะทำงานอย่างสบายๆ ส่วนจะทำหน้าที่ได้นานแค่ไหน ก็จะพยายาม อย่างที่พูดไว้คือ ครม. อยู่ด้วยกันเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งจะพยายามทำให้เขาอยู่ ไม่ต้องกลับไปสู่สนามรบเร็วจนเกินไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ต้องขออภัยที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนญี่ปุ่น และปรากฏเป็นข่าว ทั้งเรื่องการควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหน้าตาของรัฐบาลที่ไม่ขี้เหร่ เพราะคิดว่าสื่อญี่ปุ่นจะนำไปออกที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเดียว จนทำให้ถูกต่อว่าจากสื่อมวลชนไทย ความจริงแล้วตั้งใจว่าจะให้ถึงเวลาอันสมควรก็จะพูดคุยกับสื่อของไทย ตามที่ได้สัญญากันไว้ว่าเมื่อรายชื่อ ครม. เสร็จเรียบร้อยจะทำกับข้าวให้ทาน และในวันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) เวลา 11.00 น.ขอเชิญสื่อมวลชนไทยร่วมรับประทานอาหารกลางวัน และพูดคุยอย่างเป็นกันเองทุกเรื่องยกเว้นเรื่อง ครม. ซึ่งจะลงมือทำอาหารเองคือ ตือฮวน ก๋วยเตี๋ยวแขก ซึ่งรสชาติอร่อยกว่าที่อื่น นอกจากนี้จะมีข้าวเหนียวยัดไส้ ขนมจีน แกงลูกชิ้นปลากราย และจะแจกหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค “สมัคร 60” ให้สื่อมวลชนด้วย
“ผมต้องขออภัยผู้สื่อข่าวไทย สมควรที่จะต้องโกรธผม ขออภัยจริงๆ ไม่คาดคิดว่าข่าวจะออกไปอย่างนี้ พวกเราสมควรจะโกรธผม เพราะเหมือนกับว่าไม่พูดกับสื่อไทย แต่กระแดะไปพูดกับสื่อฝรั่ง เพราะคิดว่าที่มาสัมภาษณ์จะไปออกที่ญี่ปุ่น ถามกันเก่งๆ ทั้งนั้น เมื่อออกมาเป็นข่าว ผมก็เสียหาย ต่อไปนี้ก็ต้องระมัดระวัง และไม่อยากให้นักข่าวมานั่งตากแดดตากฝนรอผมที่บ้าน แต่จะให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกิจจะลักษณะในที่ที่เหมาะสม อย่างวันนี้ไม่ออกไปไหนจะนั่งเขียนหนังสืออยู่กับบ้าน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนการทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงจะไม่ใช้รถนำขบวนแต่จะใช้รถ รปภ. ตามหลังเพียงคันเดียว เพราะสมัยที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็ไม่ใช้รถนำ ทำให้ประหยัดงบประมาณไป 5 แสนบาทต่อปี ตำรวจก็ไม่ต้องตากแดด ตากลม ตากฝุ่น ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีชุดรักษาความปลอดภัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รถคันข้างหน้าจะแก้ไขอะไรได้ ปืนก็ไม่มี จะทำอะไรได้ ไปไหนก็จะไปเป็นคณะเล็ก ๆ เพราะอย่างนายกรัฐมนตรีประเทศอื่นๆ ไปซื้อของที่ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ก็ไม่มีคนติดตามมากมาย เพราะฉะนั้น ก็จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษเพิ่มเติม พยายามที่จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เวลาไปต่างประเทศก็จะซื้อตั๋วเครื่องบินพาณิชย์ธรรมดาแบบปกติ เพราะไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย และเวลาที่ไปไหนแล้วสื่อมาถ่ายรูปก็แสดงว่าเราต้องการอวดชาวบ้าน เคยมีคนออกมากวาดถนนตอนตี 4 กลัวว่าประชาชนจะไม่รู้ เลยไปกระซิบนักข่าวให้มาถ่ายรูป ซึ่งมองแล้วไม่ดีก็ไม่อยากทำอย่างนั้น ส่วนจะมี ครม.