นายกรัฐมนตรีระบุการที่รัฐบาลจะดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด คือการดูแลแก้ปัญหายาเสพติดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ใช่เป็นเรื่องการฆ่าตัดตอน
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีแนวคิดจะดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดโดยยึดแนวทางเดียวกับรัฐบาล พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อมีการประกาศออกมาแสดงว่าจะมีการฆ่าตัดตอนกันทันทีอย่างนั้นหรือ แล้วทราบกันหรือไม่ว่าคำว่า“ฆ่าตัดตอน” นั้นหมายความว่าอย่างไร หากเป็นการฆ่ากันตายเอง เพราะพวกค้ายากลัวจะไปถึงนายใหญ่นายเล็กเลยฆ่ากันตายเอง คนออกนโยบายต้องรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ ตกลงไม่ต้องทำนโยบายดังกล่าวหรือ เพราะกลัวจะมีฆ่าตัดตอน กลัวมีคนมาชี้หน้าหรือ
“ผมไม่ได้พูดว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เราจะดำเนินการปราบปราม ผลกระทบย่อมมี แต่แล้วถ้ามีใครฆ่ากันตายในตอนนี้แล้วจะทำอย่างไร จะบอกว่าเป็นฆ่าตัดตอน หรือแม้ว่าฆ่าตัดตอนจริงเดือดร้อนอะไรกับคนออกนโยบาย แล้วทำไมนโยบายนี้ถึงจะต้องยกเลิก การที่ถามกันแสดงว่านโยบายนี้ไม่ควรทำหรืออย่างไร ขอถามหน่อยว่าทำไมจะต้องรู้สึกวิตกแทนพวกค้ายาเสพติด วิตกทุกข์ร้อนแทนผู้ค้ายาเสพติดหรือถึงได้ถามแบบนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกรณีตัวอย่างที่ผ่านมาก็มีที่เป็นผู้บริสุทธิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันหลังช่วยยกตัวอย่างมาให้ดูหน่อย ผู้สื่อข่าวถามว่า อย่างกรณีน้องฟลุ๊คถูกยิงตาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบกันอยู่ว่าเกิดอย่างไรเป็นอย่างไร แม่เอาลูกใส่รถไปใช่หรือไม่ แล้วทุกคดีเกิดขึ้นอย่างนั้นทั้งหมดหรือ กี่คดีก็มีแต่แม่เอาลูกใส่ไปด้วย แล้วลูกถูกยิงอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้เป็นหนึ่งคดีที่กำลังสอบและดูแลกันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสคัดค้านจากนักวิชาการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นักวิชาการคนไหน ถ้ารู้ว่าคนไหนชื่อ นามสกุลอะไร ช่วยจดเอาเบอร์โทรศัพท์มาด้วย จะโทรศัพท์คุยเองเป็นการส่วนตัว ผู้สื่อข่าวถามว่า คราวที่แล้วมีผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากบริสุทธิ์แล้วทำไมถูกฆ่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่การส่งสัญญาณของรัฐบาลต่อนโยบายนี้ลงไปแล้วจะทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการมาตรการเด็ดขาด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลส่งไปเด็ดขาด แต่ไม่บ้าถึงขนาดนั้น เพราะการกำหนดว่าวันหนึ่งต้องฆ่าได้กี่คนอย่างนั้นบ้าหรือไม่ ไม่ใช่เหตุผล การทำให้เด็ดขาดแสดงว่าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ใช่ดูกลางวันแล้วขายกลางคืน อย่างนั้นไม่เด็ดขาด ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะเดือดร้อนใคร เพราะถ้าใครทำนอกเวลาเขาก็ต้องได้ค่าล่วงเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีหลักฐานว่ามีการฆ่ากันเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาฆ่ากันเอง หากตำรวจฆ่าเรียกว่าวิสามัญฆาตกรรม ตำรวจต้องขึ้นศาล แต่ถ้าเขาฆ่ากันเองเราต้องรับผิดชอบหรือ ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า 2,500 ศพที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เป็นการฆ่ากันเองทั้งหมดหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 59 รายที่ตำรวจไปฆ่าและตำรวจต้องขึ้นศาล