วันนี้ (4 ต.ค. 62) เวลา 15.20 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กล่าวในรายการ Government weekly ในช่วง PM Talk โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินรายการ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลติดตามสถานการณ์ PM 2.5 มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการจราจร การเผาไหม้ โรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ได้ขอทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการแก้ปัญหาให้ทันท่วงที โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา มีการออกอนุมัติแผนปฏิบัติการลดฝุ่นละออง ในระดับ 1-4 ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมทั้งได้ขอความมร่วมมือจากหน่วยงานทุกจังหวัด รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ PM 2.5 อย่างใกล้ชิด ดูแลสุขภาพตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราจำเป็นต้องเตรียมรับมือช่วงอุณหภูมิต่ำ ในเดือนธันวาคม ที่จะถึงนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้”นั้น ว่า ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หมุนเวียนเงินในระบบ ทั้งผู้ประกอบการ โรงแรม โฮมสเตย์ ร้านค้า OTOP สิ่งสำคัญของโครงการคือสร้างแรงจูงใจในการร่วมมือกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งตนเองได้ติดตามข่าว ช่วงแรก ๆ ของการลงทะเบียนที่ผ่านมาปรากฏว่า มีคนลงทะเบียบวันละล้านคน บางวัน บางคนอาจลงทะเบียนไม่ผ่าน เพราะมีการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวจสอบบัตรประชาชน บางคนหน้าไม่ตรงก็ไม่ผ่าน ก็จะเปิดให้ลงใหม่ ซึ่งในส่วนของมาตรการระยะ 2 ต้องมีการปรับให้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยวัตถุประสงค์ของมาตรการ “ชิมช้อปใช้” คือ การใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อเกิดการใช้จ่ายเงินหมุนเวียนในระบบขึ้นมา เพราะว่า มีคนผลิต มีคนทำ ไม่ว่าในส่วนของร้านค้าประชารัฐ ร้านค้าที่ลงทะเบียน โรงแรม โรงอาหาร โฮมสเตย์ โอทอป และทุกพื้นที่ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า “โครงการดังกล่าวไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบขึ้นมา เมื่อมีการใช้ก็มีการผลิต และวัตถุดิบก็นำมาใช้ด้วย เงินจำนวน 1,000 บาท ก็ไม่สามารถใช้อะไรได้มากนัก แต่จะเป็นการสร้างแรงจูงใจ แรงกระตุ้นให้คนเหล่านั้นมาใช้”
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังแสดงความห่วงใยความปลอดภัยของประชาชน เรื่องการใช้รถ ใช้ถนน ซึ่งวันนี้สถิติอุบัติเหตุยังสูงอยู่ ทั้งๆที่กฎหมายก็มีอยู่แล้ว ซึ่งต้องมีการเข้มงวดกฎหมายหลาย ๆ พร้อมเน้นเรื่องการขับรถและขับเรือต้องมีใบอนุญาต บางคนไม่มีใบอนุญาต ต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ สิ่งสำคัญคือ ภาครัฐ ผู้ประกอบการ พลขับต้องรับผิดชอบและประชาชนก็ต้องช่วยกันดูแล หากเห็นอาการไม่ดีก็อย่าไปใช้บริการ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อรัฐบาลแต่เพื่อชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งสิ้น
...................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th