นายกรัฐมนตรีพบเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยและหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยหัวหน้าและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงภารกิจหลัก 3 ประการของรัฐบาลว่า
ประการแรก รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในแนวทางประชาธิปไตย ด้วยประชาชนไทยแสดงให้เห็นจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วไป เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า ต้องการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ดังนั้น รัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ดังกล่าว
ประการที่สอง รัฐบาลมุ่งมั่นฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยยึดหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง เพื่อสร้างความเข้มแข็งจากภายใน และป้องกันความเสี่ยงจากภายนอก ในขณะเดียวกัน ก็จะดำเนินนโยบายด้านการลงทุน การค้าเสรีที่เอื้อต่อการตลาด และรัฐบาลต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และต้อนรับพันธมิตรต่างๆ ประเทศ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
ประการที่สาม รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำงานใกล้ชิดกับประเทศต่างๆ และองค์การระหว่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย โดยได้กำหนดนโยบายเพื่อบรรลุเป้าหมาย ด้วยจะต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากรัฐบาลและภาคเอกชนของประเทศต่างๆ ความเข้าใจ ความสนับสนุนและแนวคิดต่างๆ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเป้าหมายหลักของรัฐบาลคือ การทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าและเดินหน้าต่อไป โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ความผาสุก และความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศเสนอวาระการเข้าร่วมประชุมเวทีต่างประเทศตลอดปี เพื่อสามารถใช้โอกาสนี้ ร่วมทำงานกับผู้นำภูมิภาคอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาซึ่งสันติภาพและความผาสุกในที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายนี้ว่า ประเทศไทยเปิดประเทศมายาวนาน ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เมื่อเวลาผ่านพ้น ไทยได้เติบโตขึ้น ปัจจุบันนี้ประชาธิปไตยของไทยได้กลับคืนมา และรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศและภูมิภาค เพื่อตอบแทนประชาชนที่ให้โอกาส นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีหวังที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับประเทศต่างๆ ในระยะเวลาอันใกล้นี้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยหัวหน้าและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงภารกิจหลัก 3 ประการของรัฐบาลว่า
ประการแรก รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในแนวทางประชาธิปไตย ด้วยประชาชนไทยแสดงให้เห็นจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วไป เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า ต้องการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ดังนั้น รัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ดังกล่าว
ประการที่สอง รัฐบาลมุ่งมั่นฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยยึดหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง เพื่อสร้างความเข้มแข็งจากภายใน และป้องกันความเสี่ยงจากภายนอก ในขณะเดียวกัน ก็จะดำเนินนโยบายด้านการลงทุน การค้าเสรีที่เอื้อต่อการตลาด และรัฐบาลต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และต้อนรับพันธมิตรต่างๆ ประเทศ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
ประการที่สาม รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำงานใกล้ชิดกับประเทศต่างๆ และองค์การระหว่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย โดยได้กำหนดนโยบายเพื่อบรรลุเป้าหมาย ด้วยจะต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากรัฐบาลและภาคเอกชนของประเทศต่างๆ ความเข้าใจ ความสนับสนุนและแนวคิดต่างๆ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเป้าหมายหลักของรัฐบาลคือ การทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าและเดินหน้าต่อไป โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ความผาสุก และความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศเสนอวาระการเข้าร่วมประชุมเวทีต่างประเทศตลอดปี เพื่อสามารถใช้โอกาสนี้ ร่วมทำงานกับผู้นำภูมิภาคอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาซึ่งสันติภาพและความผาสุกในที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายนี้ว่า ประเทศไทยเปิดประเทศมายาวนาน ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เมื่อเวลาผ่านพ้น ไทยได้เติบโตขึ้น ปัจจุบันนี้ประชาธิปไตยของไทยได้กลับคืนมา และรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศและภูมิภาค เพื่อตอบแทนประชาชนที่ให้โอกาส นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีหวังที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับประเทศต่างๆ ในระยะเวลาอันใกล้นี้
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--