สัญจรหรือไม่ ขณะนี้ยังไกลเกินไปที่จะพูด แต่จะมีนายกรัฐมนตรีสัญจร ซึ่งจะเดินทางไปจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดแรก เพราะเขาน้อยเนื้อต่ำใจว่าเราสนใจน้อยเกินไป ก็เลยจะไปเยี่ยม โดยจะไปเป็นคณะเล็ก 4-5 คน ส่วนการจัดรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ที่จะออกนั้น หลังจากที่เข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลแล้วก็จะได้เริ่มดำเนินรายการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 12.00 น. ที่บ้านพักซอยนวมินทร์ 81 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดทำบัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในส่วนของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เราก็ควรจะอยู่นิ่งไม่ควรทำอะไรแล้ว ซึ่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ยืนยันมาว่ารายชื่อครบแล้วไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี เพราะอยากให้โปรดเกล้าฯ เสียก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รายชื่อ ครม. เสร็จแล้วได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องไปถามทางทำเนียบรัฐบาล เพราะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนที่นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อต่างประเทศว่า หน้าตา ครม. อาจจะไม่สวยนั้น เป็นเรื่องธรรมดา บางครั้งรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยให้โอกาส แต่ก็พูดไม่ได้ เพราะเราเชิญเขามาร่วมรัฐบาลแล้ว อย่างเช่นกระทรวงการคลังที่พรรคเพื่อแผ่นดินต้องการให้ภรรยาของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี มาเป็นรัฐมนตรี แต่ตนอยากให้น้องชายของนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรี เพราะนายจาตุรนต์ เก่งเรื่องงบประมาณและการเงินการคลัง ซึ่งเขาน่าจะให้โอกาสตน แต่เขาก็บอกว่าไม่ได้ จนถึงปานนี้แล้วก็ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลการควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเล่าให้ฟังในภายหลัง เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ เดี๋ยวทหารจะมาเขม่น แต่ตั้งใจจะทำดี อยากให้มีความสงบเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่าจะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในกองทัพได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ต้องการอวดอ้าง ซึ่งกองทัพก็ไม่ต้องการให้มีใครไปจัดการหรือเบี่ยงเบนอะไร กองทัพก็จะได้อยู่กันอย่างสบาย ผู้บัญชาการก็อยู่ 3 ปี เราเป็นคนกลาง ไปทำความเข้าใจ ไม่ได้อยู่รุ่นไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงกลาโหมออกพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม โดยการย้ายนายพล จะต้องพิจารณาผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม ซึ่งถูกมองว่า ต้องการสกัดกั้นไม่ให้การเมืองเข้าไปล้วงลูกในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะทำอะไรก็ทำเลย เพราะเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปล้วงลูกอยู่แล้ว จะมาสกัดกั้นทำไม ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจจะไปบ้านเขา เขาจะปิดประตูบ้านทำไม เราตั้งใจจะไปทำดีอยู่แล้ว ไม่คิดจะเข้าไปบ้านเขา แล้วมาปิดประตูใส่หน้าเราทำไม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ส.ส. อีสาน ไม่พอใจในเรื่องการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ส่วน ส.ส.อีสานเข้าใจดีขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะดีได้อย่างไร เพราะเขาไม่ได้อย่างที่เขาต้องการ แต่ก็พอสมควร เพราะเป็นพรรคใหญ่ ก็ต้องมีปัญหาบ้าง ตนเคยเป็นหัวหน้าพรรคมี ส.ส. 36 คนไม่มีปัญหา พอมาเป็นหัวหน้าพรรคที่มี ส.ส. 233 คนก็ต้องมีปัญหาบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการจัดโผ ครม. รู้สึกอึกอัดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้อึดอัด สบายดี หายใจโล่ง และมีอย่างน้อย 12 ตำแหน่งที่ตนเองสับเปลี่ยน ซึ่ง ครม.