นอกนั้นเขาฆ่ากันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าสรุปได้แล้วใช่หรือไม่ว่าที่เหลือเป็นการฆ่าตัดตอนของกลุ่มค้ายาด้วยกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าตำรวจไม่ใช่คนฆ่า แปลว่าไม่ต้องรับผิดชอบเท่านั้นเอง ใครเขาฆ่ากันเองเราต้องรับผิดชอบหรือ ส่วนใครจะฆ่าใครก็ต้องขึ้นศาล คนฆ่ากันตายขึ้นศาลทุกวัน ไปดูได้มีลากตรวนกันทุกวัน ขอถามหน่อยว่าที่ถามกันนี้ต้องการอะไร กลัวอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลคืออะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายชัดเจนคือต้องการปราบปรามเด็ดขาด ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่าเป็นนโยบายที่ผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็เรียนกฎหมายเช่นกัน ออกนโยบายปราบปรามคนค้ายาเสพติดแล้วเขาไปฆ่ากันตายเอง ผิดกฎหมาย ผิดตรงไหนช่วยบอกที ค้ายาเสพติดกันเราก็ปราบปรามการค้ายาเสพติด
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ประเด็นที่สังคมสงสัยคือ 2,500 ศพนั้นเรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้บริสุทธิ์ ใครถูกฆ่าตัดตอน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำถามนี้เป็นไปไม่ได้ในทางนั้นเลย คุณมาถามอย่างนี้คุณถามแทนใคร ตำรวจไปฆ่าตายหรือไม่ คนที่เขาถูกฆ่าตายญาติก็ต้องมาบอกว่าใครฆ่าญาติเขา ถ้าไปกล่าวหาตำรวจ ตำรวจก็ต้องขึ้นศาลไปพิสูจน์กันตรงนั้น แต่ถ้าเขาฆ่ากันเองเราจะไปนั่งจด หรือรู้ได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่สังคมยังสงสัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่สงสัย ผู้สื่อข่าวถามว่า เขาจะฆ่ากันเองถึง 2,500 ศพเลยหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัก 5,000 ศพก็ได้ ถ้าเขาจะฆ่ากัน ก็ไม่สงสัยเลย เพราะถ้าเขาจะฆ่ากันเองเราจะทำอย่างไรได้ ขอถามสื่อย้ำว่า ทำไมวิตกทุกข์ร้อนแทนผู้ค้ายาเสพติด แปลว่าต้องออกระเบียบใช่หรือไม่ว่าตำรวจเห็นคนค้ายาเสพติดแล้วห้ามยิง คุณต้องการอย่างนี้ใช่ไหม ถ้าค้ายาเสพติดแล้วยิงต่อสู้กัน แล้วไม่ให้ตำรวจยิง แต่ให้ผู้ร้ายยิงแล้วหนีขึ้นรถไปก่อน จะให้ออกคำสั่งอย่างนั้นใช่ไหม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องปัญหายาเสพติดเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประชุมกัน เพื่อที่จะมีผู้ที่รับผิดชอบชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่านายกฯ จะปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว นายกฯ สั่งก็ต้องรับผิดชอบในนโยบาย แต่ไม่ใช่ว่ามีการฆ่ากันตายแล้วจะมาให้นายกฯ รับผิดชอบ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะประชุมได้เมื่อไร เพราะยังไม่แจ้งมา แต่จะทำโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการปราบปรามยาเสพติด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนเมื่อไปพบปะกับใครก็ต้องหารือว่าประเทศเขาจะว่าอย่างไร หากประเทศเราจะปราบปรามในประเทศแล้วเพื่อนบ้านจะปราบหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะหารือกับผู้นำทุกประเทศเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลจะมาค้ายาเสพติดได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลต่างประเทศไม่ได้ค้าแต่ถ้าเป็นเรื่องของชนกลุ่มน้อย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาก็ต้องปราบชนกลุ่มน้อยของเขา ถ้าของเรามีเราก็ต้องปราบของเรา เมื่อนโยบายตรงกันก็ต้องช่วยกันปราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขอความร่วมมืออะไรจากรัฐบาลพม่าในช่วงที่จะเดินทางไปเยือนเร็ว ๆ นี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศพม่าจะเป็นประเทศที่ 4 ในประเทศอาเซียนที่จะเดินทางไปเยือน ต้องให้ถึงเวลาก่อน ที่จริงควรจะให้เกียรตินายกรัฐมนตรีของเราบ้าง