นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ พร้อมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล
บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลในบ่ายเมื่อวานนี้ (6 ก.พ.2551) ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้นำว่าที่คณะรัฐมนตรีใหม่ เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีและว่าที่รัฐมนตรีได้ทยอยถ่ายภาพติดบัตร ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) เมื่อได้เวลา นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำนายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เพื่อรับพระราชทานประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
จากนั้น เวลา 17.50 น.นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับมายังทำเนียบรัฐบาล และได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ท่ามกลางผู้สื่อข่าวและช่างภาพทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มารอถ่ายภาพและทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า วันนี้คณะรัฐมนตรีได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ โดยเบื้องต้นโปรดเกล้าฯ ให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ก่อน เพื่อรับพระราชทานพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วได้ย้ายห้อง ซึ่งคณะรัฐมนตรีรอเฝ้าฯ โดยนายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรีเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ทั้งนี้ทรงมีกระแสพระราชดำรัสทั้งเบื้องต้นและเบื้องท้ายที่จะออกเป็นข่าวในตอนหลัง อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีหลายคนจะไปทำงานวันพรุ่งนี้ และจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 เพื่อเตรียมการในเรื่องต่าง ๆ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมาชี้แจงแนวทางปฏิบัติของคณะรัฐมนตรีใหม่ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งคงจะไม่มีวาระที่สำคัญแต่ว่าคณะรัฐมนตรีต้องมาฟัง
ส่วนการกำหนดวันแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภานั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะต้องประชุมพิจารณากรอบนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ ก่อน แล้วจึงจะมีการนัดประชุมที่รัฐสภา ทุกกระทรวงจะหารือกันในวันนั้น โดยเรื่องที่เป็นเรื่องด่วนจะหารือกันในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ทั้งนี้ จะพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการในทุกวันอังคารและวันศุกร์ สื่อมวลชนสามารถสอบถามได้ตลอด โดยจะมีการพูดจากับสื่อดี ๆ ไม่เป็นศัตรูกับสื่อ จะพูดจากับสื่อด้วยภาษาที่ไพเราะ ไม่เป็นความเสียหาย สำหรับการแบ่งงานนั้น รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจะดูแล ส่วนนายกรัฐมนตรีจะดูแลการแบ่งงานของรองนายกรัฐมนตรี
ต่อข้อถามว่า หลักปฏิบัติงานที่จะให้คณะรัฐมนตรียึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติงานคืออะไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าคือการทำงานร่วมกันอย่างดี เรียบร้อย ไม่ขัดแย้ง บ้านเมืองล้มลุกคลุกคลานมานานเต็มทีแล้ว เราจะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยเป็นไปด้วยดี ถ้ามาร่วมประชุมแล้วไม่ร่วมมือกันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่ตั้งใจกันแล้ว ตอนที่รอเข้าเฝ้าฯ รองนายกรัฐมนตรี 6 คนได้คุยกันแล้ว วันศุกร์นี้จะคุยกันอีกครั้ง
ต่อข้อถามว่า จะมีนโยบายอย่างไรในการดูแลรัฐมนตรีไม่ให้เกิดการทุจริต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้วในปัจจุบัน คืนนี้ขอให้ฟังพระราชดำรัสทางโทรทัศน์ ซึ่งทรงมีรับสั่งถึงเรื่องนี้ด้วย เรื่องนี้แทบจะไม่ต้องพูดถึง ไปยืนยันว่าอย่างไร ให้คอยจับจ้องดูก็แล้วกัน