หน้าตาไม่สวย แต่ขี้เหร่นิดหน่อย ทั้งนี้ จะทำงานอย่างสบายๆ ส่วนจะทำหน้าที่ได้นานแค่ไหน ก็จะพยายาม อย่างที่พูดไว้คือ ครม. อยู่ด้วยกันเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งจะพยายามทำให้เขาอยู่ ไม่ต้องกลับไปสู่สนามรบเร็วจนเกินไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ต้องขออภัยที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนญี่ปุ่น และปรากฏเป็นข่าว ทั้งเรื่องการควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหน้าตาของรัฐบาลที่ไม่ขี้เหร่ เพราะคิดว่าสื่อญี่ปุ่นจะนำไปออกที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเดียว จนทำให้ถูกต่อว่าจากสื่อมวลชนไทย ความจริงแล้วตั้งใจว่าจะให้ถึงเวลาอันสมควรก็จะพูดคุยกับสื่อของไทย ตามที่ได้สัญญากันไว้ว่าเมื่อรายชื่อ ครม. เสร็จเรียบร้อยจะทำกับข้าวให้ทาน และในวันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) เวลา 11.00 น.ขอเชิญสื่อมวลชนไทยร่วมรับประทานอาหารกลางวัน และพูดคุยอย่างเป็นกันเองทุกเรื่องยกเว้นเรื่อง ครม. ซึ่งจะลงมือทำอาหารเองคือ ตือฮวน ก๋วยเตี๋ยวแขก ซึ่งรสชาติอร่อยกว่าที่อื่น นอกจากนี้จะมีข้าวเหนียวยัดไส้ ขนมจีน แกงลูกชิ้นปลากราย และจะแจกหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค “สมัคร 60” ให้สื่อมวลชนด้วย
“ผมต้องขออภัยผู้สื่อข่าวไทย สมควรที่จะต้องโกรธผม ขออภัยจริงๆ ไม่คาดคิดว่าข่าวจะออกไปอย่างนี้ พวกเราสมควรจะโกรธผม เพราะเหมือนกับว่าไม่พูดกับสื่อไทย แต่กระแดะไปพูดกับสื่อฝรั่ง เพราะคิดว่าที่มาสัมภาษณ์จะไปออกที่ญี่ปุ่น ถามกันเก่งๆ ทั้งนั้น เมื่อออกมาเป็นข่าว ผมก็เสียหาย ต่อไปนี้ก็ต้องระมัดระวัง และไม่อยากให้นักข่าวมานั่งตากแดดตากฝนรอผมที่บ้าน แต่จะให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกิจจะลักษณะในที่ที่เหมาะสม อย่างวันนี้ไม่ออกไปไหนจะนั่งเขียนหนังสืออยู่กับบ้าน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนการทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงจะไม่ใช้รถนำขบวนแต่จะใช้รถ รปภ. ตามหลังเพียงคันเดียว เพราะสมัยที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก็ไม่ใช้รถนำ ทำให้ประหยัดงบประมาณไป 5 แสนบาทต่อปี ตำรวจก็ไม่ต้องตากแดด ตากลม ตากฝุ่น ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีชุดรักษาความปลอดภัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รถคันข้างหน้าจะแก้ไขอะไรได้ ปืนก็ไม่มี จะทำอะไรได้ ไปไหนก็จะไปเป็นคณะเล็ก ๆ เพราะอย่างนายกรัฐมนตรีประเทศอื่นๆ ไปซื้อของที่ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ก็ไม่มีคนติดตามมากมาย เพราะฉะนั้น ก็จะไม่ทำอะไรเป็นพิเศษเพิ่มเติม พยายามที่จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เวลาไปต่างประเทศก็จะซื้อตั๋วเครื่องบินพาณิชย์ธรรมดาแบบปกติ เพราะไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย และเวลาที่ไปไหนแล้วสื่อมาถ่ายรูปก็แสดงว่าเราต้องการอวดชาวบ้าน เคยมีคนออกมากวาดถนนตอนตี 4 กลัวว่าประชาชนจะไม่รู้ เลยไปกระซิบนักข่าวให้มาถ่ายรูป ซึ่งมองแล้วไม่ดีก็ไม่อยากทำอย่างนั้น ส่วนจะมี ครม.สัญจรหรือไม่ ขณะนี้ยังไกลเกินไปที่จะพูด แต่จะมีนายกรัฐมนตรีสัญจร ซึ่งจะเดินทางไปจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดแรก เพราะเขาน้อยเนื้อต่ำใจว่าเราสนใจน้อยเกินไป ก็เลยจะไปเยี่ยม โดยจะไปเป็นคณะเล็ก 4-5 คน ส่วนการจัดรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ที่จะออกนั้น หลังจากที่เข้าไปทำงานในทำเนียบรัฐบาลแล้วก็จะได้เริ่มดำเนินรายการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--