นายกรัฐมนตรีมุ่งพัฒนาพื้นที่ กระจายความเจริญและโอกาสทางเศรษฐกิจ ไปสู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึง บนหลักการเคารพ คุ้มครอง เยียวยา

ข่าวทั่วไป Wednesday September 18, 2019 14:44 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีมุ่งพัฒนาพื้นที่ กระจายความเจริญและโอกาสทางเศรษฐกิจ ไปสู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึง บนหลักการเคารพ คุ้มครอง เยียวยา ให้ประชาชนมีความสุข

วันนี้ (18 กันยายน 2562) เวลา 08.00 น. ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพคฟอรั่ม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการประชุมของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกล่าวปาฐกถาพิเศษ พร้อมด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการและประชาชน เข้าร่วมงานกว่า 2,000 คน โดยมี นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวรายงานถึงแนวคิดการจัดประชุมในครั้งนี้ว่า “พัฒนาพื้นที่ไทย เชื่อมไทย ก้าวไกล เชื่อมโลก” เพื่อนำเสนอประเด็นสำคัญระดับพื้นที่ในมิติต่าง ๆ ผลักดันการขับเคลื่อนการพัฒนาภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ตอบโจทย์เป้าหมายระยะยาวยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นการเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น สร้างการรับรู้ความเข้าใจทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคีการพัฒนาบูรณาการพัฒนาระดับพื้นที่

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดการประชุมพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ “การขับเคลื่อนเชิงพื้นที่” ความตอนหนึ่งว่า พัฒนาพื้นที่ไทย เป็นการผลักดันให้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ถูกนำไปปฏิบัติจริง ทำจริง ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อทำให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในมิติต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือการขับเคลื่อนการพัฒนาในช่วงแผนฯ 12 ซึ่งเป็น 5 ปีแรกของยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นรูปธรรม เป็นก้าวย่างที่สำคัญของการวางรากฐานที่แข็งแกร่งของประเทศ ด้วยการเร่งกำจัดจุดอ่อน ก่อนที่จะเร่งพัฒนาและเสริมจุดแข็งในช่วงเวลาต่อไป โดยมียุทธศาสตร์ชาติระยะยาว 20 ปี เป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องบรรลุ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วตามเกณฑ์มาตรฐานนานาประเทศ และที่สำคัญคือ ประเทศไทยเป็นสังคมที่คนไทยมีความสุข กินอิ่ม นอนหลับ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สังคมมีความปรองดองสมานฉันท์ ทุกคนมีที่ยืนสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ มีความพร้อมที่จะเป็นจุดศูนย์กลางด้านคมนาคมของอาเซียนทั้งทางบก ทะเล และอากาศ สามารถเชื่อมกับประเทศในคาบสมุทรอินโดจีนและเชื่อมโยงเอเชียเหนือ โดยเฉพาะจีนกับเอเชียตะวันตกโดยเฉพาะอินเดีย ทั้งมีศักยภาพขยายความเชื่อมโยงไปสู่ทวีปยุโรป แต่ละภาคของไทยมีจุดเด่นเฉพาะตัว ในด้านอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา ทรัพยากรธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ ทำอย่างไรจะพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ เป็นการค้าต่างตอบแทน เขาซื้อเรา เราซื้อเขา ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ สามารถนำมาใช้ต่อยอดเพิ่มมูลค่าสร้างการค้าสู่ระดับสากล

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ได้กำหนดให้การพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นหนึ่งในประเด็นหลักของแผนฯ เน้นกระจายความเจริญและโอกาสทางเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึงมากขึ้น พัฒนาเมืองศูนย์กลางของจังหวัดให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกกลุ่ม และเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของเมืองต่าง ๆ ให้สูงขึ้น พัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ฐานเศรษฐกิจหลักให้ขยายตัวอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน รวมถึงมุ่งพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ทุกภาคส่วนต้องนำหลักการเคารพ คุ้มครอง เยียวยา นำไปใช้ในการพัฒนาให้ประชาชนมีความสุข มีระบบการศึกษาที่สร้างการเรียนรู้เป็นการศึกษาตลอดชีวิต รวมทั้งสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาในพื้นที่อย่างยั่งยืนด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคใต้ชายแดน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก่อนเดินทางกลับ

------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