พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ให้ปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อส่วนรวม รักษาความซื่อตรง ความดี เสียสละเพื่อคนไทย 63 ล้านคน ถ้าทำได้ตามที่ได้ตั้งใจ ประเทศชาติจะอยู่เย็นเป็นสุข
เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.2551) เวลา 16.52 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
โอกาสนี้ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะรัฐมนตรี ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ความว่า “ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ยินท่านทั้งหลายเปล่งวาจา เพื่อจะเป็นการแสดงความสัตย์ที่จะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งความจริงไม่จำเป็นที่จะพูด แต่ว่าเมื่อพูดต้องถือว่าคำพูดนี้เป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ และท่านต้องเก็บเอาไว้เป็นคำที่จะปฏิบัติ ปฏิบัติในการกระทำทุกอย่างในอนาคต เพราะว่าถ้าพูดไปแล้ว และไม่ปฏิบัติ ก็ไม่เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้น ขอให้ท่านได้ปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ที่ท่านมาเป็นรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าประเทศต้องมีผู้ใหญ่ ถ้าท่านเป็นผู้ใหญ่ ประเทศจะอยู่เย็นเป็นสุขได้ ถ้าประเทศอยู่เย็นเป็นสุข ก็หมายความว่าประชาชนมีที่พึ่ง ถ้าประชาชนมีที่พึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะมีชีวิตที่มีหลักประกันว่า จะสามารถอยู่ได้ ส่วนหลายประเทศในละแวกนี้ ก็มีความเดือดร้อน ไม่ใช่แค่ละแวกนี้ ทั่วโลกมีความเดือดร้อน เพราะไม่มีคนที่มีหลัก ท่านต้องถือว่าท่านเป็นคนที่มีหลักที่จะปฏิบัติงานทำงานเพื่อส่วนรวม
ท่านอาจจะนึกว่าแปลก ทำไมคน 35 คน จะต้องเสียสละเพื่อคน 63 ล้านคน เพราะว่าคน 63 ล้านคน เขาหวังว่าคณะรัฐมนตรีจะทำงานเพื่อเขา ถ้าไม่ทำงานเพื่อประชาชน จะทำงานเพื่ออะไร ก็ขอให้ท่านพยายามที่จะทำ อาจจะทำยาก แต่เชื่อว่าท่านจะต้องทำได้ เพื่อให้ประเทศชาติไม่ผิดหวังในงานที่ท่านกำลังทำอยู่ ถ้าหากเขาไม่ผิดหวัง ท่านก็เป็นผู้ที่มีความดี และถ้าทำด้วยความดีนั้น ที่จริงก็โก้ไม่หยอก คือโก้ดีที่ทำเพื่อให้ประชาชนได้สมหวัง และมองเห็นว่าขณะนี้เป็นรัฐมนตรีจะทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และส่วนรวมนี้ก็บอกได้ว่า ในประเทศที่อยู่ใกล้เคียงประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ เขาไม่ค่อยได้เห็นคนที่พยายามทำเพื่อส่วนรวม ท่านจะต้องทำเพื่อส่วนรวม ถ้าทำเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว ท่านก็โก้ไม่หยอก ท่านก็มีความดีอยู่กับตัวอยู่แล้ว
วันนี้เมื่อท่านได้ปฏิญาณว่าท่านจะทำเพื่อส่วนรวม ท่านก็มีเกียรติไม่น้อย เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านพยายามทำตามที่ท่านได้ปฏิญาณตน เพื่อให้เป็นผลสำเร็จที่ดี ถ้าทำได้ แม้จะนิดเดียวก็ยังดี ถ้าทำได้มากก็ยิ่งดี ฉะนั้น ขอให้ท่านรักษาความซื่อตรง และตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้พูดว่าท่านนายกฯ เองและรัฐมนตรีต่าง ๆ ได้มีความตั้งใจที่จะทำ ก็เป็นเกียรติไม่ใช่น้อย และถ้าทำให้เป็นเกียรติอย่างที่ท่านได้พูด ก็เป็นสิ่งที่ดีมาก และประเทศจะอยู่ได้ ถ้าประเทศอยู่เย็นเป็นสุขได้ ท่านเรียกว่าได้บุญ ท่านได้ปฏิบัติในสิ่งที่ดีมาก ในโลกนี้หายากคนที่ตั้งอกตั้งใจอย่างที่ท่านได้ตั้งใจที่จะทำ
ในเมืองไทยนี้ ท่านเป็นผู้ใหญ่ ในประเทศหนึ่งต้องมีผู้ใหญ่ รัฐมนตรีก็คือผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าทำสำเร็จ ท่านมีความสามารถที่จะทำด้วยความรู้ ด้วยความสามารถ ทำเพื่อให้คนจำนวนมาก ทั้ง 35 คน บวกกับนายกฯ เป็น 36 คน ทำเพื่อคนเป็นจำนวนล้าน เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่สุด และท่านเองเมื่อรักษาความดี ความตั้งใจที่จะให้คณะของท่านอยู่เย็นเป็นสุข ประเทศชาติก็อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ถ้าทำได้ดี ท่านก็มีเกียรติ คณะท่านก็มีเกียรติ ขอให้ท่านได้ทำสำเร็จเพื่อเกียรติของคณะรัฐบาลไทยและของประเทศชาติ ขอให้ท่านได้มีความสำเร็จในการกระทำที่ท่านเองได้ตั้งใจที่จะทำ และขอให้ท่านและนายกฯ มีความสำเร็จในการงาน และขอให้ท่านได้พรที่จะปฏิบัติงานสำเร็จเรียบร้อยในงานที่ท่านตั้งใจจะทำ ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานทุกอย่างที่ได้ตั้งใจจะทำ”