ต่อข้อถามว่าให้ความสำคัญกับประเด็นเศรษฐกิจอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ ได้ผ่าเป็นสองท่อน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะดูเศรษฐกิจในเรื่องการทำมาหาได้ การลงทุนต่าง ๆ ของนักลงทุนจากต่างประเทศ การนำเงินเข้าประเทศ ส่วนเรื่องการรักษาวินัยการเงินการคลัง ค่าเงินบาท นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดูแล ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีทั้งสองคนจะมีทีมงาน มีที่ปรึกษา
ต่อข้อถามถึงการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าโดยอัตโนมัติ ถ้าเราไม่ไปทะเลาะอะไรกับใครก็น่าจะเห็นว่าเราเรียบร้อยดี ใครมาทะเลาะอะไรกับเราก็ต้องดูว่าเขาทำอะไร ทำไม เราไม่ทะเลาะอะไรกับใคร ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก บ้านเมืองมาถึงจุดที่จะต้องอยู่ด้วยกันอย่างเรียบร้อยแล้ว ถ้าเราไม่ไปวอแวกับใครแล้ว เขาก็ควรจะรู้แล้วว่าควรจะไม่มาแตะต้องอะไรกับเรา
ต่อข้อถามว่า การทำงานร่วมกับกองทัพจากนี้จะเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราจะไม่มีปัญหาซึ่งกันและกัน การนำพลเรือนมาเพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องรุ่น เรื่องอะไรต่าง ๆ ทุก ๆ อย่างเรียบร้อยทุกคนเข้าใจดี ต่อข้อถามว่ามีการวางกรอบเวลาที่จะประเมินผลงานรัฐมนตรีไว้ในใจหรือยัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้โอกาสรัฐมนตรีทำงานสักระยะ ส่วนการแก้ปัญหาในภาคใต้นั้น คงจะคุยกับผู้รับผิดชอบโดยตรง เพราะมีผู้ที่ฝากข้อเสนอในการแก้ปัญหาที่น่าสนใจ
ต่อข้อถามจะมีการนำนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมามาประยุกต์ปรับใช้ด้วยหรือไม่หรือว่าจะใช้นโยบายประชานิยม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ามีรัฐธรรมนูญฉบับไหนห้ามไม่ให้นำนโยบายที่เขาใช้แล้วดีมาทำต่อ หรือไม่ กังวลทำไม มีมาตราไหนห้ามหรือไม่ นโยบายดี ๆ เอามาใช้หมด มีอะไรห้ามหรือไม่
ต่อข้อถามถึงเรื่องการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองจะไปสัญจรก่อน เช่น ถ้าไปขอนแก่น นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีก็จะไปด้วย และยังไม่อยากให้ไปกันมากมาย โดยต้องมานั่งประชุมปรึกษาหารือกันก่อน ถ้าดีก็เอาไป ไม่ต้องกำหนดกฎเกณฑ์
“ ที่สนทนากันไว้คือว่าจะทำงานให้บ้านเมือง โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าทั้ง 6 พรรคจะมีข้อแม้ข้อแย้งอะไรต่าง ๆ ผมก็พร้อมที่จะร่วมมือกับทั้ง 5 พรรคที่จะทำงานด้วยกัน คือพูดจากันดีขนาดนี้แล้ว แล้วก็บอกว่าโตกันมาจนป่านนี้แล้ว เหลือเวลาจะทำงานคงจะงวดนี้ถ้าไปถึง 4 ปีก็นับว่าโชคดีของเราที่ได้ทำงานให้บ้านเมือง ที่ผมได้เอ่ยไว้ว่าขี้เหร่นั้น แปลว่าไม่ได้อย่างใจผมที่จะอวดใครเขาเท่านั้นเอง ก็ไปตีความกันว่าคนนั้นคนนี้ คือไม่ได้อย่างใจเท่านั้น เรื่องนี้ก็เห็นความจำเป็น เห็นใจผมหน่อย แต่ด้วยมาอย่างนี้ ขี้เหร่อย่างนี้ ไม่สวย แต่ว่าจะมีคุณภาพดี จะว่าอย่างไร ฉะนั้นขอให้ให้เวลาหน่อย เรื่องบกพร่องอะไรต่าง ๆ ต่างคนต่างรู้กันอยู่ ผมมีหน้าที่อย่างยิ่งที่จะต้องดูแลให้เรียบร้อย ถ้าดูแลไม่เรียบร้อยก็เอาตัวไม่รอด” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ของนักวิชาการต่อรัฐบาลชุดใหม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าก็ให้วิพากษ์วิจารณ์ไป ไม่อยากจะตอบโต้นักวิชาการ แต่จะอ่านสิ่งที่นักวิชาการวิจารณ์ ต่อข้อถามว่า มีการวิจารณ์ว่ารัฐมนตรีบางคนไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะที่จะต้องพิสูจน์ให้คนเห็น
“ นายกฯ เป็นคนอย่างไร ทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไหม คดีความทั้งหลายก็สู้กันตรงไปตรงมา ไม่มีอิทธิพล เพราะแน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่ได้วิตกทุกข์ร้อน และไม่ท้าทาย ทุกวันนี้รักษาตัวมาได้ คนมาอยู่ด้วยกัน 35 คนก็ควรจะต้องเป็นอย่างนายกฯ ไม่อย่างนั้นนายกฯ ก็เสียชื่อเสียง ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเตรียมจัดรายการวิทยุ “สนทนาประสาสมัคร” โดยเริ่มครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ เวลา 08.30 น.
