นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายของรัฐบาลและแนวทางการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ เพื่อการปฏิบัติราชการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายของรัฐบาลและแนวทางการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ ในฐานะผู้แปลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีไปสู่การปฏิบัติ โดยผ่านการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน รวมจำนวน 500 คน ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าหน่วยงาน ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์การมหาชน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการในส่วนภูมิภาค และข้าราชการในระดับปฏิบัติการ ได้รับฟังการชี้แจงนโยบายของรัฐบาลอย่างทั่วถึง อันจะนำไปสู่การปฏิบัติราชการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชี้แจงนโยบายในภาพรวมว่า คณะรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหาร ได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา ข้าราชการในฐานะผู้ปฏิบัติต้องคิดแผนปฏิบัติในการดำเนินการต่อ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะไปรับฟังความคิดเห็นว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เพราะความคิดของรัฐบาลจะถูกแปลงเป็นแผนการปฏิบัติด้วยข้าราชการ จึงขอให้ข้าราชการให้ความร่วมมือในการช่วยกันคิดต่อ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่างแนวทางในการดำเนินการในเรื่องต่างๆ อาทิ เรื่องการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนบนรางในกรุงเทพมหานคร รวม 9 สาย ว่าจะต้องมีการวางแผนให้เส้นทางสามารถเชื่อมต่อกันได้เป็น 4 ทิศเป็นรูป X เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ และให้สร้างโรงซ่อมรถไฟฟ้าบริเวณนอกเมืองหรือชานเมือง ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดหาพื้นที่เพราะราคาถูกกว่า โดยนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดว่าควรให้รัฐบาลเป็นผู้ลงทุน หน่วยงานของรัฐเป็นผู้รับสัมปทาน และมีกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าของเหมือนเดิม เพื่อให้การดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอแนวคิดวิธีการดำเนินการใหม่ จากการเปิดประมูลเพื่อให้สัมปทานแก่บริษัทที่เสนอราคาต่ำสุด เป็นแยกโครงการใหญ่เป็นโครงการย่อย เพื่อให้บริษัทหลายบริษัทดำเนินการ แม้จะใช้งบประมาณมากขึ้น แต่โครงการใหญ่สามารถดำเนินการเสร็จในระยะเวลาที่กำหนด สำหรับแหล่งงบประมาณนั้น สามารถระดมเงินทุนจากการออกพันธบัตรรัฐบาลที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคารได้
เรื่องการปรับปรุงรถไฟ ซึ่งมีระยะทาง 3,700 กิโลเมตรทั่วประเทศ โดยปรับปรุงขบวนรถและรางให้เป็น Standard gate ที่สามารถเพิ่มความเร็วได้ ทำให้ลดเวลาในการเดินทางได้ พร้อมทั้งปรับปรุงคันดินใต้ราง ข้างบน 5 เมตร ข้างล่าง 10 เมตร แต่ถ้าต่อข้างบนอีก 5 เมตร ข้างล่างก็ไปอีกแค่ 5 เมตร เติมเป็นข้าวหลามตัด ก็จะสามารถมีคันดินที่จะวางรางใหม่โดยใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศและใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยิ่ง
เรื่องการผันน้ำ Elevation คือระดับความสูงของน้ำอยู่ตรงไหน สูงเท่าไร ขั้นต่ำเท่าไร เช่น ภูเขาเชียงดาวเป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ที่กักเก็บน้ำได้ 310 แปลว่าบวก 310 แม่งัด ลงมาถึงเชียงใหม่บวก 300 แล้ว ลดหลั่นลงมาผ่านเขื่อนภูมิพล ไปถึงนครสวรรค์บวก 23 คือระดับน้ำสูงกว่าน้ำทะเลอยู่นครสวรรค์ 23 กิโลเมตร โดยมีเขื่อนอยู่ที่ชัยนาท นี่คือเรื่องการไหลของน้ำ ไม่ต้องตั้งสูบที่ไหนเลย ทำเขื่อนภูมิพลมหึมาขึ้นมาก็เก็บไว้ 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เวลาน้ำท่วมก็เก็บไว้ เวลาน้ำแล้งก็ปล่อย ได้ทำไฟฟ้า และเพื่อการเกษตร โดยหกโมงเย็นต้องปล่อยน้ำลงมาแล้ว 8 ท่อ ผลิตไฟฟ้าให้แก่ 32 จังหวัดทุกวัน นี่คือประโยชน์ของเขื่อน