ว่าจะไปคุยอะไรอย่างไร ให้ไปก่อนแล้วค่อยกลับมาเล่าให้ฟัง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีแนวคิดจะดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดโดยยึดแนวทางเดียวกับรัฐบาล พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อมีการประกาศออกมาแสดงว่าจะมีการฆ่าตัดตอนกันทันทีอย่างนั้นหรือ แล้วทราบกันหรือไม่ว่าคำว่า“ฆ่าตัดตอน” นั้นหมายความว่าอย่างไร หากเป็นการฆ่ากันตายเอง เพราะพวกค้ายากลัวจะไปถึงนายใหญ่นายเล็กเลยฆ่ากันตายเอง คนออกนโยบายต้องรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ ตกลงไม่ต้องทำนโยบายดังกล่าวหรือ เพราะกลัวจะมีฆ่าตัดตอน กลัวมีคนมาชี้หน้าหรือ
“ผมไม่ได้พูดว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เราจะดำเนินการปราบปราม ผลกระทบย่อมมี แต่แล้วถ้ามีใครฆ่ากันตายในตอนนี้แล้วจะทำอย่างไร จะบอกว่าเป็นฆ่าตัดตอน หรือแม้ว่าฆ่าตัดตอนจริงเดือดร้อนอะไรกับคนออกนโยบาย แล้วทำไมนโยบายนี้ถึงจะต้องยกเลิก การที่ถามกันแสดงว่านโยบายนี้ไม่ควรทำหรืออย่างไร ขอถามหน่อยว่าทำไมจะต้องรู้สึกวิตกแทนพวกค้ายาเสพติด วิตกทุกข์ร้อนแทนผู้ค้ายาเสพติดหรือถึงได้ถามแบบนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกรณีตัวอย่างที่ผ่านมาก็มีที่เป็นผู้บริสุทธิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันหลังช่วยยกตัวอย่างมาให้ดูหน่อย ผู้สื่อข่าวถามว่า อย่างกรณีน้องฟลุ๊คถูกยิงตาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบกันอยู่ว่าเกิดอย่างไรเป็นอย่างไร แม่เอาลูกใส่รถไปใช่หรือไม่ แล้วทุกคดีเกิดขึ้นอย่างนั้นทั้งหมดหรือ กี่คดีก็มีแต่แม่เอาลูกใส่ไปด้วย แล้วลูกถูกยิงอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้เป็นหนึ่งคดีที่กำลังสอบและดูแลกันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสคัดค้านจากนักวิชาการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นักวิชาการคนไหน ถ้ารู้ว่าคนไหนชื่อ นามสกุลอะไร ช่วยจดเอาเบอร์โทรศัพท์มาด้วย จะโทรศัพท์คุยเองเป็นการส่วนตัว ผู้สื่อข่าวถามว่า คราวที่แล้วมีผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากบริสุทธิ์แล้วทำไมถูกฆ่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่การส่งสัญญาณของรัฐบาลต่อนโยบายนี้ลงไปแล้วจะทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการมาตรการเด็ดขาด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลส่งไปเด็ดขาด แต่ไม่บ้าถึงขนาดนั้น เพราะการกำหนดว่าวันหนึ่งต้องฆ่าได้กี่คนอย่างนั้นบ้าหรือไม่ ไม่ใช่เหตุผล การทำให้เด็ดขาดแสดงว่าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ใช่ดูกลางวันแล้วขายกลางคืน อย่างนั้นไม่เด็ดขาด ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าจะเดือดร้อนใคร เพราะถ้าใครทำนอกเวลาเขาก็ต้องได้ค่าล่วงเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีหลักฐานว่ามีการฆ่ากันเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาฆ่ากันเอง หากตำรวจฆ่าเรียกว่าวิสามัญฆาตกรรม ตำรวจต้องขึ้นศาล แต่ถ้าเขาฆ่ากันเองเราต้องรับผิดชอบหรือ ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า 2,500 ศพที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เป็นการฆ่ากันเองทั้งหมดหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 59 รายที่ตำรวจไปฆ่าและตำรวจต้องขึ้นศาล นอกนั้นเขาฆ่ากันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าสรุปได้แล้วใช่หรือไม่ว่าที่เหลือเป็นการฆ่าตัดตอนของกลุ่มค้ายาด้วยกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าตำรวจไม่ใช่คนฆ่า