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลในบ่ายเมื่อวานนี้ (6 ก.พ.2551) ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้นำว่าที่คณะรัฐมนตรีใหม่ เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีและว่าที่รัฐมนตรีได้ทยอยถ่ายภาพติดบัตร ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) เมื่อได้เวลา นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำนายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เพื่อรับพระราชทานประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
จากนั้น เวลา 17.50 น.นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับมายังทำเนียบรัฐบาล และได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ท่ามกลางผู้สื่อข่าวและช่างภาพทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มารอถ่ายภาพและทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า วันนี้คณะรัฐมนตรีได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ โดยเบื้องต้นโปรดเกล้าฯ ให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ก่อน เพื่อรับพระราชทานพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วได้ย้ายห้อง ซึ่งคณะรัฐมนตรีรอเฝ้าฯ โดยนายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรีเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ทั้งนี้ทรงมีกระแสพระราชดำรัสทั้งเบื้องต้นและเบื้องท้ายที่จะออกเป็นข่าวในตอนหลัง อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีหลายคนจะไปทำงานวันพรุ่งนี้ และจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 เพื่อเตรียมการในเรื่องต่าง ๆ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมาชี้แจงแนวทางปฏิบัติของคณะรัฐมนตรีใหม่ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งคงจะไม่มีวาระที่สำคัญแต่ว่าคณะรัฐมนตรีต้องมาฟัง
ส่วนการกำหนดวันแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภานั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะต้องประชุมพิจารณากรอบนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ ก่อน แล้วจึงจะมีการนัดประชุมที่รัฐสภา ทุกกระทรวงจะหารือกันในวันนั้น โดยเรื่องที่เป็นเรื่องด่วนจะหารือกันในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ทั้งนี้ จะพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการในทุกวันอังคารและวันศุกร์ สื่อมวลชนสามารถสอบถามได้ตลอด โดยจะมีการพูดจากับสื่อดี ๆ ไม่เป็นศัตรูกับสื่อ จะพูดจากับสื่อด้วยภาษาที่ไพเราะ ไม่เป็นความเสียหาย สำหรับการแบ่งงานนั้น รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจะดูแล ส่วนนายกรัฐมนตรีจะดูแลการแบ่งงานของรองนายกรัฐมนตรี
ต่อข้อถามว่า หลักปฏิบัติงานที่จะให้คณะรัฐมนตรียึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติงานคืออะไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าคือการทำงานร่วมกันอย่างดี เรียบร้อย ไม่ขัดแย้ง บ้านเมืองล้มลุกคลุกคลานมานานเต็มทีแล้ว เราจะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยเป็นไปด้วยดี ถ้ามาร่วมประชุมแล้วไม่ร่วมมือกันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่ตั้งใจกันแล้ว ตอนที่รอเข้าเฝ้าฯ รองนายกรัฐมนตรี 6 คนได้คุยกันแล้ว วันศุกร์นี้จะคุยกันอีกครั้ง
ต่อข้อถามว่า จะมีนโยบายอย่างไรในการดูแลรัฐมนตรีไม่ให้เกิดการทุจริต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้วในปัจจุบัน คืนนี้ขอให้ฟังพระราชดำรัสทางโทรทัศน์ ซึ่งทรงมีรับสั่งถึงเรื่องนี้ด้วย เรื่องนี้แทบจะไม่ต้องพูดถึง ไปยืนยันว่าอย่างไร ให้คอยจับจ้องดูก็แล้วกัน
