วันที่ 7 สิงหาคม 2562 เวลา 09.45 น. ณ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ตอนล่าง ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมเป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าพัฒนาพื้นที่จังหวัดยะลา และรับฟังข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฏฐพล ทีปสุววรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมคณะการตรวจราชการ
นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวต้อนรับและรายงานสรุปความก้าวหน้าการพัฒนาจังหวัดยะลา พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวรายงานสรุปการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่ามีการดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการพัฒนาในหลายมิติ ส่งให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม เกิดการจ้างงาน เพิ่มรายได้แก่ครัวเรือน เปลี่ยนสวนยางเป็นฟาร์มสวนยางครบวงจร พัฒนาการท่องเที่ยว และเกิดการเชื่อมโยงทางการคมนาคมกับประเทศ IMT-GT โดยมีโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ 1. อำเภอ หนองจิก จังหวัดปัตตานี เป็น “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร” โดยมีโรงงานแปรรูปทุเรียน ยางพารา มะพร้าว การปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์แบบปลอดสารเคมี ซึ่งก่อให้เกิดการเพิ่มมูลค่า สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 2. อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เป็น “เมืองต้นแบบการค้าขายชายแดนระหว่างประเทศ” มีการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมไปมาเลเซีย และสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก 2 แห่งเพื่อเชื่อมโยงไปยังภูมิภาค IMT-GT 3. อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็น “เมืองต้นแบบการพัฒนาที่พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน” มีการดำเนินโครงการ Amazing Betong การก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จุดชมวิว Skywalk ที่อัยเยอร์เวง เพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้ โครงการฯ ได้ส่งผลดีต่อภาพรวมการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 จังหวัด+ 1 คือจังหวัดสงขลา ซึ่งจะมีการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา ให้เป็น “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต”
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนใต้ โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นศูนย์กลางการบริการประชาชนในมิติต่าง ๆ และเป็น “ศูนย์กลางการบริหารราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”รวมทั้ง การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยดึงพลังจากทุกภาคส่วนมาทำงานร่วมกัน มีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางการให้บริการประชาชนในทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในพื้นที่ โดยมุ่งหวังให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาอย่างแท้จริง ซึ่งเริ่มเปิดใช้งานแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี มอบค่าตอบแทนการทำงานของผู้นำศาสนาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กับประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจาก 5 จังหวัด มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมอบบัตรส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้กับบริษัท Supreb Creation Furniture Limited (Hong Kong based company) ที่มีความประสงค์ที่จะลงทุนในพื้นที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อขยายฐานการผลิตเฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มประเทศ AEC รวมทั้งมอบหนังสือขอบคุณแก่ 5 บริษัทที่มีความตั้งใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ 1) บริษัท Supreb Creation Furniture Limited (Hong Kong based company) 2) บริษัท ดีลลักส์ จำกัด 3) บริษัท หนองจิกพัฒนา จำกัด 4) บริษัทม่าน กู่ หวาง ฟู๊ด จำกัด 5) บริษัท ฟรอนท์ อินเตอร์ วู๊ด จำกัด จากนั้นมอบหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน (โฉนดที่ดิน) ในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลาให้กับประชาชน พร้อมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้กำลังใจกับประชาชนที่ได้รับโฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวความตอนหนึ่งว่า รัฐบาลมีความห่วงใยชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นเดียวกับพี่น้องในภูมิภาคอื่น ๆ จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมในด้านทรัพยากรธรรมชาติ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และยังเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อกับอนุภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนล่าง ไม่ว่าจะเป็นประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศบรูไน ซึ่งมีอัตลักษณ์ร่วมกัน ทุกคนเป็นคนไทยที่อยู่ด้วยกันด้วยความสงบเรียบร้อย ดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ที่ผ่านมารัฐบาลได้มุ่งมั่นพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเรื่อง ในด้านความมั่นคง มีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าเป็นหน่วยงานหลัก ในด้านการพัฒนาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่บูรณาการความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐ โดยได้เร่งรัดการพัฒนาที่สำคัญหลายเรื่อง เช่น โครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ซึ่งนำร่องการพัฒนาที่สอดรับกับศักยภาพของพื้นที่ อาทิ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งจะมีการเปิดใช้สนามบินนานาชาติในพื้นที่ในกลางปี 2563 นี้ จะเน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เช่น สกายวอร์ค โดยขอขอบคุณภาคเอกชน ในความมุ่งมั่นตั้งใจเข้ามาร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องคิดร่วมกัน ว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกอย่างไรให้เกิดการบริการแบบเบ็ดเสร็จ ลดความซ้ำซ้อน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน จะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ให้คนอยู่ร่วมกับป่า ในรูปแบบป่าชุมชน เกษตรกรและประชาชนที่ไม่มีสิทธิที่ดินทำกิน ต้องมีอาชีพและรายได้จากการทำเกษตรกรรมบนที่ดินที่รัฐจัดสรรให้นอกจากนี้ รัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาประมงพาณิชย์ รวมถึงการเร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรคจากการค้าชายแดน การบริหารจัดการไฟฟ้าอย่างเป็นระบบและครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้ง จะจัดตั้งศูนย์รับซื้อผลผลิตเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรวบรวมเศษวัสดุเหลือใช้จากการทำเกษตรกรรมนำไปใช้ประโยชน์สูงสุด เพื่อส่งไปยังโรงไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็กรอบพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชุมชนนี้ จะเปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมเป็นเจ้าของและร่วมกันบริหารจัดการ เพื่อกระจายรายได้ไปสู่มือ ประชาชนให้มากที่สุด
จากนั้น นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการทำงานของศูนย์ประสานงานและบริการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ (OSOS) และศูนย์ประสานงานด้านการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้ง เยี่ยมชมและมอบเงินสนับสนุนศูนย์ประสานงานกิจการเด็กและสตรี และพบกับนักเรียน นักศึกษา ผู้ที่ได้รับทุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในพื้นที่จังหวัดยะลา
------------------------
สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th