เรื่องการผันน้ำจากแม่น้ำโขง ที่ติดกับพื้นที่จังหวัดหนองคายน้ำจะขึ้นถึง 12 เมตร น้ำในฤดูแล้งอยู่บริเวณไหน ถ้าน้ำขึ้นสูงถึง 3 เมตร สามารถเจาะ tunnel ผันน้ำเข้าไทย ประเทศไทยมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง 700 กิโลเมตร มีสิทธิใช้น้ำในแม่น้ำโขงได้ 3,500 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ไปสำรวจในสมัยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งไทยได้ไปช่วยประเทศลาว 3 โครงการ ช่วยออกแบบถนนนี้ ช่วยลาว 3 วัน วันสุดท้ายได้ขอให้ลาวช่วยไทย 1 วัน โดยขอยืมเฮลิคอปเตอร์ไปตำบลปากลาย ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง พบว่า elevation บวก 230 ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์บวก 160 แตกต่างกัน 70 เมตร นายกรัฐมนตรีจึงมีแนวคิดที่จะขอเช่าริมถนนวางท่อ 29 กิโลเมตร จากที่ปากลายไปลงน้ำปาด แล้วมาลงแม่น้ำน่านที่อยู่เหนือเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเป็นวิธีที่จะเอาน้ำมาลงเขื่อนสิริกิติ์
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะมีการพิจารณาเรื่องการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทในการประชุมคณะรัฐมนตรี และได้ทำความเข้าใจว่านโยบายยาเสพติดไม่ใช่นโยบายฆ่าตัดตอนตามที่มีการเสนอข่าว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีหน้าที่ดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย และข้าราชการเป็นฝ่ายช่วยตรวจสอบดูแลการดำเนินงานทั้งหมด
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวชี้แจงภาพรวมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินว่า เป็นการนำนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 แปลงไปสู่แผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินและงบประมาณให้ชัดเจนและสอดคล้องกับแผนฯ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลจะประสบความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของข้าราชการประจำ ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนการทำงานของข้าราชการภายใต้หลักการคือผลประโยชน์ของประชาชน
อนึ่ง นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ประกอบด้วย 8 นโยบาย ดังนี้ 1) นโยบายการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก จำนวน 19 เรื่อง ได้แก่ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ดำเนินมาตรการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เพิ่มศักยภาพของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้เป็นแหล่งเงินหมุนเวียนในการลงทุน จัดสรรงบประมาณตามขนาดประชากรให้ครบทุกหมู่บ้านและชุมชน สานต่อโครงการธนาคารประชาชน สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ พักหนี้ของเกษตรกรรายย่อยและยากจนที่ผ่านกระบวนการจัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพ สร้างระบบประกันความเสี่ยงให้เกษตรกรและสร้างกลไกในการสร้างเสถียรภาพราคาของสินค้าเกษตรที่เป็นธรรม ขยายบทบาทของศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนและสถาบันอาชีวศึกษา รวมทั้งสร้างเครือข่ายศูนย์ฯ กับชุมชนและวิสาหกิจ สร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึง เร่งรัดการลงทุนที่สำคัญของประเทศ ดำเนินมาตรการลดผลกระทบจากราคาพลังงาน ฟื้นความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย วางระบบการถือครองที่ดินและกำหนดแนวเขตการใช้ที่ดินให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ขยายพื้นที่ชลประทานและเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทาน เร่งรัดมาตรการและโครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติโลกร้อน