ต่อข้อถามว่าให้ความสำคัญกับประเด็นเศรษฐกิจอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ ได้ผ่าเป็นสองท่อน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะดูเศรษฐกิจในเรื่องการทำมาหาได้ การลงทุนต่าง ๆ ของนักลงทุนจากต่างประเทศ การนำเงินเข้าประเทศ ส่วนเรื่องการรักษาวินัยการเงินการคลัง ค่าเงินบาท นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดูแล ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีทั้งสองคนจะมีทีมงาน มีที่ปรึกษา
ต่อข้อถามถึงการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าโดยอัตโนมัติ ถ้าเราไม่ไปทะเลาะอะไรกับใครก็น่าจะเห็นว่าเราเรียบร้อยดี ใครมาทะเลาะอะไรกับเราก็ต้องดูว่าเขาทำอะไร ทำไม เราไม่ทะเลาะอะไรกับใคร ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก บ้านเมืองมาถึงจุดที่จะต้องอยู่ด้วยกันอย่างเรียบร้อยแล้ว ถ้าเราไม่ไปวอแวกับใครแล้ว เขาก็ควรจะรู้แล้วว่าควรจะไม่มาแตะต้องอะไรกับเรา
ต่อข้อถามว่า การทำงานร่วมกับกองทัพจากนี้จะเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราจะไม่มีปัญหาซึ่งกันและกัน การนำพลเรือนมาเพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องรุ่น เรื่องอะไรต่าง ๆ ทุก ๆ อย่างเรียบร้อยทุกคนเข้าใจดี ต่อข้อถามว่ามีการวางกรอบเวลาที่จะประเมินผลงานรัฐมนตรีไว้ในใจหรือยัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้โอกาสรัฐมนตรีทำงานสักระยะ ส่วนการแก้ปัญหาในภาคใต้นั้น คงจะคุยกับผู้รับผิดชอบโดยตรง เพราะมีผู้ที่ฝากข้อเสนอในการแก้ปัญหาที่น่าสนใจ
ต่อข้อถามจะมีการนำนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมามาประยุกต์ปรับใช้ด้วยหรือไม่หรือว่าจะใช้นโยบายประชานิยม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ามีรัฐธรรมนูญฉบับไหนห้ามไม่ให้นำนโยบายที่เขาใช้แล้วดีมาทำต่อ หรือไม่ กังวลทำไม มีมาตราไหนห้ามหรือไม่ นโยบายดี ๆ เอามาใช้หมด มีอะไรห้ามหรือไม่
ต่อข้อถามถึงเรื่องการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองจะไปสัญจรก่อน เช่น ถ้าไปขอนแก่น นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีก็จะไปด้วย และยังไม่อยากให้ไปกันมากมาย โดยต้องมานั่งประชุมปรึกษาหารือกันก่อน ถ้าดีก็เอาไป ไม่ต้องกำหนดกฎเกณฑ์
“ ที่สนทนากันไว้คือว่าจะทำงานให้บ้านเมือง โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าทั้ง 6 พรรคจะมีข้อแม้ข้อแย้งอะไรต่าง ๆ ผมก็พร้อมที่จะร่วมมือกับทั้ง 5 พรรคที่จะทำงานด้วยกัน คือพูดจากันดีขนาดนี้แล้ว แล้วก็บอกว่าโตกันมาจนป่านนี้แล้ว เหลือเวลาจะทำงานคงจะงวดนี้ถ้าไปถึง 4 ปีก็นับว่าโชคดีของเราที่ได้ทำงานให้บ้านเมือง ที่ผมได้เอ่ยไว้ว่าขี้เหร่นั้น แปลว่าไม่ได้อย่างใจผมที่จะอวดใครเขาเท่านั้นเอง ก็ไปตีความกันว่าคนนั้นคนนี้ คือไม่ได้อย่างใจเท่านั้น เรื่องนี้ก็เห็นความจำเป็น เห็นใจผมหน่อย แต่ด้วยมาอย่างนี้ ขี้เหร่อย่างนี้ ไม่สวย แต่ว่าจะมีคุณภาพดี จะว่าอย่างไร ฉะนั้นขอให้ให้เวลาหน่อย เรื่องบกพร่องอะไรต่าง ๆ ต่างคนต่างรู้กันอยู่ ผมมีหน้าที่อย่างยิ่งที่จะต้องดูแลให้เรียบร้อย ถ้าดูแลไม่เรียบร้อยก็เอาตัวไม่รอด” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ของนักวิชาการต่อรัฐบาลชุดใหม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าก็ให้วิพากษ์วิจารณ์ไป ไม่อยากจะตอบโต้นักวิชาการ แต่จะอ่านสิ่งที่นักวิชาการวิจารณ์ ต่อข้อถามว่า มีการวิจารณ์ว่ารัฐมนตรีบางคนไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะที่จะต้องพิสูจน์ให้คนเห็น
“ นายกฯ เป็นคนอย่างไร ทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไหม คดีความทั้งหลายก็สู้กันตรงไปตรงมา ไม่มีอิทธิพล เพราะแน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่ได้วิตกทุกข์ร้อน และไม่ท้าทาย ทุกวันนี้รักษาตัวมาได้ คนมาอยู่ด้วยกัน 35 คนก็ควรจะต้องเป็นอย่างนายกฯ ไม่อย่างนั้นนายกฯ ก็เสียชื่อเสียง ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเตรียมจัดรายการวิทยุ “สนทนาประสาสมัคร” โดยเริ่มครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ เวลา 08.30 น.
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--