นายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางเยือนประเทศลาว กัมพูชา มาเลเซีย และพม่า โดยจะใช้เครื่องบินพาณิชย์เพื่อความสะดวก
เมื่อเวลา 10.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ประเทศแรกที่จะเดินทางไปเยือนคือประเทศลาว จากนั้นจะเยือนกัมพูชา มาเลเซีย และพม่า ซึ่งจะเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาในวันที่ 3 มีนาคม 2551 ส่วนที่มีข่าวว่าในวันเดียวกันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปร่วมตีกอล์ฟกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ทราบจริงๆ และไม่เคยนัดหมาย เพียงแต่ทราบจากข่าว คงต้องบอกว่าทำไมบังเอิญถึงขนาดนี้ ไม่น่าเป็นไปได้
“ผมจะไปเยือนและพบกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และผมก็ไม่ตีกอล์ฟ หากจะตีกอล์ฟก็เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่ใช่กับนายกรัฐมนตรีไทย เพราะผมไม่ตีกอล์ฟ ผมไม่รู้เรื่องนี้ แต่หากจะมีการเจอกันจริง ผมก็ควรจะต้องรู้ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วถ้าจะไปเจอกับอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยฝ่ายกัมพูชาต้องบอกให้ผมรู้หน่อย แต่ถึงวันนี้ผมไม่รู้เรื่องเลย ไม่มีการบอกไม่มีการนัดหมาย เพราะฉะนั้น จะบังเอิญอะไรขนาดนั้น และผมไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนั้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปเยือนกัมพูชามีประเด็นการหารืออย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการไปเยือนปกติธรรมดาและแนะนำตัวในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ส่วนใหญ่การไปเยือนก็จะพักค้างคืน 1 คืน และการไปเยือนต่างประเทศจะใช้เครื่องบินพาณิชย์ธรรมดา โดยเลือกเที่ยวบินที่ไปถึงก่อนกำหนดพิธีการ ยกตัวอย่างที่จะไปเยือนประเทศลาว ทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะจัดเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษให้ แต่ได้บอกไปว่าจะไปเครื่องบินของการบินไทย โดยจะออกเดินทางเวลา 11.00 น. ถึง 12.00 น. พิธีการเริ่มประมาณเวลา 13.00 น. ซึ่งจะลองใช้เครื่องบินพาณิชย์ดู และคิดว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์นั้นน่าจะปลอดภัยมากกว่า รวมทั้งได้คำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่าย และความสะดวกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะขอร่วมเดินทางไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ใครชวนใครไป แต่เป็นเรื่องที่ ผบ.ทบ. แจ้งว่าจะเดินทางไปรอบๆ ประเทศอาเซียน และครั้งนี้ขอเดินทางไปด้วย ก็ต้องขอบคุณที่ ผบ.ทบ.แจ้งมาให้ทราบ ส่วนรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านนั้นได้มีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ ผบ.ทบ.จะเดินทางไปพร้อมกันนั้น ถือว่า ผบ.ทบ.ได้แสดงไมตรี และอย่างน้อยกับประเทศลาว ผบ.ทบ.ก็มีความคุ้นเคยมากกว่าตน ถือเป็นไมตรีไม่มีเรื่องอื่นใด และขอเรียนว่าการเดินทางไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นเพียงคณะเล็ก ๆ จะได้คล่องตัว ทั้งนี้ จะทำตามหน้าที่และกฎเกณฑ์ของกระทรวงการต่างประเทศทุกประการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 10.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ประเทศแรกที่จะเดินทางไปเยือนคือประเทศลาว จากนั้นจะเยือนกัมพูชา มาเลเซีย และพม่า ซึ่งจะเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชาในวันที่ 3 มีนาคม 2551 ส่วนที่มีข่าวว่าในวันเดียวกันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปร่วมตีกอล์ฟกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ทราบจริงๆ และไม่เคยนัดหมาย เพียงแต่ทราบจากข่าว คงต้องบอกว่าทำไมบังเอิญถึงขนาดนี้ ไม่น่าเป็นไปได้
“ผมจะไปเยือนและพบกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และผมก็ไม่ตีกอล์ฟ หากจะตีกอล์ฟก็เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่ใช่กับนายกรัฐมนตรีไทย เพราะผมไม่ตีกอล์ฟ ผมไม่รู้เรื่องนี้ แต่หากจะมีการเจอกันจริง ผมก็ควรจะต้องรู้ ผมเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วถ้าจะไปเจอกับอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยฝ่ายกัมพูชาต้องบอกให้ผมรู้หน่อย แต่ถึงวันนี้ผมไม่รู้เรื่องเลย ไม่มีการบอกไม่มีการนัดหมาย เพราะฉะนั้น จะบังเอิญอะไรขนาดนั้น และผมไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนั้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปเยือนกัมพูชามีประเด็นการหารืออย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการไปเยือนปกติธรรมดาและแนะนำตัวในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ส่วนใหญ่การไปเยือนก็จะพักค้างคืน 1 คืน และการไปเยือนต่างประเทศจะใช้เครื่องบินพาณิชย์ธรรมดา โดยเลือกเที่ยวบินที่ไปถึงก่อนกำหนดพิธีการ ยกตัวอย่างที่จะไปเยือนประเทศลาว ทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะจัดเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษให้ แต่ได้บอกไปว่าจะไปเครื่องบินของการบินไทย โดยจะออกเดินทางเวลา 11.00 น. ถึง 12.00 น. พิธีการเริ่มประมาณเวลา 13.00 น. ซึ่งจะลองใช้เครื่องบินพาณิชย์ดู และคิดว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์นั้นน่าจะปลอดภัยมากกว่า รวมทั้งได้คำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่าย และความสะดวกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะขอร่วมเดินทางไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ใครชวนใครไป แต่เป็นเรื่องที่ ผบ.ทบ. แจ้งว่าจะเดินทางไปรอบๆ ประเทศอาเซียน และครั้งนี้ขอเดินทางไปด้วย ก็ต้องขอบคุณที่ ผบ.ทบ.แจ้งมาให้ทราบ ส่วนรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านนั้นได้มีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ ผบ.ทบ.จะเดินทางไปพร้อมกันนั้น ถือว่า ผบ.ทบ.ได้แสดงไมตรี และอย่างน้อยกับประเทศลาว ผบ.ทบ.ก็มีความคุ้นเคยมากกว่าตน ถือเป็นไมตรีไม่มีเรื่องอื่นใด และขอเรียนว่าการเดินทางไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นเพียงคณะเล็ก ๆ จะได้คล่องตัว ทั้งนี้ จะทำตามหน้าที่และกฎเกณฑ์ของกระทรวงการต่างประเทศทุกประการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--