แปลว่าไม่ต้องรับผิดชอบเท่านั้นเอง ใครเขาฆ่ากันเองเราต้องรับผิดชอบหรือ ส่วนใครจะฆ่าใครก็ต้องขึ้นศาล คนฆ่ากันตายขึ้นศาลทุกวัน ไปดูได้มีลากตรวนกันทุกวัน ขอถามหน่อยว่าที่ถามกันนี้ต้องการอะไร กลัวอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลคืออะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายชัดเจนคือต้องการปราบปรามเด็ดขาด ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่าเป็นนโยบายที่ผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็เรียนกฎหมายเช่นกัน ออกนโยบายปราบปรามคนค้ายาเสพติดแล้วเขาไปฆ่ากันตายเอง ผิดกฎหมาย ผิดตรงไหนช่วยบอกที ค้ายาเสพติดกันเราก็ปราบปรามการค้ายาเสพติด
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ประเด็นที่สังคมสงสัยคือ 2,500 ศพนั้นเรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้บริสุทธิ์ ใครถูกฆ่าตัดตอน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำถามนี้เป็นไปไม่ได้ในทางนั้นเลย คุณมาถามอย่างนี้คุณถามแทนใคร ตำรวจไปฆ่าตายหรือไม่ คนที่เขาถูกฆ่าตายญาติก็ต้องมาบอกว่าใครฆ่าญาติเขา ถ้าไปกล่าวหาตำรวจ ตำรวจก็ต้องขึ้นศาลไปพิสูจน์กันตรงนั้น แต่ถ้าเขาฆ่ากันเองเราจะไปนั่งจด หรือรู้ได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่สังคมยังสงสัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่สงสัย ผู้สื่อข่าวถามว่า เขาจะฆ่ากันเองถึง 2,500 ศพเลยหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัก 5,000 ศพก็ได้ ถ้าเขาจะฆ่ากัน ก็ไม่สงสัยเลย เพราะถ้าเขาจะฆ่ากันเองเราจะทำอย่างไรได้ ขอถามสื่อย้ำว่า ทำไมวิตกทุกข์ร้อนแทนผู้ค้ายาเสพติด แปลว่าต้องออกระเบียบใช่หรือไม่ว่าตำรวจเห็นคนค้ายาเสพติดแล้วห้ามยิง คุณต้องการอย่างนี้ใช่ไหม ถ้าค้ายาเสพติดแล้วยิงต่อสู้กัน แล้วไม่ให้ตำรวจยิง แต่ให้ผู้ร้ายยิงแล้วหนีขึ้นรถไปก่อน จะให้ออกคำสั่งอย่างนั้นใช่ไหม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องปัญหายาเสพติดเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประชุมกัน เพื่อที่จะมีผู้ที่รับผิดชอบชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่านายกฯ จะปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัว นายกฯ สั่งก็ต้องรับผิดชอบในนโยบาย แต่ไม่ใช่ว่ามีการฆ่ากันตายแล้วจะมาให้นายกฯ รับผิดชอบ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะประชุมได้เมื่อไร เพราะยังไม่แจ้งมา แต่จะทำโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการปราบปรามยาเสพติด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนเมื่อไปพบปะกับใครก็ต้องหารือว่าประเทศเขาจะว่าอย่างไร หากประเทศเราจะปราบปรามในประเทศแล้วเพื่อนบ้านจะปราบหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะหารือกับผู้นำทุกประเทศเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลจะมาค้ายาเสพติดได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลต่างประเทศไม่ได้ค้าแต่ถ้าเป็นเรื่องของชนกลุ่มน้อย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาก็ต้องปราบชนกลุ่มน้อยของเขา ถ้าของเรามีเราก็ต้องปราบของเรา เมื่อนโยบายตรงกันก็ต้องช่วยกันปราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขอความร่วมมืออะไรจากรัฐบาลพม่าในช่วงที่จะเดินทางไปเยือนเร็ว ๆ นี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศพม่าจะเป็นประเทศที่ 4 ในประเทศอาเซียนที่จะเดินทางไปเยือน ต้องให้ถึงเวลาก่อน ที่จริงควรจะให้เกียรตินายกรัฐมนตรีของเราบ้าง ว่าจะไปคุยอะไรอย่างไร ให้ไปก่อนแล้วค่อยกลับมาเล่าให้ฟัง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--