วันนี้ (8 สิงหาคม 2562) เวลา 09.00 น. ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูงเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการขับเคลื่อนผลักดันนโยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมกันนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลที่สำคัญที่รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแล โดยผู้เข้าร่วมงานกว่า 800 คน ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี อธิบดี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บริหารหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานอิสระ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้พบกับหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง และแก้ไขปัญหาในทุกมิติ ให้กับประเทศและส่วนรวม ทั้งนี้ ทุกคนทราบดีว่าได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ไปแล้ว พร้อมกันนี้ ยังได้มีการกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินไปแล้ว โดยรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภามา ระหว่างวันที่ 25 - 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา เรียบร้อยแล้ว ส่วนนโยบายของรัฐบาล ทุกคนคงได้ศึกษาในรายละเอียดมาพอสมควร เป็นการสืบสานการทำงานต่อเนื่องจากพื้นฐานที่มีอยู่เดิม รวมทั้งแก้ปัญหาที่มีอยู่เดิม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีทั้งนโยบายเร่งด่วนระยะสั้น กลาง ยาว สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการตรวจราชการจังหวัดยะลาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความสุขคือ การเห็นรอยยิ้มของทุกคน มีมิตรไมตรีต่อกัน พึงพอใจในการทำงานของรัฐบาล และคาดหวังจะมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การพูดคุยวันนี้เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ เน้นทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน บนพื้นฐานของกฎหมาย ซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป รวมถึงแผนแม่บทและรัฐธรรมนูญ โดยมีระบบการตรวจสอบ หลายอย่างอาจมีปัญหาบ้าง โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ช่วยกันคิดพิจารณาข้อติดขัดเดิมที่มีอยู่ หลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการ ทั้งนี้ ฝากสำนักงานพูดตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ช่วยดูแลเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศทุกอย่างเดินไปได้พร้อม ๆ กัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงประเด็นรัฐธรรมนูญว่า ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายฉบับได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบันและสอดคล้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหม่รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับมีจุดมุ่งหมายในตัวเอง ที่สำคัญคือ ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างสากล ที่สุดคือการนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลไม่ นำไปใช้ใช่ในทางที่ผิดหรือเอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบหรือทำให้เกิดความขัดแย้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสำคัญของประเทศ ต้องดูรายละเอียดแต่ละมาตรา ต้องมองให้สอดคล้อง มิใช่ด้านใดด้านหนึ่ง เพราะทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือประเทศชาติ จะเดินหน้าต่อไปได้ วันนี้เราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งการปฏิรูปประเทศและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้แล้ว แต่ต้องให้มีการสอบถามประชาชนด้วยว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ตนไม่ขัดข้อง และพร้อมยอมรับ
นายกรัฐมนตรีกล่าวฝากว่า การสร้างการรับรู้ระหว่างประชาชนและข้าราชการเป็นสิ่งสำคัญจะต้องให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาประชาชนมักรู้ทีหลัง อาจปัญหาเพราะการถ่ายทอดไม่ดี ทั้งนี้ ขอให้ทุกกระทรวงชี้แจง หรือให้ตัวแทนภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อร่วมกันคิดร่วมทำกันตั้งแต่แรก โดยยึดกฎหมายเป็นพื้นฐาน อย่าให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้วมากดดันรัฐบาล ข้าราชการต้องมีคำตอบให้ประชาชนทุกเรื่อง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “วันนี้เราได้คนดีๆ เข้ามาทำงาน ขอให้ใช้เวลาในการพิสูจน์ฝีมือ ซึ่งให้เกียรติทุกคนและมีความสุข ที่ได้ทำงานกับคณะรัฐมนตรีทุกคน ก็เห็นความตั้งใจทำงานร่วมกันเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ฝากถึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่พรรคฝ่ายค้าน ต้องคำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนเรื่องอื่นก็ขอให้เป็นเรื่องทางการเมือง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความยากลำบากของประชาชนว่า เกิดมาหลายรัฐบาลและมีความพยายามแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง บางเรื่องแก้ไขได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะกฎระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย ซึ่งก็ต้องแก้ไขกันต่อไป ซึ่งต้องคำนึงถึงข้อจำกัดและอนาคตควบคู่กันไป การทำงานนั้นต้องไม่แก้ปัญหาหนึ่ง แล้วสร้างปัญหาหนึ่ง เพราะถือเป็นสิ่งที่อันตราย ข้าราชการและรัฐมนตรีต้องช่วยกันคิดมองไปถึงอนาคตข้างหน้า เพราะรัฐบาลต้องดูแลคนทั้งประเทศทุกภาคส่วน
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงมาตรการทางภาษีว่า รัฐบาลได้ศึกษามาตั้งแต่ปี 2557 แล้ว แต่ยังไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติเพราะประชาชนยังมีปัญหาอยู่ ขณะนี้จึงอยู่ในช่วงของการเตรียมความพร้อม ทุกวันนี้ทุกคนมีส่วนร่วมด้วยการเสียภาษีอยู่แล้ว ขอฝากทุกคนให้มีจิตสำนึกในการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ใช่รัฐบาลจะรีดภาษีกับทุกคนอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์ ยืนยันว่าการเงินการคลังยังมีความเข้มแข็ง เงินทุนสำรองยังอยู่ในระดับสูง เพียงมีปัญหาในเศรษฐกิจโลก จึงทำให้มีการกีดกันทางการค้า และกระทบต่อค่าเงิน ส่วนเศรษฐกิจมหภาคของประเทศถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นห่วงโซ่ที่จะลงไปสู่ระดับล่าง ขอยืนยันว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังมีความแข็งแกร่ง ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ค่าเงินบาทของไทยได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นค่าเงินที่ปลอดภัยที่สุด แต่ในภาคอุตสาหกรรมการลงทุนก็มีทั้งคุณและโทษ วันนี้ทุกคนมีความมั่นใจ ในระบบการเงินการคลังของไทย ทำให้เงินสะสมของเรามีมากอยู่พอสมควร
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลน้อมรับการวิพากษ์วิจารณ์แต่ขอให้อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น วันนี้ได้นำคณะรัฐมนตรีมาพบปะทุกคน เพราะเป็นคณะรัฐมนตรีของทุกคน ที่คนไทยเลือกกันเข้ามา ขณะเดียวกันและข้าราชการทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามา รวมทั้งข้าราชการต้องให้ร่วมมือกันทำงาน เน้นทำงานให้มีประสิทธิภาพ โดยทุกฝ่ายพร้อมเดินหน้าดูแลทั้งความสงบเรียบร้อยและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ
-------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th