นายกรัฐมนตรีเผยคติธรรมประจำใจ ทำสิ่งที่พึงทำ เว้นสิ่งที่พึงเว้น รู้จักตัดสินใจให้ถูกกับสถานการณ์ พร้อมถวายความอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
เมื่อเวลา 13.30น. ณ หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พุทธมณฑล) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้ากราบนมัสการกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มากราบนมัสการกรรมการมหาเถรสมาคม ในนามรัฐบาลซึ่งมีภารกิจในการบริหารประเทศในทุกๆ ด้าน รวมทั้งศาสนาทุกศาสนาก็ถือเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดูแลและอุปถัมภ์ โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละศาสนา สำหรับศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนับถือ ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาในฐานะที่เป็นศาสนาหลักของประเทศ และจะพิจารณาถวายความอุปถัมภ์ให้เหมาะสมต่อไป พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ขอประทานเมตตาจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานสัมโมทนียกถาเพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นแนวทางให้รัฐบาลทราบนโยบายของคณะสงฆ์ เพื่อรัฐบาลจะได้มีแนวทางในการถวายความอุปถัมภ์ต่อไป
ต่อมา นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันมาฆบูชานี้คงไม่กล้าที่จะเชิญชวนคนออกมาทำความดี เพราะ ไม่ใช่คนที่ดีเด่นอะไรถึงจะได้ไปชักชวนให้คนทำความดี ถ้าหากตนทำความไม่ดีก็จะมีคนต่อว่าได้ อย่างไรก็ตามวันสำคัญของพุทธศาสนาทั้งปีมีเพียง 5 วัน คือวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษาและวันออกพรรษา อย่างน้อยที่สุดคนที่เป็นพุทธศาสนิกชนควรจะต้องเอาใจใส่ในเรื่องพุทธศาสนา
ส่วนธรรมประจำใจที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจในการทำงานนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำสิ่งที่พึงทำ เว้นสิ่งที่พึงเว้น รู้จักตัดสินใจให้ถูกกับสถานการณ์ ซึ่งถือเป็นคติประจำใจ โดยสองคำแรกนั้นอยู่ในประกาศนียบัตร เวลาที่ได้รับพระราชทานเหรียญตรา ในสมัยรัชกาลที่ 6 จะมีคำสั่งสอนผู้ที่ได้รับเหรียญตราว่า จงทำสิ่งที่พึงทำ เว้นสิ่งที่พึงเว้น ก็จดจำมาตั้งแต่เด็ก และก็มาเติมอีกนิดหนึ่งคือรู้จักตัดสินใจให้เข้ากับสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ชอบเข้าวัดมีนโยบายที่จะพัฒนาปรับปรุงพุทธศาสนาอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องทำตัวอย่างให้คนอื่นเห็น โดยการเอาใจใส่พระพุทธศาสนา มีหน้าที่ก็มา พรุ่งนี้ ( 21 ก.พ.) เช้าก็จะไปตักบาตร เย็นจะไปเวียนเทียน ก็ทำหน้าที่พุทธศาสนิกชนที่ดี แล้วสามารถอธิบายความได้ว่าอะไรเป็นอะไร สำคัญที่สุดถ้าเด็กไม่รู้ก็ต้องสอนให้เกิดความรู้และเข้าใจ ทั้งนี้ ตามพุทธศาสนามีของดี เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และประชาธิปไตย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 13.30น. ณ หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พุทธมณฑล) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้ากราบนมัสการกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มากราบนมัสการกรรมการมหาเถรสมาคม ในนามรัฐบาลซึ่งมีภารกิจในการบริหารประเทศในทุกๆ ด้าน รวมทั้งศาสนาทุกศาสนาก็ถือเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดูแลและอุปถัมภ์ โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละศาสนา สำหรับศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนับถือ ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาในฐานะที่เป็นศาสนาหลักของประเทศ และจะพิจารณาถวายความอุปถัมภ์ให้เหมาะสมต่อไป พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ขอประทานเมตตาจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานสัมโมทนียกถาเพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นแนวทางให้รัฐบาลทราบนโยบายของคณะสงฆ์ เพื่อรัฐบาลจะได้มีแนวทางในการถวายความอุปถัมภ์ต่อไป
ต่อมา นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันมาฆบูชานี้คงไม่กล้าที่จะเชิญชวนคนออกมาทำความดี เพราะ ไม่ใช่คนที่ดีเด่นอะไรถึงจะได้ไปชักชวนให้คนทำความดี ถ้าหากตนทำความไม่ดีก็จะมีคนต่อว่าได้ อย่างไรก็ตามวันสำคัญของพุทธศาสนาทั้งปีมีเพียง 5 วัน คือวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษาและวันออกพรรษา อย่างน้อยที่สุดคนที่เป็นพุทธศาสนิกชนควรจะต้องเอาใจใส่ในเรื่องพุทธศาสนา
ส่วนธรรมประจำใจที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจในการทำงานนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำสิ่งที่พึงทำ เว้นสิ่งที่พึงเว้น รู้จักตัดสินใจให้ถูกกับสถานการณ์ ซึ่งถือเป็นคติประจำใจ โดยสองคำแรกนั้นอยู่ในประกาศนียบัตร เวลาที่ได้รับพระราชทานเหรียญตรา ในสมัยรัชกาลที่ 6 จะมีคำสั่งสอนผู้ที่ได้รับเหรียญตราว่า จงทำสิ่งที่พึงทำ เว้นสิ่งที่พึงเว้น ก็จดจำมาตั้งแต่เด็ก และก็มาเติมอีกนิดหนึ่งคือรู้จักตัดสินใจให้เข้ากับสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ชอบเข้าวัดมีนโยบายที่จะพัฒนาปรับปรุงพุทธศาสนาอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องทำตัวอย่างให้คนอื่นเห็น โดยการเอาใจใส่พระพุทธศาสนา มีหน้าที่ก็มา พรุ่งนี้ ( 21 ก.พ.) เช้าก็จะไปตักบาตร เย็นจะไปเวียนเทียน ก็ทำหน้าที่พุทธศาสนิกชนที่ดี แล้วสามารถอธิบายความได้ว่าอะไรเป็นอะไร สำคัญที่สุดถ้าเด็กไม่รู้ก็ต้องสอนให้เกิดความรู้และเข้าใจ ทั้งนี้ ตามพุทธศาสนามีของดี เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และประชาธิปไตย
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--