นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำ คลองท่าเรือ - หัวตรุด กิโลเมตรที่ 9+200 มีความก้าวหน้าโดยลำดับ

ข่าวทั่วไป Friday September 13, 2019 15:06 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุดกิโลเมตรที่ 9+200 มีความก้าวหน้าโดยลำดับ

วันนี้ (13 กันยายน 2562) เวลา 10.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางมาตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจติดตามความก้าวหน้าพื้นที่โครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุด กิโลเมตรที่ 9+200 (โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) โดยมี นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนให้การต้อนรับ

นายกรัฐมนตรีรับฟังสรุปความความเป็นมาและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยฯ โดยนายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง กรมชลประทาน รายงานว่าขณะนี้งานก่อสร้างประตูระบายน้ำฯ มีความก้าวหน้า 44% ส่วนภาพรวมของโครงการบรรเทาอุทกภัยฯ มีความก้าวหน้า 11% โดยเปิดโครงการฯ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2560 (ดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561) ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ถึงร้อยละ 90

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทุกอย่างดำเนินการตามกรอบ ตรงไหนทำได้ก่อนให้เร่งดำเนินการ ส่วนใดที่ยังทำไม่ได้และไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนให้หาแนวทางเจรจาเป็นไปอย่างเหมาะสม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการตามพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยรัฐบาลจะนำโครงการฯ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทุกโครงการฯ มาดำเนินการทั้งหมด ซึ่งเป็นการดำเนินงานสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการและพระราชกรณียกิจอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยรัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ เรื่องใดที่ค้างก็จะให้ทำต่อให้สำเร็จ และขอให้เจ้าหน้าที่มีการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนถึงแนวทางการแก้ปัญหาอุทกภัยของรัฐบาล ซึ่งน้ำที่ท่วมเกิดขึ้นมาจากฝนที่ตกมีปริมาณมากเกินปกติ และหลายพื้นที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ จึงต้องมีการเร่งระบายออกตามแม่น้ำสาขา พร้อมกับหาพื้นที่รองรับน้ำทำแก้มลิงเก็บไว้ก่อน แล้วค่อยระบายน้ำออก รวมทั้งมีการส่งเสริมอาชีพอื่นรองรับระหว่างน้ำยังไม่ลดด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลมีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบ 20 ปี รวมถึงการทำเกษตรอย่างยั่งยืน และฝากให้ประชาชนช่วยกันรวมกลุ่มเป็นเกษตรแปลงใหญ่

ทั้งนี้ มาตรการและโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมา ทั้งการแก้ปัญหาหนี้สิน หนี้นอกระบบ บัตรสวัสดิการ ฯลฯ ขอให้ข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม และให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการที่รัฐบาลดำเนินการ อันจะทำให้การดำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายตามห้วงเวลาที่กำหนดไว้ เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่และประเทศชาติอย่างแท้จริง

นายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล จากนายพงษ์นรา เย็นยิ่ง รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งมีพื้นที่ที่มีปัญหากัดเซาะทางทะเล ความยาว 18.455 กิโลเมตร โดยกรมโยธาฯ ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล บริเวณชายฝั่งอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ระยะทางความยาว 10.41 กิโลเมตร ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ 6.31 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างดำเนินการ 4.10 กิโลเมตร รวมทั้งกรมเจ้าท่า ดำเนินการความยาว 6.70 กิโลเมตร ดำเนินการแล้วเสร็จประมาณ 4 กิโลเมตร และเอกชน (โรงไฟฟ้ากังหันลม) ดำเนินการ 1.345 กิโลเมตร ปัจจุบันในส่วนของเอกชนดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมดแล้ว

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล บริเวณชายฝั่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางต่อไปยังโรงเรียนสาธิตองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 (ท่าเรือมิตรภาพที่ 30) ตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพบปะประชาชนและนักเรียนต่อไป

------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