สำหรับนโยบายที่จะต้องดำเนินการในระยะเวลา 4 ปี ได้แก่ 2) นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต จำนวน 5 เรื่อง 3) นโยบายเศรษฐกิจ จำนวน 8 เรื่อง 4) นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 7 เรื่อง 5) นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จำนวน 4 เรื่อง 6) นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จำนวน 6 เรื่อง 7) นโยบายความมั่นคงของรัฐ จำนวน 6 เรื่อง 8) นโยบายการบริหารจัดการที่ดี จำนวน 3 เรื่อง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายของรัฐบาลและแนวทางการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ ในฐานะผู้แปลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีไปสู่การปฏิบัติ โดยผ่านการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน รวมจำนวน 500 คน ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าหน่วยงาน ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์การมหาชน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการในส่วนภูมิภาค และข้าราชการในระดับปฏิบัติการ ได้รับฟังการชี้แจงนโยบายของรัฐบาลอย่างทั่วถึง อันจะนำไปสู่การปฏิบัติราชการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชี้แจงนโยบายในภาพรวมว่า คณะรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหาร ได้เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหา ข้าราชการในฐานะผู้ปฏิบัติต้องคิดแผนปฏิบัติในการดำเนินการต่อ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะไปรับฟังความคิดเห็นว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เพราะความคิดของรัฐบาลจะถูกแปลงเป็นแผนการปฏิบัติด้วยข้าราชการ จึงขอให้ข้าราชการให้ความร่วมมือในการช่วยกันคิดต่อ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่างแนวทางในการดำเนินการในเรื่องต่างๆ อาทิ เรื่องการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนบนรางในกรุงเทพมหานคร รวม 9 สาย ว่าจะต้องมีการวางแผนให้เส้นทางสามารถเชื่อมต่อกันได้เป็น 4 ทิศเป็นรูป X เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ และให้สร้างโรงซ่อมรถไฟฟ้าบริเวณนอกเมืองหรือชานเมือง ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดหาพื้นที่เพราะราคาถูกกว่า โดยนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดว่าควรให้รัฐบาลเป็นผู้ลงทุน หน่วยงานของรัฐเป็นผู้รับสัมปทาน และมีกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าของเหมือนเดิม เพื่อให้การดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอแนวคิดวิธีการดำเนินการใหม่ จากการเปิดประมูลเพื่อให้สัมปทานแก่บริษัทที่เสนอราคาต่ำสุด เป็นแยกโครงการใหญ่เป็นโครงการย่อย เพื่อให้บริษัทหลายบริษัทดำเนินการ แม้จะใช้งบประมาณมากขึ้น แต่โครงการใหญ่สามารถดำเนินการเสร็จในระยะเวลาที่กำหนด สำหรับแหล่งงบประมาณนั้น สามารถระดมเงินทุนจากการออกพันธบัตรรัฐบาลที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคารได้
เรื่องการปรับปรุงรถไฟ ซึ่งมีระยะทาง 3,700 กิโลเมตรทั่วประเทศ โดยปรับปรุงขบวนรถและรางให้เป็น Standard gate ที่สามารถเพิ่มความเร็วได้ ทำให้ลดเวลาในการเดินทางได้ พร้อมทั้งปรับปรุงคันดินใต้ราง ข้างบน 5 เมตร ข้างล่าง 10 เมตร แต่ถ้าต่อข้างบนอีก 5 เมตร ข้างล่างก็ไปอีกแค่ 5 เมตร เติมเป็นข้าวหลามตัด ก็จะสามารถมีคันดินที่จะวางรางใหม่โดยใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศและใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยิ่ง
เรื่องการผันน้ำ Elevation คือระดับความสูงของน้ำอยู่ตรงไหน สูงเท่าไร ขั้นต่ำเท่าไร เช่น ภูเขาเชียงดาวเป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ที่กักเก็บน้ำได้ 310 แปลว่าบวก 310 แม่งัด ลงมาถึงเชียงใหม่บวก 300 แล้ว ลดหลั่นลงมาผ่านเขื่อนภูมิพล ไปถึงนครสวรรค์บวก 23 คือระดับน้ำสูงกว่าน้ำทะเลอยู่นครสวรรค์ 23 กิโลเมตร โดยมีเขื่อนอยู่ที่ชัยนาท นี่คือเรื่องการไหลของน้ำ ไม่ต้องตั้งสูบที่ไหนเลย ทำเขื่อนภูมิพลมหึมาขึ้นมาก็เก็บไว้ 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เวลาน้ำท่วมก็เก็บไว้ เวลาน้ำแล้งก็ปล่อย ได้ทำไฟฟ้า และเพื่อการเกษตร โดยหกโมงเย็นต้องปล่อยน้ำลงมาแล้ว 8 ท่อ ผลิตไฟฟ้าให้แก่ 32 จังหวัดทุกวัน นี่คือประโยชน์ของเขื่อน