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.2551) เวลา 16.52 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
โอกาสนี้ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะรัฐมนตรี ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ความว่า “ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ยินท่านทั้งหลายเปล่งวาจา เพื่อจะเป็นการแสดงความสัตย์ที่จะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งความจริงไม่จำเป็นที่จะพูด แต่ว่าเมื่อพูดต้องถือว่าคำพูดนี้เป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ และท่านต้องเก็บเอาไว้เป็นคำที่จะปฏิบัติ ปฏิบัติในการกระทำทุกอย่างในอนาคต เพราะว่าถ้าพูดไปแล้ว และไม่ปฏิบัติ ก็ไม่เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้น ขอให้ท่านได้ปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ที่ท่านมาเป็นรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าประเทศต้องมีผู้ใหญ่ ถ้าท่านเป็นผู้ใหญ่ ประเทศจะอยู่เย็นเป็นสุขได้ ถ้าประเทศอยู่เย็นเป็นสุข ก็หมายความว่าประชาชนมีที่พึ่ง ถ้าประชาชนมีที่พึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะมีชีวิตที่มีหลักประกันว่า จะสามารถอยู่ได้ ส่วนหลายประเทศในละแวกนี้ ก็มีความเดือดร้อน ไม่ใช่แค่ละแวกนี้ ทั่วโลกมีความเดือดร้อน เพราะไม่มีคนที่มีหลัก ท่านต้องถือว่าท่านเป็นคนที่มีหลักที่จะปฏิบัติงานทำงานเพื่อส่วนรวม
ท่านอาจจะนึกว่าแปลก ทำไมคน 35 คน จะต้องเสียสละเพื่อคน 63 ล้านคน เพราะว่าคน 63 ล้านคน เขาหวังว่าคณะรัฐมนตรีจะทำงานเพื่อเขา ถ้าไม่ทำงานเพื่อประชาชน จะทำงานเพื่ออะไร ก็ขอให้ท่านพยายามที่จะทำ อาจจะทำยาก แต่เชื่อว่าท่านจะต้องทำได้ เพื่อให้ประเทศชาติไม่ผิดหวังในงานที่ท่านกำลังทำอยู่ ถ้าหากเขาไม่ผิดหวัง ท่านก็เป็นผู้ที่มีความดี และถ้าทำด้วยความดีนั้น ที่จริงก็โก้ไม่หยอก คือโก้ดีที่ทำเพื่อให้ประชาชนได้สมหวัง และมองเห็นว่าขณะนี้เป็นรัฐมนตรีจะทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และส่วนรวมนี้ก็บอกได้ว่า ในประเทศที่อยู่ใกล้เคียงประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ เขาไม่ค่อยได้เห็นคนที่พยายามทำเพื่อส่วนรวม ท่านจะต้องทำเพื่อส่วนรวม ถ้าทำเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว ท่านก็โก้ไม่หยอก ท่านก็มีความดีอยู่กับตัวอยู่แล้ว
วันนี้เมื่อท่านได้ปฏิญาณว่าท่านจะทำเพื่อส่วนรวม ท่านก็มีเกียรติไม่น้อย เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านพยายามทำตามที่ท่านได้ปฏิญาณตน เพื่อให้เป็นผลสำเร็จที่ดี ถ้าทำได้ แม้จะนิดเดียวก็ยังดี ถ้าทำได้มากก็ยิ่งดี ฉะนั้น ขอให้ท่านรักษาความซื่อตรง และตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้พูดว่าท่านนายกฯ เองและรัฐมนตรีต่าง ๆ ได้มีความตั้งใจที่จะทำ ก็เป็นเกียรติไม่ใช่น้อย และถ้าทำให้เป็นเกียรติอย่างที่ท่านได้พูด ก็เป็นสิ่งที่ดีมาก และประเทศจะอยู่ได้ ถ้าประเทศอยู่เย็นเป็นสุขได้ ท่านเรียกว่าได้บุญ ท่านได้ปฏิบัติในสิ่งที่ดีมาก ในโลกนี้หายากคนที่ตั้งอกตั้งใจอย่างที่ท่านได้ตั้งใจที่จะทำ
ในเมืองไทยนี้ ท่านเป็นผู้ใหญ่ ในประเทศหนึ่งต้องมีผู้ใหญ่ รัฐมนตรีก็คือผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าทำสำเร็จ ท่านมีความสามารถที่จะทำด้วยความรู้ ด้วยความสามารถ ทำเพื่อให้คนจำนวนมาก ทั้ง 35 คน บวกกับนายกฯ เป็น 36 คน ทำเพื่อคนเป็นจำนวนล้าน เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่สุด และท่านเองเมื่อรักษาความดี ความตั้งใจที่จะให้คณะของท่านอยู่เย็นเป็นสุข ประเทศชาติก็อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ถ้าทำได้ดี ท่านก็มีเกียรติ คณะท่านก็มีเกียรติ ขอให้ท่านได้ทำสำเร็จเพื่อเกียรติของคณะรัฐบาลไทยและของประเทศชาติ ขอให้ท่านได้มีความสำเร็จในการกระทำที่ท่านเองได้ตั้งใจที่จะทำ และขอให้ท่านและนายกฯ มีความสำเร็จในการงาน และขอให้ท่านได้พรที่จะปฏิบัติงานสำเร็จเรียบร้อยในงานที่ท่านตั้งใจจะทำ ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานทุกอย่างที่ได้ตั้งใจจะทำ”
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--