วันนี้ (30 ต.ค.62) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบรางวัล Digital Government Awards 2019 (รางวัลรัฐบาลดิจิทัลประจำปี 2562) และเปิดงาน “ประกาศผลสำรวจระดับความพร้อมรัฐบาลดิจิทัลหน่วยงานภาครัฐของประเทศไทย ประจำปี 2562" จัดโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐได้ทราบถึงความก้าวหน้าด้านรัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย รวมถึงสร้างความร่วมมือและสนับสนุนให้หน่วยงานดำเนินงานด้านรัฐบาลดิจิทัลให้เกิดการบริการภาครัฐหลายรูปแบบช่วยให้เกิดการปฏิรูประบบข้อมูลภาครัฐมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลที่เปิดและเชื่อมต่อกัน (Open and Connected Government) ไปสู่การสร้างบริการดิจิทัลภาครัฐแบบครบวงจรและเบ็ดเสร็จ โดยมี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
นายกรัฐมนตรี ได้มอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัลให้แก่หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย หน่วยงานระดับกรมที่ได้รับโล่รางวัลรัฐบาลดิจิทัล จำนวน 10 รางวัล ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การประปาส่วนภูมิภาค และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวมทั้งประกาศนียบัตรระดับจังหวัด 5 รางวัล ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด ลำพูน ระนอง เพชรบูรณ์ และอุตรดิตถ์ และ “รางวัลการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ตามโครงการยกเลิกสำเนาเอกสารราชการ” จำนวน 60 หน่วยงาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดี และชื่นชม หน่วยงานทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัล “รางวัลรัฐบาลดิจิทัล” ในระดับกรม ระดับจังหวัด 5 จังหวัด และ “รางวัลการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ตามโครงการยกเลิกสำเนาเอกสารราชการ” ที่ได้ให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนหน่วยงานให้เป็น “รัฐบาลดิจิทัล” เป็นอย่างดียิ่ง ตอบสนองนโยบายการยกเลิกสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน ทั้งนี้ รางวัลรัฐบาลดิจิทัล และรางวัลการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลตามโครงการยกเลิกสำเนาเอกสารราชการดังกล่าวถือเป็นการให้กำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจ ให้แก่หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงาน ที่ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล อย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรัฐบาลดิจิทัลว่า เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับบุคลากรภาครัฐทุกคน ซึ่งทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือกันในการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการทำงาน เรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยี รวมถึงการขจัดข้อขัดแย้ง ความท้าทาย และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการปรับเปลี่ยนองค์กร ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้มีความมุ่งมั่น ที่จะนำรัฐบาลดิจิทัลมาปรับใช้ในหน่วยงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน มุ่งมั่นที่จะพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนของเรา ต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ภาครัฐได้ขับเคลื่อนแนวคิดในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและการให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการจัดสรรสวัสดิการให้แก่ประชาชนได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น สามารถลดความซ้ำซ้อนของการจ่ายเงินสวัสดิการ ขณะที่ภาคธุรกิจได้จัดทำศูนย์กลางข้อมูลให้ธุรกิจติดต่อราชการแบบเบ็ดเสร็จ ครบวงจร ณ จุดเดียว หรือ Biz Portal ที่ให้บริการภาคธุรกิจในการขออนุญาตต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มประกอบธุรกิจ จนถึงการปิดกิจการ ผ่านระบบออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จในที่เดียว สามารถลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเข้าไปติดต่อหน่วยงานภาครัฐแต่ละแห่ง และโครงการยกเลิกสำเนาเอกสารราชการ (No Copy) เพื่อลดภาระประชาชนในการจัดเตรียมสำเนาเอกสาร เมื่อต้องติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งการผลักดันการออกพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ส่งผลให้เกิดการปฏิรูประบบข้อมูลภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลที่เปิดเผยและเชื่อมต่อกัน ภายใต้ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานภาครัฐว่า ต่อจากนี้จะเปลี่ยนไป โดยการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐจะเป็นไปตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูล ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากบริการจากภาครัฐที่สะดวก รวดเร็ว ลดใช้สำเนาเอกสาร สามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวทำได้ทุกเรื่องเป็นรูปแบบ One-Stop Service อีกทั้ง ยังสามารถนำข้อมูลเปิดของหน่วยงานภาครัฐ ไปต่อยอดพัฒนานวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตามหน่วยงานภาครัฐยังมีงานที่จะต้องทำอีกมาก เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ตลอดจนต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายในหลากหลายมิติที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นการยกระดับภาครัฐไทยสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล จำเป็นต้องดำเนินการในหลายส่วนและความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนการทำงานภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล เน้นการเชื่อมโยงข้อมูล และการทำงานของหน่วยงานภาครัฐเข้าด้วยกัน โดยการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน จะทำให้สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนระบบต่างๆ รวมถึงการพัฒนาระบบงานภายในของแต่ละหน่วยงานให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล และเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรรองรับรัฐบาลดิจิทัล โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในหน่วยงานให้มีความรู้ความสามารถในเรื่องเทคโนโลยีดิจทัล เพื่อลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงานของหน่วยงาน ตลอดจนการจัดการความปลอดภัยไซเบอร์ อีกด้วย
ภายหลังพิธีเปิดงาน นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับผลงานของผู้ได้รับรางวัล ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
-------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th