เรื่องการผันน้ำจากแม่น้ำโขง ที่ติดกับพื้นที่จังหวัดหนองคายน้ำจะขึ้นถึง 12 เมตร น้ำในฤดูแล้งอยู่บริเวณไหน ถ้าน้ำขึ้นสูงถึง 3 เมตร สามารถเจาะ tunnel ผันน้ำเข้าไทย ประเทศไทยมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง 700 กิโลเมตร มีสิทธิใช้น้ำในแม่น้ำโขงได้ 3,500 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ไปสำรวจในสมัยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งไทยได้ไปช่วยประเทศลาว 3 โครงการ ช่วยออกแบบถนนนี้ ช่วยลาว 3 วัน วันสุดท้ายได้ขอให้ลาวช่วยไทย 1 วัน โดยขอยืมเฮลิคอปเตอร์ไปตำบลปากลาย ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง พบว่า elevation บวก 230 ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์บวก 160 แตกต่างกัน 70 เมตร นายกรัฐมนตรีจึงมีแนวคิดที่จะขอเช่าริมถนนวางท่อ 29 กิโลเมตร จากที่ปากลายไปลงน้ำปาด แล้วมาลงแม่น้ำน่านที่อยู่เหนือเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเป็นวิธีที่จะเอาน้ำมาลงเขื่อนสิริกิติ์
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะมีการพิจารณาเรื่องการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทในการประชุมคณะรัฐมนตรี และได้ทำความเข้าใจว่านโยบายยาเสพติดไม่ใช่นโยบายฆ่าตัดตอนตามที่มีการเสนอข่าว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีหน้าที่ดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย และข้าราชการเป็นฝ่ายช่วยตรวจสอบดูแลการดำเนินงานทั้งหมด
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวชี้แจงภาพรวมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินว่า เป็นการนำนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 แปลงไปสู่แผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินและงบประมาณให้ชัดเจนและสอดคล้องกับแผนฯ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลจะประสบความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของข้าราชการประจำ ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนการทำงานของข้าราชการภายใต้หลักการคือผลประโยชน์ของประชาชน
อนึ่ง นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ประกอบด้วย 8 นโยบาย ดังนี้ 1) นโยบายการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก จำนวน 19 เรื่อง ได้แก่ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งรัดแก้ไขปัญหายาเสพติดและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ดำเนินมาตรการในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ เพิ่มศักยภาพของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้เป็นแหล่งเงินหมุนเวียนในการลงทุน จัดสรรงบประมาณตามขนาดประชากรให้ครบทุกหมู่บ้านและชุมชน สานต่อโครงการธนาคารประชาชน สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ พักหนี้ของเกษตรกรรายย่อยและยากจนที่ผ่านกระบวนการจัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพ สร้างระบบประกันความเสี่ยงให้เกษตรกรและสร้างกลไกในการสร้างเสถียรภาพราคาของสินค้าเกษตรที่เป็นธรรม ขยายบทบาทของศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนและสถาบันอาชีวศึกษา รวมทั้งสร้างเครือข่ายศูนย์ฯ กับชุมชนและวิสาหกิจ สร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึง เร่งรัดการลงทุนที่สำคัญของประเทศ ดำเนินมาตรการลดผลกระทบจากราคาพลังงาน ฟื้นความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย วางระบบการถือครองที่ดินและกำหนดแนวเขตการใช้ที่ดินให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ขยายพื้นที่ชลประทานและเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทาน เร่งรัดมาตรการและโครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติโลกร้อน
สำหรับนโยบายที่จะต้องดำเนินการในระยะเวลา 4 ปี ได้แก่ 2) นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต จำนวน 5 เรื่อง 3) นโยบายเศรษฐกิจ จำนวน 8 เรื่อง 4) นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 7 เรื่อง 5) นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จำนวน 4 เรื่อง 6) นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จำนวน 6 เรื่อง 7) นโยบายความมั่นคงของรัฐ จำนวน 6 เรื่อง 8) นโยบายการบริหารจัดการที่ดี จำนวน 3 เรื่อง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--