พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2562 วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562 เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการแนวทางการบริหารปาล์มน้ำมันทั้งระบบ โดยมอบหมายฝ่ายเลขานุการ กนป. ดำเนินการสรุปเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ทั้งนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ มีความห่วงใยและเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอย่างเข้มงวด รอบคอบและรวดเร็วตาม 5 มาตรการดังนี้
มาตรการแรก ติดตั้งเครื่องมิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่มีอยู่ในคลังเพื่อควบคุมให้ได้ 100% แบบเรียลไทม์ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน
มาตรการที่สอง ผลักดันการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกไบโอดีเซล บี10 เป็นเกรดพื้นฐาน และน้ำมันบี 20 เป็นทางเลือกให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2562
มาตรการที่สาม เร่งรัดการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าตามมติ กนป. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อ 2 พ.ค.2562 ที่เหลืออีก 133,000 ตัน โดยให้รับซื้อเพิ่มเติมต่อไปอีก 100,000 ตัน
มาตรการที่สี่ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองกำลังทหารตามแนวชายแดน กองทัพเรือและกรมศุลกากร กวดขันมิให้มีการลักลอบนำเข้าและส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มโดยผิดกฎหมายตามช่องทางด่านศุลกากร ช่องทางธรรมชาติตลอดแนวชายแดน และช่องทางทะเล
มาตรการที่ห้า ประกันราคาผลน้ำมันปาล์มที่ราคา 4 บาท ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบในหลักการ แต่เนื่องจากหน่วยเกี่ยวข้องและภาคเอกชนยังเห็นว่ารายละเอียดในการนำไปสู่การปฏิบัติยังไม่ชัดเจนเพียงพอ จึงให้คณะอนุกรรมการนำข้อสังเกตของผู้ทรงคุณวุฒิและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาให้ได้ข้อยุติอย่างรอบด้านแล้วนำเข้ามาพิจารณาใน กปน. อีกครั้งหนึ่งก่อนนำเข้า ครม. พิจารณาต่อไป
อนึ่ง สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มภายใต้กรอบการค้าระหว่างประเทศ ยังมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศกับ องค์การการค้าโลก (WTO) และเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ซึ่งได้เน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างเข้มงวดรัดกุม มิให้มีการฉวยโอกาสของเจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการอย่างเด็ดขาด
คาดว่าการดำเนินการตาม 5 มาตรการนี้ สามารถดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มส่วนเกินออกจากตลาดให้เกิดภาวะสมดุลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาดีดตัวสูงขึ้นตามกลไกการตลาดภายในประเทศในไม่ช้า
ที่มา: http://www.thaigov.go.th